กลุ่มธนาคารโลก (IFC) ปล่อย CTF Fund โครงการแรกของไทย ให้กลุ่มเอสพีซีจี พร้อมการสนับสนุนเงินกู้จาก กสิกรไทย กรุงศรีอยุธยา ธนชาต

12 Oct 2011

กรุงเทพฯ--12 ต.ค.--ธนาคารกสิกรไทย

กสิกรไทย ร่วมกับไอเอฟซี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารธนชาต ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนด้วยแสงอาทิตย์ของกลุ่มเอสพีซีจี ปล่อยกู้โครงการโซล่าฟาร์มเพิ่มอีก 2 แห่ง มูลค่ารวม 890 ล้านบาท เพื่อให้บริษัทเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใหญ่ที่สุดเมื่อโครงการทั้งหมดแล้วเสร็จพร้อมได้รับการสนับสนุนจาก กองทุน Clean Technology Fund (CTF) เป็นกองทุน multi-donor จัดการโดยธนาคารโลก (World Bank) อิงกฎ UNFCCC ให้เฉพาะโครงการที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและภูมิอากาศ สืบเนื่องต่อให้คนรุ่นหลัง ซึ่งเป็นโครงการแรกของประเทศไทย

โดยนายเซอร์จิโอ พิเมนตา ผู้อำนวยการ ฝ่ายภาคพื้นแปซิฟิกและเอเชียตะวันออก บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ กลุ่มสมาชิกธนาคารโลก (Mr. Sergio Pimenta, Director, East Asia & Pacific, IFC) กล่าวถึงกองทุน CTF ว่า เป็นกองทุนที่สนับสนุนด้านการเงินสำหรับโครงการที่ช่วยในการลดระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร่วมกับธนาคารเพื่อการพัฒนาระดับภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งนี้ เพื่อมุ่งเน้นส่งเสริมการลงทุนที่ช่วยลดและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของภาครัฐและภาคเอกชน การสนับสนุนของ IFC ผ่านทางกลุ่มเอสพีซีจีในครั้งนี้จะทำให้มีพลังงานหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน และการสร้างงานในเขตชนบท พร้อมกันนี้ ความร่วมมือนี้จะช่วยผลักดันการลงทุนของภาคเอกชนไทยในด้านการกระตุ้นการผลิตพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนจากโครงการขนาดเล็ก ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้การสนับสนุนทางการเงินได้เพิ่มมากขึ้นในอนาคต

ด้าน นางสาววันดี กุญชรยาคง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการโซล่าฟาร์มโคราช 2 และ เลย 1 ซึ่งมีกำลังการผลิตแห่งละขนาด 6 เมกะวัตต์ ใช้เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากแผงพลังงานแสงอาทิตย์แบบ Polycrystalline ที่ผลิตโดยกลุ่มบริษัท เคียวเซร่า จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผงพลังงานแสงอาทิตย์หลักในอุตสาหกรรม ขณะที่ปัจจุบันกลุ่มเอสพีซีจี มีโครงการโซล่าฟาร์มแล้ว 5 โครงการ ที่โคราช 1 สกลนคร นครพนม 1 และอีก 2 โครงการข้างต้นได้แก่ โซล่าฟาร์มโคราช 2 และ เลย 1 มีกำลังผลิตรวม 30 เมกะวัตต์ และได้เชื่อมต่อขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้ง 5 โครงการ กลุ่มเอสพีซีจีพัฒนาโซล่าฟาร์มขนาดใหญ่ (large commercial scale) 6 เมกะวัตต์ ทั้งหมด 34 โครงการ รวมกำลังการผลิตกว่า 204 เมกะวัตต์ ซึ่งทางบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า กฟภ. เป็นที่เรียบร้อยทั้งหมดแล้ว จะพัฒนาให้แล้วเสร็จภายในปี 2556 และในอนาคตบริษัทจะเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

นายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นโครงการแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุน Clean Technology Fund (CTF) ซึ่งเป็นกองทุนนานาชาติเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมพลังงานสะอาดและการลดโลกร้อน โดยธนาคารกสิกรไทย ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการเงินกู้ (Mandated Lead Arranger) ให้แก่บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) โดยร่วมกับบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (International Finance Corporation) หรือ IFC ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารธนชาต สนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มเอสพีซีจี จำนวนเงินรวม 890 ล้านบาท แบ่งเป็น ธนาคารกสิกรไทย จำนวน 210 ล้านบาท ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำนวน 158 ล้านบาท ธนาคารธนชาต จำนวน 158 ล้านบาท และบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ จำนวน 244 ล้านบาท และ CTF Fund จำนวน 120 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการโซล่าฟาร์มในจังหวัดนครราชสีมา แห่งที่ 2 และโซล่าฟาร์มจังหวัดเลย กำลังการผลิตแห่งละ 6 เมกกะวัตต์ เพื่อจำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าขนาดเล็กมาก นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทย ยังได้รับแต่งตั้งให้เป็น ตัวแทนเจ้าหนี้ฝั่งธนาคารพาณิชย์ไทย (Commercial Bank Facility Agent) และตัวแทนหลักประกัน (Security Agent) ให้มีหน้าที่ให้บริการวงเงินอื่น ๆ เช่น การเปิดเอกสาร Letter of Credit ในการนำเข้าแผงพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงวงเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงในด้านอัตราแลกเปลี่ยนด้วย