ยิปรอค ร่วมกับ สถานฑูตฝรั่งเศส แนะนำนวัตกรรมอาคารเขียว Green Building ชูแผนพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืนของยิปรอคในประเทศไทย

19 Oct 2010

กรุงเทพฯ--19 ต.ค.--ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม

ยิปรอค (Gyproc) ผู้นำนวัตกรรมระบบผนังและฝ้าเพดานยิปซัมอันดับหนึ่งของโลก ภายใต้ การดำเนินงานของบริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ ฝ่ายเศรษฐกิจและการพาณิชย์ สถานฑูตฝรั่งเศส จัดงานแนะนำนวัตกรรมอาคารเขียว ชูระบบผนังแบาและระบบประหยัดพลังงาน “Gyproc Drywall & Thermal Comfort System” ที่มีความโดดเด่นในเรื่องการประหยัดทรัพยากรและการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยนโยบายการสนับสนุนจากสถานฑูตฝรั่งเศส ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล เวิลด์

นายโอลิเวียร์ อังเดรติก ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจและการพาณิชย์ สถานฑูตฝรั่งเศส กล่าวว่า “ภารกิจ หน้าที่ของสถานฑูตฝรั่งเศส นอกเหนือไปจากการดูแลกิจการการค้าระหว่างฝรั่งเศสและไทยให้เป็นไปอย่างราบรื่นแล้ว แนวทางหรือนโยบายในการกำหนดกลยุทธ์หรือนโยบายหลักในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยให้เป็นไปในแนวทางที่บริษัทแม่ได้วางไว้นั้น ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การกำกับดูแลกิจการเป็นไปตามหลักการเดียวกันทั่วโลก เป็นนโยบายที่มีความเป็นสากล และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน เราเชื่อมั่นมากว่า แนวคิดในการส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยการเน้นในเรื่องห่วงใยสิ่งแวดล้อม เป็นประเด็นที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงกับทั้งตัวผู้ผลิตเอง ตลอดจนผู้ใช้สินค้าและนวัตกรรมของบริษัทฯที่ดำเนินงานภายใต้นโยบายหลักนี้ งาน France Green Tech 2010 : Green Building จึงมุ่งหวังให้เกิดการแลกเปลี่ยนและมอบความรู้ความเข้าใจในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ที่เป็นอาคารสีเขียว ให้แก่กลุ่มวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ให้เห็นความสำคัญและเลือกใช้นวัตกรรมที่ไม่ทำลายคุณภาพชีวิต จัดว่าเป็นการพัฒนาธุรกิจแบบยั่งยืน”

นายวลิต จิยะวรนันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม ในเครือแซง-โกแบ็ง เป็นผู้บุกเบิกการผลิตแผ่นยิปซัมรายแรกของประเทศไทย อีกทั้งเป็นผู้นำการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าระบบผนังและผ้าเพดานยิปซัมครบวงจรมากว่า 40 ปี กลุ่มลูกค้าทั้งผู้รับเหมา สถาปนิก เจ้าของกิจการตลอดจนผู้อยู่อาศัยล้วนให้ความไว้วางใจเสมอมา การพัฒนาเพื่อคงมาตรฐานระดับโลกของยิปรอคเน้นนโยบายในการดำเนินธุรกิจที่เน้นพัฒนาเรื่องการประหยัดพลังงาน การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค นโยบายและกลยุทธ์ของบริษัทฯ เราเน้นแผนพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืน หรือ sustainable development ซึ่งเรายึดหลัก 3 G ได้แก่ Green Product ผลิตภัณฑ์สีเขียว ได้รับการรับรองฉลากเขียวเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, Green Solution ระบบประหยัดพลังงาน, Green Manufacturing โรงงานมาตรฐาน ISO 14001 เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ในแง่ของการผลักดันนวัตกรรมอาคารเขียว Green Building บริษัทฯ ได้นำเสนอระบบ Gyproc Drywall & Thermal Comfort System ระบบผนังเบา (Drywall System) เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยผนังยิปซัมมีน้ำหนักเบากว่าผนังก่ออิฐถึง 10 เท่า อีกทั้งในกระบวนการผลิตใช้พลังงานและคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่อากาศน้อยกว่าการผลิตอิฐ 3.7 เท่าซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการประหยัดทรัพยากรธรรมชาติและช่วยลดภาวะโลกร้อน ระบบผนังเบายิปรอคยังมีคุณสมบัติพิเศษในการกันความร้อน กันเสียงรบกวนและกันเสียงส่งผ่านห้องสู่ห้อง และสามารถรับแรงกระแทกผ่านการทดสอบระดับสูงสุด อีกทั้งยังประยุกต์ใช้กับพื้นที่ได้หลากหลาย ทั้งอาคารพาณิชย์ ห้างสรรพสินค้า ที่อยู่อาศัย เป็นต้น

ระบบประหยัดพลังงาน (Thermal Comfort) จากสภาพอากาศของประเทศไทยที่ร้อนอบอ้าว บวกกับภาวะโลกร้อน การบริโภคและการใช้พลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้อาคารหรือที่อยู่อาศัยจำเป็นต้องใช้วัสดุที่เหมาะสมทั้งกันความร้อนไม่ให้เข้ามาภายในและเก็บความเย็นให้ไหลเวียนอยู่ภายใน ซึ่งบริษัทฯ มีนวัตกรรมที่เหมาะสมแก่การใช้งานหลากหลายเช่น ระบบผนังและฝ้าเพดานยิปรอค เทอร์มัลไลน์ สามารถกันร้อนได้ดีกว่าระบบผนังและฝ้าเพดานทั่วไป 8 เท่าช่วยประหยัดค่าปรับอากาศได้ 69% ในขณะที่ระบบผนังปูนยิปซัมวันโค้ทมีค่าการกันความร้อนได้มากกว่าระบบผนังก่ออิฐทั่วไปประมาณ 13% เป็นต้น

ผลิตภัณฑ์และระบบของยิปรอคดังกล่าวมีส่วนช่วยเสริมสร้างการพัฒนาอาคารเขียวไทยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในแง่ของการประเมิณสถาปัตยกรรมอาคารเขียวโดยสมาคมสปานิกสยาม ผลิตภัณฑ์ยิปรอคออกแบบมาโดยคำนึงถึง 1. ความปลอดภัย น่าสบาย และสุขภาวะของผู้ใช้อาคาร 2. การประหยัดพลังงาน 3. วัสดุอาคารและการก่อสร้างที่สมเหตุสมผล 4. วัสดุอาคารและการก่อสร้าง ประหยัด “ปัจจุบันภาวะโลกร้อนเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของอาคาร สิ่งก่อสร้างซึ่งเป็นกลุ่มที่จะมีส่วนช่วยในการประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างมาก เนื่องจากกลุ่มอาคารที่พักอาศัยเป็นกลุ่มที่ใช้พลังงานสูงสุด 40% กลุ่มขนส่ง 32% และกลุ่มอุตสาหกรรม 28% ดังนั้นทางยิปรอคจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นการประหยัดพลังงานและทรัพยากร นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า ระบบ บริการใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม” นายวลิต กล่าวทิ้งท้าย

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net