PTTAR ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2554 โดดเด่นจากกำไรสุทธิ 4,979 ล้านบาท

20 May 2011

กรุงเทพฯ--20 พ.ค.--ปตท.. อะโรเมติกส์และการกลั่น

บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) (PTTAR) ประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 1/2554 มีกำไรสุทธิ 4,979 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปี 2553 ที่มีกำไรสุทธิ 2,348 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2,631 ล้านบาท คิดเป็น 112.05% โดยกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นเป็นผลจากบริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) เพิ่มขึ้นและมีกำไรจากสต็อกน้ำมันดิบ หลังจากราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวสูงขึ้น

นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 1/2554 มีกำไรสุทธิ 4,979 ล้านบาท โดยมี กำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) 5,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2553 จำนวน 1,039 ล้านบาท จากส่วนต่างราคาตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะส่วนต่างราคาพาราไซลีน น้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยาน ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรเพิ่มขึ้น 2,210 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมี กำไรจากสต็อก จำนวน 3,539 ล้านบาท บาท หรือ 6.03 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2553 จำนวน 3,396 ล้านบาท ตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันดิบดูไบไตรมาส 1/2554 เฉลี่ยอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2553 ร้อยละ 32 และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2553 ร้อยละ 19 สาเหตุหลักมาจากความต้องการใช้น้ำมัน ที่เพิ่มขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)ในเอเชีย ได้แก่ จีน และอินเดีย สำหรับราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทุกชนิดในไตรมาส 1/2554 ปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวต่อเนื่อง ภาวะอากาศที่หนาวเย็นและยาวนานกว่าปกติในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น ประกอบกับการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงกลั่นในเอเชีย โดยเฉพาะในจีน และตะวันออกกลาง และเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่ญี่ปุ่น ส่งผลให้โรงกลั่นมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต้องหยุดดำเนินการฉุกเฉินในเดือนมีนาคม ทำให้อุปทานน้ำมันสำเร็จรูปในภูมิภาคเอเชียตึงตัวอย่างมากในไตรมาส 1/2554

ในขณะที่อุปทานพาราไซลีนและเบนซีนตึงตัวในไตรมาส 1/2554 โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากโรงงาน Aromatics Malaysia ในมาเลเซียและโรงงาน Exxon Mobil ในสิงคโปร์ ประสบปัญหาไฟไหม้และปัญหาทางเทคนิค ตามลำดับ ประกอบกับปัญหาการคว่ำบาตรของกลุ่มประเทศต่างๆ ต่ออิหร่าน ยังคงมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยเฉพาะทางด้านวัตถุดิบ (Reformate/Gasoline) ทำให้โรง อะโรเมติกส์หลายโรงต้องปรับลดอัตราการผลิตลง ส่งผลให้อุปทานตึงตัว

นอกจากนี้ ในปี 2553 พีทีทีเออาร์ได้จ่าย ภาษีสรรพสามิต เงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและ กองทุนอนุรักษ์พลังงาน เป็นจำนวน 11,202 ล้านบาท และ ในไตรมาส 1 ปี 2554 จำนวน 2,965 ล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์ที่ชำระภาษี ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG

นายบวร วงศ์สินอุดม กล่าวถึงความคืบหน้าการควบบริษัทฯ กับ บมจ. ปตท.เคมิคอล (PTTCH) ว่าขณะนี้ได้มีการประชุมทีมงานร่วม (Integration Team ) ของทั้ง 2 บริษัทไปแล้ว ขณะนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามวิธีการแห่งพ.ร.บ. บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 โดยในเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน จะเป็นระยะเวลาสำหรับการรับคำคัดค้านจากเจ้าหนี้ ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหนี้สถาบันการเงินให้การตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากบริษัทใหม่จะมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ สร้างความสามารถในการแข่งขันและลดความเสี่ยงจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจปิโตรเคมี นอกจากนี้ แผนการดำเนินงานคาดว่าจะกำหนดวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) ในการเข้าประชุมผู้ถือหุ้นร่วมในเดือนกรกฎาคม ตามด้วยการประชุมผู้ถือหุ้นร่วม จดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ และเข้าทำการซื้อขายใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในเดือนสิงหาคมนี้