กรุงเทพฯ--17 ต.ค.--กองประชาสัมพันธ์ กทม.
กทม.เผยสถานการณ์น้ำยังไม่วิกฤติ ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นเกิดจากน้ำฝนไม่ใช่น้ำเหนือ ห่วงพื้นที่ด้านตะวันออกเสี่ยงน้ำท่วม เหตุกรมชลไม่ปิดประตูระบายน้ำคลอง 1 เร่งประสานกองทัพอากาศสร้างแนวคันกั้นน้ำ พร้อมขอบริจาคอุปกรณ์สร้างแนวคันกั้นน้ำเพิ่มเติม เตรียมรับมือน้ำหนุนช่วงปลายเดือน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประชุมประเมินสถานการณ์น้ำในกรุงเทพฯ ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ก่อนแถลงสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครว่า ยังไม่วิกฤติสามารถรับมือได้ แม้ปริมาณน้ำมีมาก แต่เป็นปริมาณน้ำที่เกิดจากฝนไม่ใช่น้ำเหนือ สำหรับปริมาณน้ำไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาวัดได้ที่ประตูระบายน้ำอำเภอบางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ที่ 3,821 ลบ.ม./วินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 43 ลบ.ม./วินาที ระดับแม่น้ำเจ้าพระยาวัดที่ปากคลองตลาดอยู่ที่ 2.06 ซม. ซึ่งมีระดับต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ขณะที่น้ำในคลองสายหลักต่างๆ ยังคงปกติ ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาช่วงค่ำที่ผ่านมาสูงสุดวัดที่เขตธนบุรี อยู่ที่ 154.5 มม.
หวั่นพื้นที่ด้านตะวันออกกระทบ เหตุกรมชลไม่ปิดประตูระบายน้ำคลอง1
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้แสดงความเป็นห่วงพื้นที่ด้านตะวันออกของกรุงเทพมหานคร บริเวณเขตดอนเมือง และเขตสายไหมที่อาจเสี่ยงน้ำท่วมได้ เนื่องจากกรมชลประทานยังไม่สามารถปิดประตูระบายน้ำคลอง 1 จังหวัดปทุมธานีได้ ซึ่งจะทำให้มวลน้ำจากทางเหนือไหลเข้าสู่พื้นที่เพิ่มขึ้นถึงวันละ 2 ซม. อย่างไรก็ดี กรุงเทพมหานครจะเร่งประสานกรมชลประทานให้เจรจากับประชาชนในพื้นที่คลอง1 เพื่อลดการเปิดประตูระบายน้ำ พร้อมขอความร่วมมือไปยังกองทัพอากาศสร้างแนวคันกั้นน้ำในบริเวณเขตสายไหม ระยะทาง 6 กม. เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ
ขอบริจาคทราย กระสอบทราย และวัสดุอื่น เพื่อป้องกันน้ำท่วม
แม้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันกรุงเทพมหานครยังสามารถรับมือได้ และเชื่อว่าจะผ่านพ้นไปด้วยดี แต่ในช่วงปลายเดือนจะมีสถานการณ์น้ำทะเลหนุนอีกครั้ง วอนประชาชนอย่าทำลายคันกั้นน้ำ พร้อมขอบริจาคทราย กระสอบทราย ไม้ และวัสดุอื่นๆ รวมถึงเงินช่วยเหลือ เพื่อนำไปจัดซื้อวัสดุทำคันกั้นน้ำเพิ่มเติมด้วย พร้อมกันนี้ ในวันพรุ่งนี้ (17 ต.ค.54) เวลา 13.00 น.ได้ขอความร่วมมือจากอาสาสมัครร่วมกรอกทรายใส่กระสอบที่ศูนย์ก่อสร้างและบูรณะถนน 4 ซึ่งอยู่ติดกับโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit