กรุงเทพฯ--7 ก.ย.--ฝ่ายประชาสัมพันธ์ มูลนิธิ มีชัย วีระไวทยะ
บริษัทและองค์กรต่างๆ ตื่นตัวในการให้องค์ความรู้เรื่องการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility: CSR) กับผู้บริหาร พนักงาน และลูกค้า เพิ่มขึ้นทุกทีอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ล่าสุดธนาคารกสิกรไทยได้จัดการสัมมนาทั่วประเทศ เฉลี่ยเดือนละครั้ง ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-ธันวาคม 2554 ให้กับลูกค้า เจ้าของกิจการธุรกิจขนาดย่อม (SMEs) ในจังหวัดต่างๆทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
หัวข้อของการสัมมนาคือ ‘สูตรสำเร็จของการบริหารองค์กรอย่างยั่งยืน’ และหัวข้อที่เกี่ยวกับ CSR เรื่อง ‘เปิดมุมมองของการบริหารองค์กรอย่างยั่งยืน’ ที่บรรยายพิเศษโดยคุณมีชัย วีระไวทยะ นายกสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชนและผู้ก่อตั้งบริษัท ธุรกิจเพื่อพัฒนาการศึกษาและชนบท จำกัด (Business for Rural Education and Development: B.R.E.A.D.) คุณมีชัยได้เปิดมุมมองว่าการที่บุคคลหรือบริษัท ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก ขนาดย่อม หรือขนาดใหญ่ สามารถมีจิตสาธารณะทำประโยชน์ให้สังคมได้หลายรูปแบบ ถ้ามีความพร้อมก็สามารถจัดตั้งบริษัทธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise: SE) เพื่อทำธุรกิจ นำผลกำไรมาช่วยเหลือสังคม เช่น ช่วยพัฒนาการศึกษาเด็กชนบท ที่ด้อยโอกาสให้มีโอกาสทัดเทียมกับเด็กในเมืองหลวง เป็นการลดช่องว่างความเลื่อมล้ำในสังคม ช่วยเหลือด้านอาชีพให้ชาวบ้านพ้นจากความยากจน
คุณมีชัยยังได้เปิดโอกาสให้ SMEs ที่สนใจ สามารถติดต่อเข้ามาหารือ หาแนวทางสู่ความสำเร็จได้ เพราะมีรูปแบบที่ประสบความสำเร็จมากมาย นอกจากนั้น บริษัทอีกเป็นจำนวนมากอาจจะต้องการพาพนักงานออกไปทำความดีช่วยเหลือสังคม ก็สามารถทำได้ เช่น เป็นครูอาสาสมัครช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ไปสอน นักเรียนที่โรงเรียนมัธยมมีชัยพัฒนา อ. ลำปลายมาศ จ. บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นโรงเรียนต้นแบบสำหรับคนจน ได้รับการยกย่องเป็นระดับมาตรฐานสากล และมีรูปแบบความคิดริเริ่มสร้างสรรค์อย่างยิ่ง นอกจากสอนให้เด็กเก่งแล้ว ยังสอนให้เป็นคนดี มีคุณธรรมช่วยเหลือสังคม
นอกจากนั้นการช่วยเหลือชาวบ้านสามารถช่วยในรูปแบบขององค์ความรู้ในการประกอบธุรกิจที่แต่ละบริษัทมีความถนัด รวมถึงการบริจาคอุปกรณ์ไอที หนังสือ หรือ ของเล่นเด็ก และล่าสุดคือการอาสาสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้านกิตติมศักดิ์ ได้อีกด้วย
อนึ่ง ประเทศไทยมีหมู่บ้านรวมกว่า 80,000 หมู่บ้าน ถ้าแต่ละบริษัทเข้าช่วยเหลือสนับสนุนในแต่ละหมู่บ้าน ชาวบ้านก็จะหายจนทั้งประเทศ จากประสบการณ์ที่สะสมมา สามารถกำหนดงบประมานที่ใช้ในการพัฒนาคือ 3,000 บาทต่อคน จะทำให้ชาวบ้านหายจนได้ และงบประมาณที่บริษัทหรือองค์กรที่สนับสนุนจะไม่หายไปไหน จะถูกนำไปจัดตั้งเป็น ‘ธนาคารพัฒนาหมู่บ้าน’ ซึ่งจะงอกเงยขึ้นมาตลอด
ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับและประจักษ์ทั่วโลกแล้วว่า องค์กรที่มีการเติมเต็มด้วยการทำกิจกรรมเพื่อสังคมนั้นจะดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
รายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อรับฟังการบรรยาย การสร้างโรงเรียนแนวใหม่ การสนับสนุนโครงการครูอาสา ผู้ใหญ่บ้านกิตติมศักดิ์ บริจาคอุปกรณ์ไอที ฯลฯ กรุณาติดต่อ:ทีมประชาสัมพันธ์ สุภาพร รุ่งเจริญเกียรติอีเมลล์: [email protected] / เจียรไน ตันติเวสส อีเมลล์: [email protected]
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit