กรุงเทพฯ--20 ต.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ของ บริษัท ปตท . อะโรเมติกส์และการกลั่นจำกัด (มหาชน) หรือ PTTAR และ บริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH และในขณะเดียวกันฟิทช์ประกาศเพิกถอนอันดับเครดิตภายในประเทศดังกล่าว
การเพิกถอนอันดับเครดิตของ PTTCH และ PTTAR เป็นผลจากการควบรวมกิจการระหว่าง PTTCH และ PTTAR และได้จัดตั้งขึ้นเป็นบริษัทใหม่ชื่อ พี ที ที โกบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ซึ่งฟิทช์ได้จัดอันดับเครดิต PTTGC โดยรายละเอียดอันดับเครดิตแสดงอยู่ข้างล่าง
อันดับเครดิตของ PTTGC สะท้อนถึงการกระจายความเสี่ยงที่ดีขึ้นจากความหลากหลายของสินค้าและวัตถุดิบที่มากขึ้น ขนาดธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น สถานะทางการตลาดที่ดีขึ้น และโอกาสในการขยายธุรกิจของบริษัทที่เพิ่มขึ้นหลังจากการควบรวมกิจการ ฟิทช์คาดว่าประโยชน์ที่เกิดขึ้นทันทีจากการควบรวมกิจการคือการแลกเปลี่ยนสินค้าและผลิตภัณฑ์พลอยได้ (by product) ระหว่างกัน และในระยะกลางบริษัทสามารถได้รับประโยชน์จากการวางแผนการผลิตทั้งระบบร่วมกันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในกระบวนการผลิตอีกด้วย นอกจากนี้ฟิทช์มองว่าการควบรวมกิจการยังทำให้ความสัมพันธ์ในแง่การดำเนินงานและด้านกลยุทธ์ระหว่าง PTTGC กับ บริษัทแม่ ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT (‘AAA(tha)’/Stable) เพิ่มขึ้น
อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ว่า ฐานะทางการเงินของ PTTGC จะปรับตัวดีขึ้นในช่วงปี 2554 - 2555 โดยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (adjusted net debt to EBITDAR) ของ PTTGC น่าจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.1 เท่า ในปี 2554 จาก ที่ระดับ 3.2 เท่า ในปี 2553 และลดลงต่อเนื่องลงมาต่ำกว่า 1.5 เท่า ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป เนื่องจากแผนการลงทุนที่อยู่ในระดับปานกลางและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจาก PTTGC อยู่ในช่วงของการควบรวมธุรกิจและเน้นการเดินเครื่องกำลังการผลิตใหม่ ดังนั้นการลงทุนของบริษัทไม่น่าจะสูงมากในปี 2554 – 2555 ในขณะที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยเป็นผลจากกำลังการผลิตใหม่และแนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจการกลั่นน้ำมันที่ปรับตัวดีขึ้น
ฟิทช์ได้ให้อันดับเครดิตเพิ่มขึ้นหนึ่งอันดับเครดิตจากอันดับเครดิตของ PTTGC เอง (Stand-alone Rating) เพื่อสะท้อนถึงความสัมพันธ์ในแง่การดำเนินงานและด้านกลยุทธ์ของบริษัทกับ ปตท. ภายใต้หลักเกณฑ์การจัดอันดับเดรดิตของฟิทช์เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทลูก (parent and subsidiary rating linkage criteria) หลังจากการควบรวมกิจการ โดย PTTGC จะเป็นผู้ซื้อหลักทั้งผลิตภัณฑ์ก๊าซจากโรงแยกก๊าซและคอนเดนเสทจาก ปตท. นอกจากนี้การควบรวมกิจการยังแสดงให้เห็นถึงนโยบายของ ปตท. ที่ชัดเจนมากขึ้นที่จะให้ PTTGC เป็นผู้นำในด้านธุรกิจปิโตรเคมีของกลุ่มเพื่อขยายธุรกิจปิโตรเคมีทั้งในและต่างประเทศ ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ในแง่การดำเนินงานระหว่าง บริษัท กับ ปตท. มิได้แตกต่างไปจากช่วงก่อนการควบรวมกิจการมากนัก ขนาดของบริษัทที่ใหญ่ขึ้นหลังจากการควบรวมกิจการทำให้ความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบริษัทต่อ ปตท. เพิ่มขึ้น โดย PTTGC จะเป็นบริษัทที่มีสัดส่วนในส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมของ ปตท. ที่มากที่สุดในบรรดาบริษัทลูกที่อยู่ในธุรกิจปลายน้ำ ในครึ่งปีแรกของปี 2554 ร้อยละ 14 ของ กำไรสุทธิของ ปตท. มาจาก PTTGC
อันดับเครดิตของ PTTGC ถูกลดทอนจากความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์ตามวัฎจักรของธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นน้ำมัน ซึ่งทำให้อัตราส่วนกำไรและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานมีความผันผวน นอกจากนี้บริษัทยังมีความเสี่ยงจากการจัดหาน้ำมันดิบ เนื่องจากประเทศไทยต้องพึ่งพาแหล่งน้ำมันดิบจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูง บริษัทยังมีความเสี่ยงจากฐานการผลิตที่กระจุกตัวและการพึ่งพาตลาดเดียวในการขายผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของบริษัท โดยผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ อะโรเมติกส์ และน้ำมันสำเร็จรูปของบริษัทจำหน่ายภายในประเทศเป็นหลัก
รายละเอียดอันดับเครดิตของ PTTAR
รายละเอียดอันดับเครดิตของ PTTCH
รายละเอียดอันดับเครดิตของ PTTGC
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit