กรุงเทพฯ--17 มี.ค.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
ซับเวย์ (SUBWAY) เชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่มีสาขามากที่สุดในโลก ถึงกว่า 34,000 แห่งใน 95 ประเทศทั่วโลก ประกาศตอกย้ำความสำเร็จ ก้าวเป็นแบรนด์ที่มีสาขามากที่สุดในโลก! ด้วยกลยุทธ์ด้านแฟรนไชส์ ตั้งเป้าขยายสาขาทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะครบ 45,000 สาขา ในปี 2015 โดยสาขาในประเทศไทย จะเพิ่มเป็น 120 สาขาทั่วประเทศ
มร.เฟรด เดอลูคา (Fred DeLuca) ประธานและผู้ร่วมก่อตั้งเชนแซนด์วิช “ซับเวย์” เผยในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยว่า “ซับเวย์ มีแผนการรุกตลาดทั่วโลก คาดเปิดสาขาใหม่ทั่วโลกกว่า 2,000 แห่งทุกๆ ปี โดยในปี 2015 ตั้งเป้าหมายจะเปิดให้ครบ 45,000 สาขา ด้วยกลยุทธ์การตลาดหลักๆ 13 ประการ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ อาทิ การพัฒนาคุณภาพของสินค้า, การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งผ่านสื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์, การพัฒนากิจกรรม ความรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมกับกลยุทธ์ด้านแฟรนไชส์ ที่ถือเป็นหัวใจหลักที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำให้ซับเวย์มองเป้าหมายของผู้มาเป็นแฟรนไชส์ซี ที่มีอายุระหว่าง 25-45 ปี มีความมุ่งมั่นสู่การเรียนรู้ธุรกิจใหม่ๆ สามารถรับนโยบาย เต็มใจทำงานหนัก พร้อมมีความสามารถในการขาย”
“ขณะนี้ร้านซับเวย์ในเอเชียเปิดให้บริการกว่า 1,000 แห่งในหลายประเทศในเอเชีย อาทิ จีน ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลี ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ล่าสุดได้เปิดซับเวย์แห่งแรกที่เวียดนามเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และกำลังศึกษาตลาดเพื่อเปิดร้านซับเวย์ที่อินโดนีเซียเร็วๆ นี้
สำหรับในประเทศไทย ซับเวย์มีแฟรนไชส์ 36 สาขา แต่ละแห่งบริหารโดยบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย มีพนักงานไทยกว่า 400 คน มีแฟรนไชส์ซีทั้งสิ้น 17 ราย และ 9 ใน 17 ราย เปิดร้านซับเวย์มากกว่า 1 แห่ง สูงสุดที่เปิดอยู่คือ 8 สาขาโดยผู้ซื้อแฟรนไชส์คนเดียว ด้วยงบประมาณราว 4-5 ล้านบาท ก็สามารถเปิดร้านแซนด์วิช “ซับเวย์” 1 แห่ง โดยรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด และรวมค่าแฟรนไชส์แรกเข้า 10,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 300,000 บาท โดยให้สิทธิ์ในการใช้ตราสินค้า ค่ารอยัลตี้ฟี แนวคิดทางธุรกิจ การตลาด และระบบการดำเนินงาน นับว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงหรับลงทุนธุรกิจ ภายในสิ้นปี 2011 จะเปิดร้านซับเวย์อีก 10 สาขา อาทิ ที่ซีคอนสแควร์ กรุงเทพฯ, สนามบินสุวรรณภูมิ เทอร์มินอล 21,หาดกระรน ภูเก็ต, เชียงใหม่ ฯลฯ
“แม้ว่าตลาดหลักของแซนด์วิชซับเวย์ จะอยู่ในอเมริกา แคนาดา และต่อด้วยตลาดออสเตรเลียและอังกฤษที่เท่าๆ กัน แต่ตลาดประเทศไทย ก็ถือเป็นคีย์มาร์เก็ตในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” มร.เดอลูคา กล่าวปิดท้าย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ โทร 02-434-8300, 02-434-8547 สุจินดา, แสงนภา, ปนัดดา
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit