กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--กรมสรรพากร ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอของกระทรวงการคลัง สนับสนุนการออมรูปแบบประกันชีวิตแบบบำนาญ ให้ประชาชนได้ออมไว้ใช้จ่ายภายหลังเกษียณอายุการทำงาน โดยเพิ่มเ ิมค่าลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตที่มีอยู่แล้วตามปกติ อีก 200,000 บาท เฉพาะประกันชีวิตแบบบำนาญ ซึ่งวงเงินที่เพิ่มขึ้นนี้ต้องไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ และต้องไม่เกินยอดหักลดหย่อนในภาพรวม เมื่อผนวกกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญราชการ (กบข.) หรือกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพตามกฎหมาย ว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ้องไม่เกิน 500,000 บาทด้วย นั้น หลักเกณฑ์ที่ผู้มีสิทธิหักลดหย่อน “ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ” ( เพิ่มเติมจากประกันชีวิตปกติที่หักได้ตามจ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท) มีเงื่อนไขที่ควรตรวจสอบก่อนใช้สิทธิ ดังนี้ 1. หลักเกณฑ์ตามคุณลักษณะพื้นฐานของประกันชีวิตแบบบำนาญ 1.1 เป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญที่มีกำหนดเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และผ่านการอนุมัติและรับรองจากสำนักงาน คปภ. ว่าเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญที่ใช้ส ิทธิหักลดหย่อนตามกฎหมายได้ 1.2 เป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญ ที่ทำสัญญาไว้กับบริษัทที่ประกอบกิจการในไทย 1.3 ต้องไม่มีการจ่ายเงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ในระหว่างปี หรือช่วงที่จ่ายเบี้ยประกัน หรือก่อนกรมธรรม์จะหมดอายุสัญญา 1.4 ต้องเป็นแบบที่เมื่อผู้ทำประกันอายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปี จะได้รับเงินคืน (บำนาญ) เป็นรายงวดเท่าๆ กันอย่างสม่ำเสมอจนถึงอายุ 85 ปี หรือมากกว่า และได้รับเงินบำนาญคืนเมื่อได้ชำระเบี้ยประกันครบตามสัญญาแล้ว 2. การคำนวณเพื่อนำเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปใช้ลดหย่อนภาษี กรณีตัวอย่าง นายภาษี มีเงินได้ทุกประเภทรวมทั้งปีเท่ากับ 3,400,000 บาท ได้ซื้อประกันชีวิตปกติของตนเองไว้รวมปีละ 60,000บาท ได้ซื้อประกันชีวิตแบบบำนาญไว้ 300,000 บาท และซื้อหน่วยลงทุนRMF< SPAN lang=TH>ไว้ในปีเดียวกันถึง 360,000 บาท อยากทราบว่านายภาษี จะสามารถหักลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญได้จำนวนเท่าไร ขั้นตอนที่ 1 คำนวณยอดการใช้สิทธิหักไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ แล้วพักไว้ เช่น มีเงินได้ทั้งปี 3,400,000 บาท ไม่เกินร้อยละ 15 มีเพดานสูงสุดเท่ากับ = 3,400,000 x 15% = ไม่เกิน 510,000 บาท ขั้นตอนที่ 2 ตรวจสอบและดำเนินการใช้สิทธิ โดยนำเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปคำนวณตามลำดับขั้น ดังต่อไปนี้ ลำดับขั้นที่ 1 นำไปใช้สิทธิหักร่วมกับประกันชีวิตปกติจนครบเพดานสูงสุดได้ไม่เกิน 100,000 บาท การดำเนินการตามสิทธิเป็นดังนี้ (1) นายภาษีจ่ายค่าเบี้ยประกันปกติ 60,000 บาท (2) คงเหลือสิทธิที่จะใช้กับเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ เท่ากับ 100,000 – 60,000 = 40,000 บาท ดังนั้น ใช้สิทธิหักเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญในลำดับขั้นที่ 1 ได้ เท่ากับ 40,000 บาท ลำดับขั้นที่ 2 นำไปหักตามสิทธิของค่าลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ (สูงสุด 200,000บาท แต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้) (1) นายภาษีซื้อประกันแบบบำนาญไว้ 300,000 บาท (2) เมื่อเทียบวงเงินตามขั้นตอนที่ 1 พบว่าไม่เกิน 510,000 บาท จึงสามารถใช้สิทธิ หักลดหย่อนได้ตามลำดับขั้นที่ 2 นี้เต็ม 200,000 บาท (เต็มเพดานสิทธิที่ให้หักได้ในล ำดับนี้) ดังนั้น นายภาษีสามารถหักได้เต็ม 200,000 บาท นำไปพักไว้รอตรวจสอบตามลำดับขั้นที่ 3 ลำดับขั้นที่ 3 นำยอดที่คำนวณได้ตามลำดับขั้นที่ 2 ไปตรวจสอบผลรวมตามเพดานสูงสุดเมื่อ นำไปรวมกับหน่วยลงทุน RMF ซึ่งหลังจากนำไปรวมกับหน่วยลงทุนRMF แล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท (1) นายภาษีซื้อหน่วยลงทุน RMF รวม 360,000 บาท ในปีที่ใช้สิทธิ (2) นำเงินเบี้ยประกันแบบบำนาญตามลำดับขั้นที่ 2 รวมกับหน่วยลงทุน RMF เพื่อตรวจสอบสิทธิการหักค่าลดหย่อนได้ ไม่เกิน 500,000 บาท = 200,000 + 360,000 = 560,000 บาท พบว่า เกินวงเงินที่สามารถหักได้รวม เท่ากับ 60,000 บาท (จาก 560,000 - 500,000) (3) คำนวณสิทธิที่หักได้ตามลำดับขั้นที่ 2 ใหม่ เพื่อหาสิทธิที่ได้รับจริง โดยนำยอดที่คำนวณได้ตามลำดับขั้นที่ 2 (2 00,000 บาท) – ส่วนเกินวงเงินในลำดับขั้นที่ 3 (60,000 บาท) = 200,000 – 60,000 = มีสิทธิหักได้จริง 140,000 บาท ดังนั้น นายภาษี สามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ เท่ากับ 40,000 (ลำดับขั้นที่ 1) + 140,000 บาท รวมทั้งสิ้น 180,000 บาท ในปีนี้ ทั้งนี้ หากสิทธิหักลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตปกติ ได้มีการใช้สิทธิหักลดหย่อนเต็มเพดานไปก่อนแล้ว (ก่อนการหักเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ) ให้คำนวณเริ่มต้นจากขั้นตอนที่ 2 ลำดับขั้นที่ 2 ได้ทันที นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า “ เนื่องจากเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญนั้น เป็นลูกผสมระหว่างการประกันชีวิตปกติกับการประกันความมั่นคงในการดำรงชีพเมื่อผู้ประกันตนใช้ชีวิตหลังเกษียณ จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สิทธิลดหย่อนการประกันประเภทนี้เป็นส่วนหนึ่งกับการประกันชีวิตปกติ และมีลักษณะการทำงานที่เหมือนกับหน่วยลงทุน RMF ไปพร้อมกัน &nbs p;จึงทำให้สิทธิทางภาษีการประกันชีวิตรูปแบบดังกล่าว มีระบบการคำนวณที่ผนวกความเหมือนและแยกความต่างสำหรับใช้สิทธิแต่ละกรณี การใช้สิทธิหักลดหย่อนเบี้ยประกันแบบบำนาญอย่างถูกต้อง ผู้มีสิทธิควรทำความเข้าใจในหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตล ดจนพิจารณารายละเอียดในกรมธรรม์ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดด้วยทุกครั้ง และจะมีผลบังคับใช้สำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี 2553 ที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีในปี พ.ศ. 2554 อย่างแน่นอน ”