X-MEN: FIRST CLASS (เอ็กซ์-เม็น: รุ่นหนึ่ง) – ขั้นตอนการสร้าง

01 Jun 2011

กรุงเทพฯ--1 มิ.ย.--MMM Digital

ช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2010 ที่ Pinewood Studios ในลอนดอน การต่อสู้ของมนุษย์กลายพันธุ์เพื่อเอาชีวิตอยู่รอดได้เริ่มขึ้น ในฉากซับซ้อนที่เป็นสำนักงานของ MIB ซึ่งตอนนี้เป็นที่ซ่อนตัวของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งบีส (นิโคลาส เฮาล์ต), มิสทีก (เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์), ดาร์วิน (อีดี้ กาเธกี้), เท็มเปสต์ (โซอี้ เครวิตซ์), ฮาว็อค (ลูคัส ทิล) และแบนชี่ (คาเล็บ แลนดรี้ โจนส์) โดยพลังอำนาจแห่ง Hellfire Club ของเซบาสเตียน ชอว์ ที่นำทีมโดยอาซาเซล (เจสัน เฟลมมิ่ง) และริพไทด์ (อเล็กซ์ กอนซาเลซ) ที่พวกเขากำลังเข้าโจมตี

ยินดีต้อนรับสู่โลกที่ก้าวไปอย่างรวดเร็วของ X-MEN: FIRST CLASS (เอ็กซ์-เม็น: รุ่นหนึ่ง) มุมมองใหม่ของซีรี่ส์ที่โด่งดัง จากความสำเร็จสดๆ ร้อนๆ ของภาพยนตร์คอมเมดี้ซูเปอร์ฮีโร่ปี 2010 เรื่อง KICK-ASS กำกับโดยแมทธิว วอนก์ ผู้ทำหน้าที่ควบคุมภาพยนตร์แฟรนไชส์ที่โด่งดังที่สุดเรื่อง X-MEN ภาคที่ 5 และเป็นการหวนกลับสู่รากฐานของซีรี่ส์

ฉากหลังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิกฤติขีปณาวุธคิวบาในปี 1962 ภาพยนตร์มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการเผชิญหน้าครั้งแรกระหว่างคู่อริที่สำคัญของภาพยนตร์ X-MEN สามภาคแรกอย่าง โพรเฟสเซอร์ ชาร์ลส์ ซาเวียร์ (แสดงโดย เจมส์ แม็คอวอย) และเอริค เลห์นเชอร์ ฉายาแม็กนีโต (ไมเคิล แฟสเบ็นเดอร์) ห่างไกลจากความเป็นศัตรูคู่อาฆาต ตอนนี้เราพบพวกเขาเป็นเพื่อนใหม่ของกันและกัน ร่วมมือกันค้นหาโลกแห่งมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งใบที่เป็นเหมือนกับพวกเขา

“ผมจำตอนที่ดูเรื่อง THIRTEEN DAYS ได้ และนั่นคือช่วงที่พบเรื่องวิกฤติขีปณาวุธคิวบาเป็นครั้งแรก และผมคิดว่านั่นคือภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม” ผู้กำกับแมทธิว วอนก์ อธิบาย “ผมรักไอเดียของการหยิบเรื่องนั้นมา และการมีมนุษย์กลายพันธุ์ที่พยายามก่อสงครามโลกครั้งที่ 3 เพราะสิ่งที่เรากำลังพูดถึงคือรังสีที่ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ มันเป็นเนื้อเรื่องที่เหมือนเจมส์ บอนด์ เขาเป็นคนร้ายที่แสดงเป็นชาวรัสเซียที่เป็นปรปักษ์ต่อชาวอเมริกัน แต่เราเล่นกับเรื่องวิกฤติขีปณาวุธคิวบา”

สำหรับเจมส์ แม็คอวอย แม้ว่าอาจมีลักษณะที่แตกต่างกัน ภาคนี้มีความเป็นต้นกำเนิดมากกว่าภาพยนตร์ X-MEN สามภาคแรก “เราอาจไม่ได้สิ่งที่เราคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะทำ_ ‘ถูกต้อง เรากำลังจะสร้างให้มันมืดหม่นและลึกซึ้งมากๆ เรากำลังจะลงมือทำอีกครั้งและให้คำจำกัดความของวิธีเดินเรื่องของเราในหนังแบบนี้’” เขากล่าว “แต่เราเริ่มลงมือทำในช่วงที่แตกต่างมาก และเรายังพาคนพวกนี้ไปสู่จุดเริ่มต้นของพัฒนาการส่วนตัว เช่นเดียวกับพัฒนาการที่สุดยอดอย่างที่ผมคาดคิด”

เจน โกล์ดแมน ผู้เขียนบทภาพยนตร์อธิบายว่า ”เรื่องราวสร้างขึ้นจากคอนเซ็ปต์ดั้งเดิมของไบรอัน ซิงเกอร์ สำหรับฉากในยุคนั้น มันมีเรื่องราวที่น่าประทับใจในขณะที่เห็นได้ชัดถึงความเป็นแนวแฟนตาซีอย่างเต็มที่

“เรานึกถึงใครที่รับบทเป็นซาเวียร์กับแม็กนีโตไปดีกว่านี้ไม่ได้เลย และมันเหมือนความฝันเมื่อเจมส์กับไมเคิลตอบตกลง ครั้งแรกที่ผมเห็นทั้งคู่ฝึกซ้อม ผมต้องพยายามไม่ยิ้มแบบเพี้ยนๆ ด้วยความยากลำบาก เพราะได้ยินมาว่าพวกเขาแสดงให้สมจริงอย่างไม่น่าเชื่อ”

เจมส์ แม็คอวอย พูดถึงการรับบทเป็น โพรเฟสเซอร์ เอ็กซ์ ว่าเป็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากจากบทของเซอร์ แพทริค สจ๊วต ในขณะที่หนังเรื่อง X-MEN สามภาคแรก ซาเวียร์เป็นผู้สูงอายุและฉลาดปราดเปรื่องที่สุดในเหล่า X-Men ในหนังเรื่อง X-MEN: FIRST CLASS (เอ็กซ์-เม็น: รุ่นหนึ่ง) เขายังคงพยายามสานอิสรภาพของพลังที่เขามี

“มันเป็นความสนุกสดใสที่ได้ใส่ความโรแมนติกเข้าไปในชีวิตของชาร์ลส์ แถมยังไม่เห็นเขายินยอมต้อนรับมันทุกครั้ง” แม็คอวอยกล่าว “เขายังหนุ่มและมีความจริงจัง แถมยังไม่ชอบตอบปฏิเสธ ผมคิดว่าเขาเคยใช้พลังของเขาเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ และผมว่าเขาเคยใช้พลังในแบบผิดๆ มาแล้วบ้าง 2-3 ครั้ง”

ไมเคิล แฟสเบ็นเดอร์ กล่าวถึงขั้นตอนการกำหนดบทบาทแม็กนีโตของเขาต้องมีการผสมผสานกัน “ก่อนที่เราเริ่มแสดง มันมีช่วงเวลาของการเตรียมตัวที่ยากลำบาก พวกเราทุกคนมารวมตัวและพูดคุยกันว่า เราคิดว่าจุด่อนของมันมีตรงไหนบ้าง เมื่อความสัมพันธ์มีความซับซ้อนมากขึ้นและทำให้เกิดการต่อต้านที่รุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ปรากฏอย่างลื่นไหลในบทภาพยนตร์”

วอนก์ตื่นเต้นกับสิ่งที่แม็คอวอยและแฟสเบ็นเดอร์หยิบมาแสดงในภาพยนตร์ “สิ่งที่ไบรอันแสดงอยู่บนพื้นฐานของการคัดเลือกนักแสดงเรื่อง X-MEN ที่ไม่น่าเชื่อเลย” เขากล่าว “การคัดเลือกนักแสดงเป็นไปด้วยดีมาก และผมคิดว่าผมต้องคอยติดตามเรื่องนั้น มันเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก หากเราเป็นนักแสดงคนหนึ่ง การที่เราจะสวมบทบาทเวลามีหลายสิ่งหลายอย่างถูกกำหนดตำแหน่งเอาไว้แล้ว แต่หลังจากนั้นเพียง 2 นาทีมันกลับทำให้ต้องร้อง ‘ว้าว”

แฟสเบ็นเดอร์กล่าวว่า แฟนๆ จะประทับใจไปกับระดับอารมณ์ของวอนก์และทีมงานของเขาที่นำมาใส่ในภาพยนตร์ และมันเป็นฉากของยุค _60 ด้วย “เวลาที่เราทำอะไรสักอย่างในระดับนี้ ส่วนประกอบทั้งหมดที่อยู่ในนั้นคือสิ่งสำคัญและมันเป็นสิ่งวิเศษที่ได้เห็นในช่วงทำงาน ลักษณะพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมาและวิธีการถ่ายทำของแมทธิวทำให้รู้สึกถึงความเป็นยุค 60 จริงๆ เราได้บรรยากาศของยุค 60 มันเป็นเรื่องวิเศษที่ได้อินเข้าไปกับยุคนั้นจริงๆ และรวมถึงการนำมาใส่ในโลกของซูเปอร์ฮีโร่ด้วย มันเป็นความเท่ห์ที่ตอนนี้เราอยู่ในปี 2010 เพื่อหวนกลับไปทำหนังซูเปอร์ฮีโร่”

มีการรวมตัวของเหล่านักแสดงจากต่างประเทศอย่าง นักแสดงหญิงชาวออสเตรเลีย โรส บริน ผู้รับบทเป็น มอยร่า แม็คแท็กการ์ต เธอถึงกับตกตะลึงกับความน่าสนใจในรายละเอียดที่ปรากฏอยู่ในฉาก “มันไม่ได้รู้สึกถึงเทคนิค CGI หรือดูประหลาดจนเกินไป” เธอกล่าว ”มันมีความคลาสสิคมากขึ้น ฉันว่ามันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมต่อทุกสิ่งทุกอย่าง”

หนึ่งในนักแสดงมนุษย์กลายพันธุ์ ลูคัส ทิล ผู้แสดงเป็น ฮาว็อค น้องชายของไซคล็อพส์จากภาพยนตร์เรื่อง X-MEN สามภาคแรกเห็นด้วยที่ภาพยนตร์ภาคนี้แสดงให้เห็นถึงแง่มุมที่แตกต่างบนโลกของ X-MEN “ในเรื่องมีสไตล์ที่แตกต่างไปอย่างชัดเจน นั่นเป็นเรื่องแน่นอน” เขากล่าว “แมทธิวรายล้อมไปด้วยผู้คนที่รู้ดีว่าพวกเขากำลังทำอะไร และมีการรวมกลุ่มคนมาใหม่ทั้งหมด พวกเขากำลังจะสร้างให้มันดูดี”

อีดี้ กาเธกี้ ผู้แสดงเป็น ดาร์วิน คิดว่าลักษณะการกำกับหนังของวอนก์ไม่เหมือนอย่างที่เขาเคยเจอ “เขามีมุมมองที่วิเศษ ผมค่อนข้างชอบการเปลี่ยนสไตล์ เขาเข้าได้ถึงประเด็น ชอบเสียดสีและมีความสนุกสนาน เขาเป็นคนไม่ชอบเรื่องเหลวไหล แต่เขาเป็นคนน่ารัก แต่แน่นอนว่าเขาคงไม่ชอบให้ผมเรียกเขาแบบนั้นหรอก!”

วอนก์กล่าวว่าเขาเป็นมืออาชีพ ในเรื่องการจัดการกับการรวมตัวของเหล่านักแสดงที่อยู่กระจัดกระจายที่ถูกคาดหวังจากหนังเรื่อง X-MEN “หนังทุกเรื่องที่ผมทำ เมื่อนึกถึงแล้วมันมีการรวมกลุ่มนักแสดงขนาดใหญ่” เขากล่าว “เทคนิคคือสร้างความสมดุลให้มันอย่างเหมาะสม และต้องมั่นใจว่าทุกเรื่องเป็นสิ่งที่น่าสนใจ และทุกองค์ประกอบสร้างความสมดุลมากกว่าการขโมยบทบาทกัน”

ตารางการถ่ายทำที่เร่งรีบและการถ่ายหนังที่แสนวุ่นวายทำให้นักแสดงเกาะกลุ่มรวมตัวกัน และมีความผูกพันกันทุกวัน และโดยเฉพาะเหล่านักแสดงวัยรุ่นที่ดูเหมือนกำลังเกาะกลุ่มกันเพื่อทำการค้นคว้าเกี่ยวกับช่วงเวลาสำคัญ เพื่อตอกย้ำอารมณ์แห่งความเป็นยุค 60 ในช่วงพักระหว่างฉาก สามารถพบตัวพวกเขาได้ในรถเทรลเลอร์ของเจมส์ แม็คอวอย กำลังเล่นเกม CALL OF DUTY: BLACK OPS ซึ่งเป็นเกม Xbox ของแม็คอวอยที่มีฉากของยุค 60 “เรามีการย้อนรำลึกถึงเกม CALL OF DUTY” นิโคลาส เฮาล์ต ผู้แสดงเป็น บีส หัวเราะ “มันมีฉากของสงครามเย็นด้วย ฉะนั้นในทางเทคนิคแล้วเวลาที่เรากำลังเล่นกับภารกิจสำคัญต่างๆ มันเหมือนการศึกษาข้อมูล เวลาที่เราฆ่าซอมบี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

สำหรับบทบาทของเขา แม็คอวอยยอมรับด้วยใจจริงว่าเขาไม่ใช่คนเก่งที่สุด “ผมไม่ได้เล่นวีดีโอเกมมานาน 4 ปีแล้ว” เขายืนยัน “สำหรับลูคัส ทิล เราพูดได้เลยว่าเขาเป็นยอดนักเล่นเกม ความว่องไวในการปฏิบัติภารกิจของเขาช่างน่าทึ่ง แต่ก็จริงนะ แทนที่จะอ่านบทภาพยนตร์และฝึกฝนความชำนาญ ผมกลับฆ่าซอมบี้กับพวกเขาอยู่บ่อยๆ”

สำหรับโซอี้ เครวิตซ์ ผู้แสดงหนังต้นทุนสูงในเรื่อง X-MEN: FIRST CLASS (เอ็กซ์-เม็น: รุ่นหนึ่ง) เป็นครั้งแรก มิตรภาพระหว่างเธอกับเหล่านักแสดงช่วยทำให้รู้สึกหวาดกลัวน้อยลง “มันเป็นความวิตกกังวลที่ต้องแสดงในหนังใหญ่แบบนี้” เธอกล่าว “บางทีเราต้องมีช่วงที่เข้าใจอย่างแท้จริง ในตอนที่เราต้องแสดงฉากผาดโผนหรือเดินเคียงข้างกับเควิน เบคอน แต่ความพิเศษคือทุกคนน่ารักมาก เราอาจกลัวไปได้บ้างแต่ทุกคนเป็นคนที่น่าทึ่งและมีความแตกต่าง ฉะนั้นตอนนี้มันเหมือนกับเราอยู่ในบ้านอีกหลังหนึ่งที่ห่างจากบ้านที่แท้จริงของเรา”

ติดตามเรื่องราวของ X-MEN: FIRST CLASS (เอ็กซ์-เม็น: รุ่นหนึ่ง)

2 มิถุนายนนี้ ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit