กรุงเทพฯ--7 ก.พ.--ปอร์เช่
เพียง 987 คันเท่านั้น : บ็อกซเตอร์ เอส รุ่น แบล็ค อิดิชั่น (Boxster S Black Edition) ที่ติดตั้งอุปกรณ์เสริมมาเต็มรูปแบบ
สตุ้ดการ์ด. ปอร์เช่ส่งบ็อกซเตอร์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด นั่นคือ รุ่นบ็อกซเตอร์ เอส แบล็ค อิดิชั่น (Boxster S Black Edition) ที่มีความหรูหราและสปอร์ตอย่างเต็มพิกัด เพื่อมาเสริมทัพเพิ่มเติมหลังจากปล่อยรุ่นบ็อกซเตอร์ สไปเดอร์ (Boxster Spyder) ออกมาชิมลางก่อนหน้านี้ ขุมพลังเครื่องยนต์สูงถึง 320 แรงม้า ซึ่งมากกว่ารุ่นบ็อกซเตอร์ เอส (Boxster S) ถึง 10 แรงม้า อีกทั้งยังเต็มไปด้วยอุปกรณ์ที่หลากหลายและมีความพิเศษที่โดดเด่นติดตั้งมาเป็นมาตรฐานให้กับตัวรถและรวมอยู่ในราคาที่น่าดึงดูดและน่าสนใจเป็นอย่างมากอีกด้วย รถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลาง คันนี้จะเป็นสีดำทั้งคันตั้งแต่ ตัวรถ หลังคาและล้อ 19 นิ้ว แบบรุ่นบ็อกซเตอร์ สปายเดอร์สีดำเข้ม เพื่อแสดงให้เห็นถึงความทรงพลังของโร้ดเสตอร์ชั้นนำอีกด้วย บ็อกซเตอร์ เอส แบล๊ค อิดิชั่น (Boxster S Black Edition) นี้พร้อมแล้วที่จะเปิดตัวสู่สายตาชาวโลกอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2011 นี้
แนวคิดเรื่องสีของรุ่นบ็อกซเตอร์ เอส แบล๊ค อิดิชั่น (Boxster S Black Edition) คือการใช้สีดำกับทุกๆรายละเอียดของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นตะแกรงช่องดักอากาศทางด้านหลังยาวไปถึงปลายท่อคู่ของระบบท่อไอเสียนั้นต่างได้รับการพ่นเป็นสีดำอย่างสง่างาม แบบตัวอักษรสีดำของรุ่นจะถูกสลักลงบนฝาปิดกระโปรงด้านหลังและด้านข้างของหลังคาผ้าเพื่อระบุถึงความโดดเด่นในตระกูล Black Edition อีกด้วย แถบคานป้องกันการผลิกคว่ำ (Roll-over Bar) ยังได้รับการพ่นสีดำเพื่อความลงตัวด้วยเช่นเดียวกัน
เส้นสายสีดำของภายนอกจะถูกเชื่อมโยงต่อเข้ามาในการตกแต่งภายในเพื่อความต่อเนื่อง กาบประตูเหล็กสแตนเลสถูก สลักตัวอักษรคำว่า "Black Edition" สีดำลงไปเพิ่มความโดดเด่นและสะดุดตา พวงมาลัยแบบสปอร์ตก้านคู่ได้รับการห่อหุ้มด้วยหนังชั้นดี เพื่อกันลื่นและเพิ่มความเป็นสปอร์ตเมื่อยามกุมพวงมาลัย แผงควบคุมถูกตกแต่งด้วยเส้นสายสีดำ รวมไปถึงก้านเกียร์ที่เป็นสีดำเพื่อความสมดุลที่ลงตัว แผงหน้าปัดและที่นั่งแบบหนังบางส่วน (Partial Leather) เป็นสีดำหรือสามารถเลือกตกแต่งภายในด้วยหนังสีดำ (Full Leather) ได้ อีกทั้งยังเสริมความโดดเด่นด้วยการสลักสัญลักษณ์ของปอร์เช่ลงไปตรงที่พักศีรษะอีกด้วย นอกจากนี้บ็อกซเตอร์ เอส แบล๊ค อิดิชั่น (Boxster S Black Edition) ยังมีป้ายหลักที่บอกถึงความเป็นรุ่นพิเศษที่มีจำนวนจำกัด (Limited Edition) ได้ถูกประดับตกแต่งไว้บนฝาที่เก็บของสัมภาระภายในห้องโดยสาร เพื่อบ่งบอกถึงความเป็นรุ่นสปอร์ตแบบ Black Edition นั่นเอง
บ็อกซเตอร์ เอส แบล๊ค อิดิชั่น (Boxster S Black Edition) ได้รับการติดตั้งแพ็คเกจพิเศษต่างๆ มาเป็นมาตรฐานให้กับ ตัวรถอย่างครบครัน อาทิเช่น แพ็คเกจ “Comfort” ที่จะอำนวยความสะดวกสบายในการขับขี่, แพ็คเกจ “Infotainment” เป็นแพ็คเกจที่จะให้ความบันเทิงและสุนทรีย์ รวมไปถึงแพ็คเกจ “Design” แพ็คเกจการออกแบบที่มีความโดดเด่นเหนือ
ใคร แพ็คเกจเหล่านี้ทำให้บ็อกซเตอร์รุ่นนี้มีราคาที่น่าสนใจและหากเปรียบเทียบกับอุปกรณ์เสริมที่ได้รับการติดตั้งมากับตัวรถแล้วจึงถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ที่ป้องกันลม (Wind Deflector) ได้รับการติดตั้งมาจากโรงงานเป็นการป้องกันลมย้อนปะทะให้กับภายในห้องโดยสาร พร้อมด้วยการติดตั้งกระจกมองภายใน (Anti-dazzle) ที่ให้ความคมชัดไม่หลอกสายตาของผู้ขับขี่ กระจกมองภายนอกได้รับการติดตั้งระบบเซ็นเซอร์น้ำฝนแบบครบวงจร ระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) และระบบควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร (Climate Control) อีกทั้งยังมีระบบ Porsche Communication Management (PCM) ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการค้นหาเส้นทาง อุปกรณ์เชื่อมต่อ (Universal Audio Interface) และ (Mobile Phone Preparation) ต่างได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วยเช่นเดียวกัน ระบบเสียง Sound Package Plus เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อเพิ่มความคมชัดของเสียงและเพิ่มความสุนทรีย์ในการขับขี่ให้กับผู้ขับขี่อีกด้วย ส่วนของระบบไฟจะเป็นระบบไฟแบบ Bi-Xenon มาเป็นมาตรฐานพร้อมด้วย ไฟเลี้ยวยามเข้าโค้งแบบไดนามิกพร้อมด้วยไฟแบบ LED ที่ทำงานในเวลากลางวัน เพื่อให้ความสุขและความปลอดภัยในการขับรถบนถนนที่มืดและยากต่อการขับขี่ หากลูกค้าต้องการติดตั้งอุปกรณ์เสริมเลือกติดตั้งเพิ่มเติมอื่นๆ เพื่อเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ให้กับรถปอร์เช่ของลูกค้าก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน อาทิเช่น เลือกติดตั้งระบบเบรค Porsche Ceramic Composite Brake (PCCB) หรือเลือกติดตั้ง Porsche Active Suspension Management (PASM) หรือ เบาะนั่งแบบ Adaptive Sports Seats พร้อมหน่วยความจำได้เช่นเดียวกัน
ตัวถังของบ็อกซเตอร์ เอส แบล๊ค อิดิชั่น (Boxster S Black Edition) ให้ความโดดเด่นในเรื่องของคุณสมบัติที่เด่นชัดของความเป็นรถสปอร์ต และเพื่อเพิ่มการขับขี่ให้ตามหลักพลศาสตร์มากยิ่งขึ้น โมเดลรุ่นจำนวนจำกัดนี้จึงได้ติดตั้งยางขนาด 235/35 ZR 19 ทางด้านหน้าและ 265/35 ZR 19 ทางด้านหลังบนล้อที่มีน้ำหนักเบาและได้รับการออกแบบพิเศษในรูปแบบ 10 ก้านภายใต้ชื่อล้อ Boxster Spyder นั่นเอง ถือเป็นเรื่องปกติตามรูปแบบของบ็อกซเตอร์นั้นทำให้รุ่นท็อปโมเดลใหม่ของรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางมีศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงต่ำ ซึ่งเป็นผลมาจากเครื่องยนต์แบบสูบนอน (Flat) ที่เพิ่มระดับความคล่องตัวให้กับรถได้อย่างน่าประทับใจอีกด้วย
เครื่องยนต์นั้นมีขนาด 6 สูบ 3.4 ลิตร มาพร้อมกับระบบการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยตรง (Direct Fuel Injection), ติดตั้งอยู่ด้านหน้าของเพลาหลัง, ซึ่งทำให้บ็อกซเตอร์ เอส แบล็ค อิดิชั่น (Boxster S Black Edition) คันนี้มีขุมพลังเครื่องยนต์ที่เหนือชั้น นั่นคือแรงม้าสูงสุดที่ 320 แรงม้า (มากกว่ารุ่นบ็อกซเตอร์ เอส ถึง 10 แรงม้า) ที่รอบเครื่องยนต์ 7,200 รอบต่อนาที (บ็อกซเตอร์ เอส อยู่ที่ 6,400 รอบต่อนาที) แรงบิด 370 นิวตันเมตร เพิ่มขึ้น 10 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์ 4,750 รอบต่อนาที
ขุมพลังที่ถูกส่งออกมามากขึ้นและพละกำลังเครื่องยนต์ที่มากขึ้นเท่ากับความคล่องตัวและความว่องไวที่มากขึ้นนั่นเอง: บ็อกซเตอร์ เอส แบล็ค อิดิชั่น (Boxster S Black Edition) คือผู้นำในเรื่องของประสิทธิภาพการขับขี่ที่เหนือกว่าใคร ด้วยระบบเกียร์ธรรมดาแบบ 6 จังหวะ ทำให้มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงอยู่ที่ 5.2 วินาที เร็วกว่ารุ่น บ็อกซเตอร์ เอส ด้วยเช่นกัน ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 276 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แรงกว่าบ็อกซเตอร์ เอส (Boxster S) ถึง 2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อีกทั้งอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงของรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางคันนี้ยังเรียกได้ว่าประหยัดอย่างเหลือเชื่อเช่นเดียวกัน นั่นคือ อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 9.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ซึ่งเป็นอัตราเดียวกันกับรุ่นบ็อกซเตอร์ เอส (Boxster S) อีกด้วย (ระหว่างการทดสอบแบบวงจรการขับขี่ NEDC)
บ็อกซเตอร์ เอส แบล็ค อิดิชั่น (Boxster S Black Edition) สามารถติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติแบบอัจฉริยะ 7 จังหวะ Porsche Doppelkupplungsgetriebe (PDK) เพื่อความคล่องตัวและความว่องไว รวมไปถึงประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย หากติดตั้งระบบเกียร์นี้เข้าไปจะทำให้อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ลดลงเหลือเพียง 5.1 วินาทีเท่านั้น ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 274 กิโลเมตร/ชั่วโมง หากเปรียบเทียบกับเกียร์ธรรมดาจะเห็นว่ารถมีความเร็วเพิ่มเติมและด้วยการใช้กลยุทธ์การเปลี่ยนเกียร์อย่างอัจฉริยะเข้ามาเสริม จึงทำให้ใช้ในการลดอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นลดลงเหลือเพียง 9.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรเท่านั้น (ในระหว่างการทดสอบแบบวงจรการขับขี่ NEDC)
สำหรับประเทศไทย ท่านสามารถสอบถามเกี่ยวกับยนตรกรรมหรูอย่าง Boxster S Black Edition รุ่นพิเศษที่มีจำนวนจำกัดนี้ได้จาก บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมบริการ (Service Teams) ที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง พร้อมให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน และซื้อรถยนต์ปอร์เช่จากทางเอเอเอสเท่านั้นที่สามารถได้สิทธิ์การรับประกันจากโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีนาน 9 ปี
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ Boxster S Black Edition ได้ที่ แผนกขาย
โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-102 หรือเยี่ยมชมเว็บไซด์ได้ที่ www.porsche.co.th
หมายเหตุ: ผู้สื่อข่าวสามารถเข้าไปค้นหาข่าวสารและรูปภาพของปอร์เช่ Boxster S Black Edition ได้ใน Porsche Press Database ที่เว็บไซด์ https://presse.porsche.de
Porsche Centre Bangkok PR
Public Relations and Media
กมลทิพย์ ศักดิ์สมานชัย
Phone: +662 522 6655 ext. 448
E-Mail: [email protected]
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit