กรุงเทพฯ--8 มิ.ย.--สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาลฯ
สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาลฯ แนะ!คนไทยหันมาใส่ใจวิธีการใช้ยาอย่างถูกต้องเพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของยา โดยเฉพาะยาพื้นฐาน อาทิ ยาหม่อง ยาแก้ไอ และยาคุมกำเนิด เป็นต้น ซึ่งมักจะใช้บ่อยๆ แต่กลับใช้แบบผิดๆ ด้วยเหตุนี้ สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) จึงอยากรณรงค์ให้คนไทยใช้ยาอย่างถูกต้อง และเหมาะสมเพื่อสุขภาพที่ดี
ภญ.รศ.ดร.บุษบา จินดาวิจักษณ์ อุปนายกสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า โดยปกติคนไทยเป็นคนที่มีนิสัยง่ายสบายๆ อยู่แล้ว เมื่อจำเป็นต้องใช้ยาสามัญประจำบ้านที่คุ้นเคย จึงอาศัยความเคยชิน ความคุ้นเคยในการใช้ยามากกว่าการอ่านฉลาก อีกทั้งนิสัยคนไทยยังเชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อนหรือผู้มีประสบการณ์ จึงใช้ยาตามคำบอกเล่าของบุคคลต่างๆ โดยมักไม่อ่านฉลากยาเช่นกัน... โดย 4 ข้อหลักๆ ที่เป็นความเข้าใจผิดยอดฮิต เกี่ยวกับการใช้ยาที่มักพบบ่อย มีดังนี้ คือ
1. ทายาหม่องทันทีเมื่อฟกช้ำ: เป็นเรื่องเคยชินเมื่อเกิดหกล้ม กระทบกระแทกจนได้แผลบวมฟกช้ำดำเขียว และปวด คนส่วนใหญ่จะหยิบยาหม่องขึ้นมาถูนวดบรรเทาอาการทันที
แต่แท้จริงแล้ว เมื่อร่างกายได้รับแรงกระแทก เส้นเลือดฝอยบริเวณผิวหนังจะขาด ทำให้มีเลือดคั่งเกิดขึ้น ก่อให้เกิดอาการบวมและปวด ซึ่งหากทายาหม่องทันทีจะทำให้บวมมากขึ้น เพราะเมื่อขี้ผึ้งเสียดสีกับร่างกาย โดยการถูนวดจะทำให้เกิดความร้อนจะส่งผลให้เส้นเลือดฝอยขยายตัว เลือดจึงยิ่งมาคั่งบริเวณนั้นมากขึ้น ทำให้บวมยิ่งขึ้นอีกด้วย การรักษาที่ถูกต้อง ควรใช้ผ้าเย็นประคบ เพื่อทำให้เส้นเลือดฝอยหดตัว แล้วอาการบวมจะยุบลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งความเย็นยังช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลงด้วย หลังจากนั้นจึงทายาหม่องที่มีตัวยาระงับอาการเจ็บปวด ลดอักเสบ
2. ยาแก้ไอกินคนเดียวจิบจากขวดสะดวกดี: ไม่ควรจิบยาแก้ไอจากขวดโดยตรง เพราะเชื้อโรคจากปากและคอจะลงไปปนในขวดยาได้ นอกจากนี้ขนาดยาที่ได้รับในแต่ละครั้งจะไม่เท่ากันเพราะจะจิบเล็กจิบใหญ่ไม่เท่ากัน โดยเฉพาะผู้ป่วยบางรายจะจิบยาแก้ไอทุกครั้งเมื่อไอ อาจทำให้ได้รับยาเกินขนาด แม้อาจไม่เป็นอันตรายร้ายแรงนักแต่หากเป็นยาแก้ไอที่มีตัวยาโคดีอีนเป็นส่วนผสม หรือยาแก้ไอน้ำดำ หากจิบอึกใหญ่เกินไป หรือถี่เกินไป อาจจะได้ปริมาณยามากเกินไปจนอาจกดการหายใจได้ นอกจากนี้ยาแก้ไอที่มีตัวยาโคดีอีนหรือยาแก้ไอน้ำดำยังมีอาการข้างเคียงส่งผลให้ง่วงนอนและมึนงงได้ จึงต้องหลีกเลี่ยงการ
ทำงานกับเครื่องจักร จักรเย็บผ้า ขับรถ การใช้ยาที่ถูกต้อง ควรใช้ช้อนมาตรฐานตวงยารับประทานทุกครั้ง และมีช่วงห่าง 4-6 ชั่วโมงให้แน่นอน (1 ช้อนชา เท่ากับ 5 ซีซี, 3 ช้อนชา เท่ากับ 1 ช้อนโต๊ะ)
3. ลืมกินยามื้อหนึ่งรวบยอดไปมื้อถัดไป: เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง การกินยาแบบรวบยอดไปมื้อถัดไป อาจส่งผลให้ได้รับยาเกินขนาด โดยเฉพาะในกลุ่มที่กินยาปฏิชีวนะหรือผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เป็นต้น เพราะหากระดับยาในเลือดสูงๆ ต่ำๆ จะทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร การใช้ยาที่ถูกต้อง หากลืมกินยามื้อหนึ่งควรกินทันทีเมื่อนึกได้ แต่ไม่ควรรวบเป็น 2 เท่าในมื้อถัดไป และควรกินยาอย่างสม่ำเสมอทุกวันตามเวลาที่กำหนดเพื่อผลการรักษาที่ดี ที่สุด
อีกหนึ่งปัญหาที่พบบ่อย คือ ผู้ป่วยลดหรือเพิ่มขนาดยาเองตามความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็น อยากหายไวๆ รู้สึกอาการดีขึ้นแล้ว คิดว่ากินยาแล้วไม่ได้ผล เป็นต้น ในกรณีนี้ผู้ป่วยควรรู้ว่าที่อาการผู้ป่วยดีขึ้นนั้นเป็นผลมาจากขนาดยาที่แพทย์สั่งให้นั้นเหมาะสมแล้ว การใช้ยาที่ถูกต้อง ควรกินยาตามขนาดที่แพทย์สั่งเท่านั้น อ่านฉลากทุกครั้งก่อนกินยา เพราะแพทย์อาจมีการปรับขนาดยาจากที่เคยได้รับ 4. ลืมกินยาคุมกำเนิดบางวันคงไม่เป็นไร: ในกรณีนี้หากลืมกินยาคุมกำเนิดให้รีบกินทันทีที่นึกได้ แต่ไม่ควรเกิน 12 ชั่วโมงนับจากเวลาที่กินปกติ เพราะอาจทำให้การคุมกำเนิดไม่ได้ผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าลืมกินในช่วง 7-10 เม็ดแรก ควรหยุดยาและเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิดเป็นการใช้ถุงยางอนามัย หลังจากหยุดยาแผงนั้นและมีเลือดประจำเดือนออกแล้ว ก็เริ่มยาแผงใหม่ได้ แต่หากลืมกินในเม็ดที่ 15 ของแผงไปแล้ว อาจไม่ส่งผลต่อการคุมกำเนิด แต่อาจมีผลข้างเคียงทำให้เลือดออกกระปริดกระปรอยได้ การใช้ยาที่ถูกต้อง ควรกินยาอย่างสม่ำเสมอทุกวันและตรงเวลาเพื่อให้มีระดับยาในเลือดสม่ำเสมอ ลดโอกาสที่จะมีเลือดออกและการคุมกำเนิดจึงจะได้ผลเต็มที่อุปนายกสมาคมเภสัชกรรมฯ กล่าวในตอนท้ายว่า การใช้ยามีเคล็ดลับง่ายๆ เพียงใช้ตามที่ฉลากเขียนไว้ ใช้ตรงเวลา ไม่ขาดยา หากไม่เข้าใจหรือมีข้อสงสัยให้ปรึกษาเภสัชกร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของการใช้ยา เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคุณเอง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมฝ่ายประชาสัมพันธ์ 0-2718-3800 ต่อ 132/136
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit