TTA รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2553

29 Nov 2010

กรุงเทพฯ--29 พ.ย.--โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์

บมจ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (“TTA”) ประกาศผลการดำเนินงานสิ้นสุดรอบปีบัญชี 2553 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 795.57 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.12 บาท เปรียบเทียบกับ กำไรสุทธิที่ 1,831.71 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้นที่ 2.56 บาทเมื่อปีที่ผ่านมา

TTA มีรายได้จากการดำเนินงานทั้งสิ้น 18,386.51 ล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเท่ากับ 17,545.04 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานทั้งสิ้น 841.47 ล้านบาท ลดลง 42.32% จากปีก่อนที่ผลกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 1,458.78 ล้านบาท

กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กล่าวว่า “สาเหตุหลักที่ผลกำไรของ TTA ลดลงในปีนี้ เป็นผลมาจากส่วนแบ่งขาดทุนสุทธิจาก บมจ. เมอร์เมด มาริไทม์ (“เมอร์เมด”) ที่เผชิญกับภาวะอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือที่ลดลงทั้งในส่วนของงานบริการวิศวกรรมโยธาใต้น้ำและงานบริการขุดเจาะ อย่างไรก็ดี ผลขาดทุนดังกล่าวได้ถูกหักลบไปกับผลกำไรที่เติบโตขึ้นในกลุ่มธุรกิจโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากบริษัท บาคองโค รวมถึงผลกำไรที่คงเส้นคงวาจากกลุ่มธุรกิจขนส่ง โดยเฉพาะจากธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง”

ส่วนแบ่งผลกำไรสุทธิจากกลุ่มธุรกิจต่างๆ หน่วย: ล้านบาท

ปี 2553

ปี 2552

เพิ่มขึ้น/ลดลง %

กลุ่มธุรกิจขนส่ง

1,021.32

1,045.03

-2.27%

กลุ่มธุรกิจโครงสร้างขั้นพื้นฐาน

301.94

22.87

1220.24%

กลุ่มธุรกิจพลังงาน

-199.62

400.93

-149.79%

ส่วนของบริษัท

-328.07

344.88

-195.13%

รวม

795.57

1,813.71

-56.14%

ผลวิเคราะห์ตามกลุ่มธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจขนส่ง ประกอบด้วยธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง บริษัทที่ให้บริการงานที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือ และธุรกิจเรือบรรทุกน้ำมันและก๊าซ โดยธุรกิจเดินเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง ยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับกลุ่มธุรกิจขนส่งมากที่สุด โดยสามารถสร้างผลกำไรสุทธิในปี 2553 (ก่อนหักการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน) ได้ทั้งสิ้น 1,113.34 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับผลกำไรสุทธิ 719.38 ล้านบาทของปีก่อน ทั้งนี้ กำไรจากกลุ่มธุรกิจขนส่งในปี 2553 นี้คิดเป็นสัดส่วน 128.38% ต่อผลกำไรสุทธิโดยรวมของ TTA เมื่อเทียบกับสัดส่วน 57.62% เมื่อปี 2552

กลุ่มธุรกิจพลังงาน ประกอบด้วย บมจ. เมอร์เมด และธุรกิจเหมืองแร่ถ่านหิน ทั้งนี้ บมจ.เมอร์เมด มีส่วนแบ่งขาดทุนสุทธิให้กับ TTA เท่ากับ 193.98 ล้านบาท โดยในปีนี้ เมอร์เมดได้รับมอบเรือวิศวกรรมใต้น้ำที่ทันสมัยจำนวน 4 ลำ แต่เนื่องจากมีงานเข้ามาไม่สม่ำเสมอ ทำให้อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือวิศวกรรมใต้น้ำลดเหลือประมาณ 40% และฝั่งงานบริการขุดเจาะก็พบว่า MTR-1 ไม่สามารถทำงานได้ตลอดทั้งปี

กลุ่มธุรกิจโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วย ธุรกิจถ่านหินและโลจิสติกส์ ธุรกิจปุ๋ยและโลจิสติกส์ ธุรกิจให้เช่าคลังสินค้า และจัดหาวัสดุบนเรือ โดยบริษัท บาคองโคสามารถสร้างผลกำไรสุทธิได้ถึง 211.7 ล้านบาท ในขณะที่ บมจ. ยูนิคไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) ก็กลับมาสร้างผลงานได้ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จนมีส่วนแบ่งผลกำไรสุทธิที่ 79.14 ล้านบาทให้กับ TTA

ส่วนของบริษัทลงทุน มีส่วนแบ่งขาดทุนสุทธิ 328.07 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีผลกำไรสุทธิ 344.88 ล้านบาท โดยในปี 2552 มีรายรับจากรายการพิเศษหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวน 676.33 ล้านบาท และ ค่าความนิยมติดลง (negative goodwill) จากบริษัท บาคองโคจำนวน 287.21 ล้านบาท ในขณะที่ปีนี้ มีเพียงกำไรจากการยกเลิกหุ้นกู้ที่ 9.63 ล้านบาท และกำไรจากการทำ currency swap 157.33 ล้านบาทเท่านั้น

เมื่อสิ้นสุดรอบปีบัญชี 2553 นี้ บริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่ 8,458.19 ล้านบาท ลดลง 2,260.71 ล้านบาทจากรอบปีบัญชี 2552 ทั้งนี้ในตลอดทั้งปี บริษัทฯ มีการซื้อขายรายการใหญ่ๆ ดังนี้ 1) จ่ายเงินงวดสุดท้ายสำหรับเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองลำใหม่จำนวน 1,073.22 ล้านบาท; 2) ซื้อเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองมือสองจำนวน 1,112.63 ล้านบาท; 3) ซื้อเรือวิศวกรรมโยธาใต้น้ำอีก 4 ลำจำนวน 4,829.00 ล้านบาท; 4) ซื้อหุ้นใน บริษัท Petrolift จำนวน 904.52 ล้านบาท; 5) ซื้อหุ้นใน บริษัท Subtech จำนวน 248.58 ล้านบาท; และ 6) ซื้อหุ้นในบริษัท UMS จำนวน 3,962.05 ล้านบาท

“ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา TTA ได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตของกำไรให้มีความสมดุลและกระจายความเสี่ยงออกไปให้มากขึ้น เนื่องจากธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองยังคงมีแนวโน้มอ่อนตัว ผลตอบแทนจากกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงในการลงทุนคงจะยังไม่เห็นผลในชั่วข้ามคืน แต่การลงทุนในบางธุรกิจก็ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า ภายใน 3 ปีข้างหน้านี้ ผลจากความพยายามในการกระจายการลงทุนนี้ จะทำให้เรามีธุรกิจที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน และช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงมากขึ้นให้กับ TTA มากกว่าการทำธุรกิจเดินเรือสินค้าแห้งเทกองเพียงอย่างเดียว ซึ่งความมั่นคงทางการเงินที่สูงขึ้นนี้จะช่วยให้เรามีโอกาสในการเติบโตและขยายธุรกิจไปได้อย่างต่อเนื่อง” ม.ล. จันทรจุฑา กล่าว

แนวโน้ม

TTA เชื่อว่านโยบายการนำเข้าของจีนจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองในอีกสองสามปีข้างหน้า ซึ่งเรายังไม่เห็นแนวโน้มการฟื้นตัวของการนำเข้าของจีนในช่วงต่อไปเหมือนกับปีที่ผ่านมา ในขณะที่ ปริมาณจำนวนเรือที่จะให้บริการยังคงมากกว่าความต้องการอยู่มาก ดูจากจำนวนยอดจองเรือสั่งต่อใหม่ในปี 2554 ที่ 1,278 ลำ และในปี 2555 ที่ 821 ลำซึ่งแนวโน้มเรือที่มากกว่าความต้องการน่าจะมีผลให้ตลาดเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองไม่กระเตื้องขึ้นไปอีกระยะหนึ่ง

นอกจากนี้ เรายังคิดว่า การทำให้อัตราการใช้ประโยชน์จากกองเรือวิศวกรรมใต้น้ำเป็นไปอย่างเต็มที่ยังคงมีความท้าทายเป็นอย่างมากในปี 2554 นี้ เนื่องจาก มีจำนวนเรือในตลาดมากขึ้น แต่จำนวนงานที่มีอยู่ในตลาดมีจำนวนจำกัด อย่างไรก็ดีแนวโน้มราคาน้ำมันที่คงที่และมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น จะทำให้อัตราการใช้ประโยชน์ในส่วนเรือขุดเจาะที่มีอยู่แล้วดีขึ้น รวมถึงแนวโน้มความต้องการเรือขุดเจาะใหม่ๆ ก็น่าจะมีมากขึ้นด้วย

สำหรับส่วนของกลุ่มธุรกิจโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ผลจากการลงทุนในท่าเรือ Baria Serece เมื่อเร็วๆนี้ น่าจะมีส่วนช่วยให้ บริษัท บาคองโคสามารถหาสินค้าประเภทอื่นนอกจากปุ๋ย มาลงพื้นที่คลังสินค้าที่มีอยู่และที่สร้างขึ้นใหม่ได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ราคาขายถ่านหินกำลังปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับผลผลิตของปูนซีเมนต์ก็ดีขึ้น ซึ่งทำให้เราคาดการณ์ว่า ราคาขายและยอดขายถ่านหินโดยเฉลี่ยของ UMS น่าจะคงที่หรือเพิ่มขึ้นตามสภาวะตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น

หากสื่อมวลชนมีคำถาม สามารถติดต่อได้ที่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร บมจ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) รวิษฎา อังคีรส หรือ อรสุธี กาญจโนมัย [email protected] หรือ [email protected] โทรศัพท์ 02 254 8437 ext. 393, 290