ผสมสรรพสิ่งรอบตัว ผสานไอเดียสร้างสรรค์สู่เทรนด์แฟชั่น Spring/Summer 2012

10 May 2011

กรุงเทพฯ--10 พ.ค.--เวิรฟ

เจนน่า แคคโคว่า Product Trend Analyst จากคอตตอน อินคอร์เปอร์เรท (Cotton Incorporated)

ในแต่ละวันชีวิตมนุษย์ล้วนต้องพบเจอกับสรรพสิ่งต่างๆ มากมาย ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งธรรมดาๆ เหล่านั้น คนเราคงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เพียงแค่มองผ่าน ๆ แล้วก็ปล่อยสิ่งนั้นให้เลยผ่านไป แต่หากเราลองใช้ประสาทสัมผัสที่มีอยู่ในการสังเกตและพิจารณาอย่างลึกซึ้งแล้ว สิ่งเหล่านั้นอาจกลายเป็นแหล่งวัตถุดิบชั้นเยี่ยม ที่จะช่วยผลักดันเกิดเป็น แรงบันดาลใจถ่ายทอดสู่ผลงานการออกแบบที่สร้างสรรค์ก็เป็นได้

เร็วๆนี้ คอตตอน ยูเอสเอ (COTTON USA) และคอตตอน อินคอร์เปอร์เรท (Cotton Incorporated) ได้จัดงานสัมมนา “Product Trend Analysis (PTA) for Spring/Summer 2012 Presentation” กิจกรรมที่จัดขึ้นสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นประโยชน์เกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 18 เดือนข้างหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับเหล่าบรรดาผู้ประกอบการได้เตรียมหาแรงบันดาลใจและวัตถุดิบเพื่อนำมาผลิตเป็นผลงานแฟชั่นให้ตรงใจแฟชั่นนิสต้าในช่วงฤดูร้อนของปี 2012

เจนน่า แคคโคว่า Product Trend Analyst จากคอตตอน อินคอร์เปอร์เรท (Cotton Incorporated) เล่าถึงแรงบันดาลใจของเทรนด์สีและสไตล์ของเสื้อผ้าในฤดูกาล Spring / Summer 2012 โดยกล่าวว่า “การคาดคะเนเทรนด์แฟชั่นของคอตตอน อินคอร์ปอเรท เกิดจากการวิเคราะห์ถึงวิถีชีวิต ทัศนคติ การดำเนินชีวิตรวมไปถึงแรงบันดาลใจของผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก โดยเทรนด์สีที่จะมาแรงในฤดูร้อนปี 2012 นี้ สามารถแบ่งออกเป็น 5 เทรนด์ โดยส่วนใหญ่จะเน้นไปที่อารมณ์ ความรู้สึก และความเป็นธรรมชาติ โดยได้แรงบันดาลใจจากสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวมนุษย์ ผสมผสานความแตกต่างระหว่างนวัตกรรมและความคลาสสิก จนนำไปสู่การเกิดลวดลายบนเนื้อผ้าที่เต็มไปด้วยความคละคลุ้งของกลิ่นอายแห่งยุคคลาสสิก แต่แฝงไปด้วยความแปลกใหม่และไอเดียสร้างสรรค์อย่างลงตัว ซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้คนยุคปัจจุบันที่เดินหน้าไปอย่างไม่หยุดนิ่ง”

เทรนด์ “Haunted” ความงามที่ซ่อนเร้น

ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่ร่ำลือถึงความลี้ลับ น่าสะพรึงกลัวสักเพียงไหน แต่ก็ไม่เคยที่จะหยุดดึงดูดมนุษย์ให้เข้าไปเชยชมกับเสน่ห์แห่งความน่าพิศวง เฉกเช่นกับความงามที่ซ่อนอยู่ในตัวของมนุษย์ ที่ไม่ว่าใครก็ตามต่างก็มีเอกลักษณ์และเสน่ห์ดึงดูดด้วยตัวของตัวเอง ดังนั้นโทนสีสำหรับกลุ่มนี้ จะเน้นสื่ออารมณ์ความเร้นลับ น่าสะพรึงกลัว แต่ยังคงแฝงเสน่ห์เย้ายวนน่าค้นหา เช่น สีเขียวเข้ม (Murky Green) หรือสีซีเปีย (Sepia) ลายพิมพ์ดอกไม้สำหรับเสื้อผ้าท่อนบน แม็ทช์กับกางเกงหรือกระโปรงสีแว๊มป์ (Vamp) แทนสีดำ ซึ่งจะให้ความลึกลับ เซ็กซี่และเย้ายวนมากยิ่งขึ้น

เนื้อผ้าที่ปรากฏในเทรนด์นี้จะมีความหลากหลาย ทั้งผ้าถัก ที่เน้นเป็นผ้าตาข่ายเนื้อหนา ตัวอย่างเช่น ผ้าก๊อซ ที่ให้ความโปร่ง เบาสบาย โดยใช้เทคนิคการมัดย้อม ซึ่งจะได้ผ้าที่มีความซีดจาง ส่วนผ้าทอ อย่างผ้าด๊อบบี้ ผ้าทอลายเรขาคณิตที่ใช้เทคนิคการพิมพ์เปียก ทำให้เกิดคราบ รวมถึงเทคนิคการพิมพ์อื่นๆ ทั้งเทคนิคการพิมพ์นูน และการทำให้เกิดความวาว และผ้าเดนิมทอแบบซาติน โดยผิวหน้าจะถูกเคลือบก่อนหนึ่งชั้น ก่อนทำการลอกสีออก และขัดสีให้เกิดการแตกของลวดลาย ซึ่งเทคนิคนี้จะไม่ค่อยเกิดกับเส้นใยฝ้าย นับเป็นเทคนิคใหม่ที่ทำให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น

เทรนด์ “Road Trip” ความทรงจำเมื่อครั้งผจญภัย

เทรนด์นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากช่วงทศวรรษ 70 เมื่อครั้งอดีต การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ การท่องเที่ยวไปในโลกกว้างกับหมู่มิตรสหาย ความสนุกสนานเหล่านั้นแม้ว่าจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ยังตราตรึงเสมือนเพิ่งเกิดเมื่อวาน บรรยากาศเก่าๆ ที่เต็มไปด้วยความสดใสและแฝงไปด้วยความตื่นเต้นนี่เองจึงเป็นที่มาของโทนสีของเทรนด์นี้ ซึ่งจะเน้นความจัดจ้านและสว่างกว่าแม่สีปกติ ทำให้รู้สึกสนุกสนาน สดใสร่าเริงมากยิ่งขึ้น ในรูปแบบของชุดลำลอง โดยนำมาใช้ทั้งในเสื้อผ้าบุรุษ เสื้อผ้าสตรี เสื้อผ้าเด็ก และเสื้อผ้ากีฬา

ลักษณะเนื้อผ้าที่ใช้จะเป็น ผ้าถัก ลักษณะโครงเปิดที่สามารถมองทะลุได้ โดยใช้เทคนิคการถักแบบเว้น ซึ่งใช้ฝีเข็มเพื่อให้เกิดริ้วลายเชฟลอนหรือลายอินทรธนูขนาดใหญ่ และผ้าทอ อย่างผ้าลูกฟูก ที่ดูเบาสบายแต่แฝงความไม่ธรรมดาด้วยลวดลายที่มีความยับย่นอยู่ในตัว

นอกจากนี้ยังปรากฏเทคนิคเกี่ยวกับผ้าอีกหลากหลายเทคนิค ทั้งเทคนิคการมัดย้อมและการพิมพ์แบบญี่ปุ่น (Shibori) ซึ่งนำมาใช้ได้ทั้งในเสื้อผ้าบุรุษและเสื้อผ้าสตรี เทคนิควอชแอนด์วอยด์ (Wash & Void) ซึ่งจะได้ผ้ามีสีซีดเหมือนผ้าที่ซักซ้ำบ่อยๆ เทคนิคการทอแบบทแยง (Broken Twill) คือการทอเส้นด้าย 2 ชุด แล้วกลับเส้นใยไปมา จึงทำให้เกิดลวดลายขึ้น และเทคนิคการย้อมแบบสเปซดายด์ (Space Dyed) การย้อมด้ายแบบไล่สี จึงทำให้ได้ผ้าสีซีดจางไล่ระดับ อย่างมีมิติ

เทรนด์ “Atlas” มุมมองจากธรรมชาติ

การได้เชยชมทัศนียภาพอันสวยงามที่กว้างใหญ่สุดไกลโพ้น เป็นสิ่งที่มนุษย์หลายคนปรารถนาที่จะได้สัมผัสสักครั้งในชีวิต เพราะด้วยความงามแสนบริสุทธิ์ที่ช่วยจรรโลงจิตใจ ประกอบกับความทรงจำในช่วงชีวิตวัยเยาว์ของหลายๆ คนที่เคยได้ไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ นับเป็นความประทับใจที่ยากจะรู้ลืม เทรนด์นี้จึงได้หยิบความเป็นธรรมชาติในมุมกว้างๆ การมองลงมาจากที่สูงเสมือนภาพวาดแผนที่สมัยก่อน ที่ทำให้เราย้อนนึกถึงความรู้สึกในอดีต น่าหลงใหล และไม่ว่าใครๆ ก็ต้องอยากที่จะเห็นทัศนียภาพจากที่สูงด้วยกันสักครั้งหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นมุมมองแปลกๆ ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนก็ได้ โดยเทรนด์สีจะเน้นความเป็นธรรมชาติและสีบนแผนที่ ทั้งสีลาเวนเดอร์ ซึ่งแสดงถึงความสงบร่มเย็น สีน้ำตาลแดงของแผนที่โบราณ สีเขียวหัวเป็ด สีน้ำเงินสด ที่ปรากฏอยู่ตามแผนที่จีพีเอส (GPS) เป็นต้น

ลักษณะเนื้อผ้าจะใช้ผ้าสเวตเตอร์ (Sweater) โครงสร้างเปิด ลักษณะตารางห่างๆ โดยใช้ด้ายสองสี ซึ่งเมื่อนำมาทอแล้วจะเกิดเป็นจุดๆ บน เนื้อผ้าคล้ายกับจุดที่ปรากฏบนแผนที่ ผ้าอายเลท (Eyelet) ที่มีลักษณะเป็นรูๆ นำไปทำดิจิตอลปริ้น ทำให้ผ้ามีสวยงามและเพิ่มความเป็นผู้หญิงให้มากยิ่งขึ้น และยังสามารถพิมพ์เป็นลวดลายต่างๆ ที่จำลองลักษณะของแผ่นเปลือกโลกได้อีกด้วย

ในส่วนของเทคนิคการทำผ้า จะเน้นการเลียนแบบรูปทรงและสัญญะที่ปรากฏในแผนที่ โดยใช้เทคนิคต่างๆ อาทิ เทคนิคคลิปสปอต (Clip Spot) ที่จะทำให้ได้เนื้อผ้าที่มีผิวสัมผัสนูน และดูขรุขระ เหมือนกับกอหญ้าที่ขึ้นอยู่บนผืนดิน เทคนิคการจุ่มย้อมเส้นด้าย (Dip Dyed) เทคนิคเดียวกับการทำผ้าบาติค ซึ่งสามารถควบคุมสีที่ปรากฏบนผืนผ้า และไล่เฉดสีตามความต้องการ จึงเกิดภาพที่มีความเป็นมิติ อย่างเช่น ลวดลายของก้อนเมฆ เทคนิคการเบิร์นเอาท์ (Burn Out) การกัดเส้นใยให้ขาดเป็นหย่อมๆ ทำให้ได้ผ้าทึความเก่าและดูคลาสสิกมากยิ่งขึ้น

เทรนด์ “Energy” พลังแห่งความสร้างสรรค์

โลกแห่งวิทยาศาสตร์ ปรัชญา และเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้มนุษย์ริเริ่มที่จะเรียนรู้ถึงพลังงานทั้งภายใน และรอบๆ ตัว และจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการถ่ายภาพในปัจจุบันก็เช่นกัน ทำให้มนุษย์สามารถเปิดมุมมองใหม่ๆ จากการมองที่ชัดเจน และลึกซึ้งขึ้น ซึ่งสิ่งนี้เองทำให้มนุษย์สามารถสัมผัสพลังงาน หรือบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เทรนด์นี้จึงหยิบเอาพลังที่ได้จากเรื่องราวผ่านมุมมองของเลนส์กล้องถ่ายภาพ ซึ่งโทนสีที่ใช้จะมีทั้ง กลุ่มสีพาสเทล (Pastel) พลังแห่งความอ่อนเยาว์และเย้ายวน สีเทาอ่อนและสีเขียวอ่อน ปรับลุคให้ดูผู้ใหญ่ขึ้นแต่ยังคงดูทันสมัย สีเหลือง ความสดใสและให้รู้สึกถึงพลัง โดยใช้เทคนิคการผสมสีระหว่างสีซีดและสีสด เช่นสีชมพูและเขียว ซึ่งเมื่อเวลาผ้าเกิดการเคลื่อนไหว จะเกิดการสลับสีเป็นความแตกต่างที่กระจ่างชัดสะท้อนถึงพลังแห่งสีสันได้อย่างลงตัว และการใช้ลวดลาย ทั้งลายอินทรธนู และลายก้างปลา ซึ่งเมื่อใช้คู่กับกลุ่มสีสดใสที่จะทำให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น

เทรนด์ “Metamorphosis” การเปลี่ยนแปลงถ่ายทอดแรงบันดาลใจ

ไม่ว่าเราจะมองไปที่ไหนทุกๆ สิ่งก็ยังเคลื่อนตัวเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ ไม่มีสิ่งไหนที่จะหยุดนิ่ง ดั่งเช่นเวลาที่ยังคงเดินหน้าไปเรื่อยๆ โดยไม่เคยหยุด เปรียบได้กับเทรนด์แฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เพื่อทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ หรือดีไซน์ที่แปลกตาออกไป เทรนด์นี้ได้เล่าถึงแรงบันดาลใจในการสรรค์สร้างชิ้นงานหนึ่ง ซึ่งสามารถถ่ายทอดต่อไปยังนักประพันธ์ผู้เขียนบทกวี ส่งต่อไปยังนักปฏิมากรรมสู่ผลงานปั้น และนักเต้นก็นำแรงบันดาลใจจากงานปั้นไปสู่การออกแบบท่าเต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรียกว่าเป็นการถ่ายทอดต่อเนื่องไปไม่รู้จบ โดยกลุ่มสีที่ใช้จะเน้นการถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากสิ่งหนึ่งไปสิ่งหนึ่งเป็นทอดๆ ไป ซึ่งเป็นการใช้สีผสมผสานกันที่ไม่เป็นไปตามแบบแผนเดิม มีการใช้สีเพื่อแสดงความเป็นหมู่คณะแทนที่จะใช้สีใดสีหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นกลุ่มสีที่สะท้อนความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งความอ่อนหวาน ความสดใส เป็นต้น

ในด้านของเทคนิค มีการใช้ลวดลายของน้ำเป็นริ้วๆ ที่เกิดจากการผสมสีของเส้นด้าย รวมถึงการใช้ดิจิตอลปริ้น เพื่อสร้างลวดลายมันวาว และสามารถจับเป็นจีบได้อีกด้วย ซึ่งให้มีความรู้สึกพริ้วไหวของสายน้ำ นอกจากนี้ยังมีการใช้สีเรืองแสง การจับจีบ การใช้ลายสก็อต ลายตาราง รวมถึงสไตล์การแต่งตัวแบบโบฮีเมียน (Bohemian) จะถูกนำมาใช้ในเทรนด์นี้เช่นกัน แต่ถูกปรับแต่งให้ทันสมัยมากกว่าเก่า

สาวๆ ลองปรับลุคเปลี่ยนสไตล์จากเทรนด์ทั้ง 5 แรงบันดาลใจที่ผสานอารมณ์ ความรู้สึก กับสิ่งรอบๆ อย่างลงตัว แล้วคุณจะรู้ว่าชีวิตยังมีอะไรอีกมากมายให้ได้สัมผัส

บรรยายภาพ

  • “Haunted” ความงามที่ซ่อนเร้น
  • “Road Trip” ความทรงจำเมื่อครั้งผจญภัย
  • “Atlas” มุมมองจากธรรมชาติ
  • “Energy” พลังแห่งความสร้างสรรค์
  • “Metamorphosis” การเปลี่ยนแปลงถ่ายทอดแรงบันดาลใจ

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net