กสิกรไทยหนุนโซล่า เพาเวอร์ สร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่า 21,000 ล้านบาท

19 May 2011

กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--ธนาคารกสิกรไทย

กสิกรไทยมุ่งมั่นเป็นอันดับหนึ่งในการสนับสนุนโครงการพลังงานสะอาด หนุนโซล่า เพาเวอร์ พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 34 โครงการใหญ่สุดในโลก กำลังการผลิต 204 เมกกะวัตต์ มูลค่ากว่า 21,000 ล้านบาท ขายกฟภ.คาดแล้วเสร็จในปี 56

นายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยมีนโยบายสนับสนุนโครงการพลังงานทางเลือก เพื่อเป็นแหล่งพลังงานทดแทนสำหรับใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศให้เพียงพอต่อการใช้ในครัวเรือน ธุรกิจ อุตสาหกรรม และการพัฒนาประเทศ โดยที่ผ่านมาธนาคารเป็นผู้นำในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและสนับสนุนสินเชื่อแก่โครงการโรงไฟฟ้าในรูปแบบต่าง ๆ

ล่าสุด บริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด ได้แต่งตั้งให้ธนาคารกสิกไทยเป็นผู้จัดการเงินกู้ร่วม (Mandated Lead Arranger) แต่เพียงผู้เดียว เพื่อสนับสนุนการพัฒนาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 6 เมกกะวัตต์ จำนวน 34 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 204 เมกกะวัตต์ ในการดำเนินการจัดหาและเจรจา จัดสรรแหล่งเงินกู้มูลค่ากว่า 21,000 ล้านบาท

ที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทย มีส่วนร่วมในการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ทางธนาคารให้ความสำคัญด้วยการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้าได้ปล่อยกู้แก่บริษัทในกลุ่มบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด แล้วจำนวน 3,100 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3 โครงการที่ จังหวัดนครราชสีมา สกลนคร และนครพนม มีกำลังผลิตรวม 18 เมกกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้ได้เชื่อมต่อขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งสามโครงการ

ธนาคารกสิกรไทย ตั้งเป้าหมายเป็นอันดับ 1 ในการสนับสนุนธุรกิจผลิตไฟฟ้าทั้งในระบบการผลิตไฟฟ้าแบบดั้งเดิมและระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน รวมถึงโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) ขนาดเล็ก (SPP) และ ขนาดย่อม (VSPP) โดยจำนวนโครงการที่ธนาคารได้รับเลือกเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisory) และผู้จัดการเงินกู้ร่วม (Mandated Lead Arranger) ณ เมษายน 2554 ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 91% ของจำนวนโครงการที่เกิดขึ้นทั้งหมด หรือคิดเป็นวงเงินรวมที่ได้รับมอบหมายให้จัดสรรเงินกู้ร่วมทั้งสิ้นกว่า 150,000 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดสินเชื่อประมาณ 161,000 ล้านบาท และปัจจุบันมีวงเงินสินเชื่อที่ธนาคารได้ร่วมสนับสนุนทั้งหมดอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท คิดเป็น 11.50% ของสินเชื่อพลังงานไฟฟ้าในระบบทั้งหมด โดยมียอดสินเชื่อคงค้าง (Outstanding) อยู่ที่ 27,000 ล้านบาท

ด้านนางสาววันดี กุญชรยาคง กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันถือได้ว่าบริษัทเป็นผู้พัฒนาโครงการโซล่าฟาร์มในรูปแบบเชิงพาณิชย์แห่งแรกในประเทศไทย และปัจจุบันยังถือเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน ทั้งนี้ หากแผนพัฒนาโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แล้วเสร็จจะทำให้บริษัทเป็นกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในปี 2556

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดของบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด จะเน้นการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากมีความเข้มข้นของรังสีจากแสงอาทิตย์สูง โดยแผนพัฒนาโซล่า ฟาร์มทั้ง 34 โครงการของบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด เป็นโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคด้านการพลังงานขนาดใหญ่ (Large Commercial Scale) ที่มีความสำคัญต่ออนาคตด้านพลังงานของประเทศมากที่สุดโครงการหนึ่ง เนื่องจากจะช่วยประเทศไทยลดการพึ่งพาการผลิตไฟฟ้าจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มต้นทุนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ทางบริษัทมีสัญญาซื้อขายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ทั้งหมด