กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
บลจ.ไอเอ็นจี ปลื้มกระแส “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (3)” ดีต่อเนื่อง หลังนักลงทุนให้การตอบรับ ชี้แม้เหตุความวุ่นวายในตะวันออกกลางจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันให้พุ่งสูงขึ้น ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน แต่มั่นใจการใช้กลยุทธ์จับจังหวะตลาดเหมาะสมกับภาวะการลงทุนในขณะนี้มากที่สุด ผนวกกับการใช้เทคนิคการคัดเลือกหุ้นดี ส่งผลให้กองทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ถึงเป้าหมายได้ไม่ยาก ระบุเปิดจองซื้อถึง 3 มี.ค.นี้ จองขั้นต่ำแค่ 2,000 บาท
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ได้เสนอขายหน่วยลงทุนของ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (3)” ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีกระแสตอบรับที่ดี โดยมีผู้จองหน่วยลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งลูกค้าที่พลาดจากการลงทุนในกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (2) และลูกค้าใหม่ที่สนใจลงทุน โดยปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้นักลงทุนสนใจ ส่วนหนึ่งมาจากการที่ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ ขณะนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่แพงมากนัก อีกทั้งความเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่มีความแข็งแกร่งสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนทิศทางของตลาดหุ้น
“จากเหตุการณ์ความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่าน โดยเฉพาะเหตุการณ์การประท้วงอย่างรุนแรงที่เกิดกับประเทศลิเบียนั้น เป็นปัจจัยที่กดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับตัวลดลง รวมทั้งตลาดหุ้นไทยก็ได้รับผลกระทบในครั้งนี้เช่นกัน และความกังวลต่อภาวการณ์ขาดแคลนน้ำมันก็ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ (WTI Crude Oil) ขยับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยู่ระดับประมาณ 97.28 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (24 กุมภาพันธ์ 2554) จนมีความกังวลของนักลงทุนว่าอาจส่งผลกระทบต่ออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว
ในประเด็นดังกล่าว จะเห็นได้ว่าราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากเหตุการณ์ความไม่สงบของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ซึ่งแตกต่างจากเมื่อปี 2008 ที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจากความต้องการน้ำมันของกลุ่มประเทศเกิดใหม่และต่อมาปรับตัวลดลงจากวิกฤตการณ์ทางการเงินของสหรัฐฯ เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองเหตุการณ์จะพบว่ามีความแตกต่างกัน ในครั้งนี้หากเหตุการณ์นั้นคลี่คลายลงเราเชื่อว่าราคาน้ำมันจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ อีกทั้งรายงานปริมาณน้ำมันสำรองของประเทศผู้ผลิตน้ำมันกลุ่ม OPEC อยู่ในระดับสูงเพียงพอที่จะทดแทนปริมาณการผลิตน้ำมันของประเทศลิเบียในระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันได้ทั้งหมด และยังพบว่าปริมาณการผลิตน้ำมันของประเทศนอกกลุ่ม OPEC มีอัตราการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผลิตเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
และยิ่งเมื่อพิจารณายอดซื้อของนักลงทุนต่างชาติจะพบว่ามีการกลับเข้ามาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยซึ่งนับเป็นสัปดาห์ที่ 2 แล้ว ทั้งนี้เพราะปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศที่ยังแข็งแกร่ง ประกอบกับระดับอัตราส่วนราคาหุ้นต่อการของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ที่ระดับ 11.2 ซึ่งต่ำกว่าภูมิภาคาที่ 12 เท่า และราคาหุ้นที่ถูกขายทำกำไรในช่วงต้นปีนั้น ตอนนี้มีราคาไม่แพง จึงเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย
“เราคิดว่ากลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมในภาวะหุ้นผันผวนเช่นนี้คือการเลือกใช้เทคนิคการจับจับหวะการลงทุน (Market Timing) เพื่อการหาช่วงจังหวะที่ดีในการเข้าซื้อหรือขายหุ้น และเทคนิคการเลือกการคัดเลือกหุ้น (Stock Selection) ที่คาดหมายว่าจะสามารถสร้างกำไรที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์การบริหารกลุ่มกองทุนอีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% ของไอเอ็นจี ซึ่งเป็นกองทุนที่เราตั้งเป้าหมายผลตอบแทนและใช้เทคนิคการบริหารการลงทุน ในการสร้างโอกาสให้ผลตอบแทนบรรลุเป้าหมายได้ภายในระยะเวลาไม่นาน ภายใต้สภาพแวดล้อมการลงทุนที่เอื้ออำนวย” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจกองทุนและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าว
ทั้งนี้ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (3)” อยู่ระหว่างการเสนอขายหน่วยลงทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งจะเปิดให้จองซื้อจนถึงวันที่ 3 มีนาคมนี้ โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้เทคนิคการเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีผลประกอบการดี มีแนวโน้มการเติบโตสูง (Stock Selection) และการจับจังหวะที่เหมาะสมในการเข้า-ออกตลาด (Market Timing) เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนตามเป้าหมาย โดยเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนสุทธิ (NAV) เพิ่มขึ้นจากราคาเสนอขายครั้งแรกที่ 10 บาท ไปอยู่ที่ 11.20 บาทต่อหน่วย ณ วันใดวันหนึ่ง กองทุนฯก็จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดโดยอัตโนมัติ พร้อมเลิกกองทุน และนำเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนไปลงทุนใน “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์” ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่มีสภาพคล่องสูงสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการแทน
“กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ ทริกเกอร์ 10% (3)” ของ บลจ.ไอเอ็นจี เสนอขายระหว่างวันที่ 23 กุมภาพันธ์ถึง 3 มีนาคมนี้ โดยกำหนดอัตราจองซื้อขั้นต่ำ 2,000 บาท ผู้สนใจสามารถขอรายละเอียดได้ที่ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) โทร.02-688-7777 กด 2 หรือ www.ingfunds.co.th
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit