กรุงเทพฯ--24 ก.พ.--โกลว์ พลังงาน
กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (“NNP”) ปี 2553 เพิ่มขึ้นร้อยละ19ผลประกอบการปี 2553 มีดังนี้:
กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อมราคา (“EBITDA”) และกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (“NNP”) เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552 เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 และร้อยละ 19 ตามลำดับ ทั้งนี้กลุ่มบริษัทมีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้จำนวน 1,200 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการแข็งค่าของเงินบาท โดยกำไรจำนวน 5,716 ล้านบาทถือเป็นผลกำไรสูงสุดนับจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2548
ปัจจัยหลักมาจากความต้องการกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรที่ดี
ปัจจัยหลักที่ทำให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อมราคา (“EBITDA”) เพิ่มขึ้นมาจากการเติบโตของความต้องการด้านพลังงานของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมและอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ดี ทั้งนี้ความต้องการไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 14 จากปี 2552 โดยปี 2553 กลุ่มบริษัทมีอัตราผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจและปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552 จากอัตราค่าไฟที่มีเสถียรภาพและต้นทุนเชื้อเพลิงทั้งถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่ต่ำลง
นายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงินกลุ่มบริษัทโกลว์กล่าวว่า “ผลประกอบการในปี 2553 ดีขึ้นมาจากการเติบโตของความต้องการของลูกค้าอุตสาหกรรมและอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่น่าพอใจ การบันทึกรวมผลการดำเนินงานทั้งปีของบจ. ห้วยเหาะ พาวเวอร์ ในงบการเงินของบริษัท ที่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการตั้งแต่กลางปี 2552 รวมถึงการเพิ่มขึ้นของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อมราคา (“EBITDA”) แม้ว่าการแข็งค่าของเงินบาทโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งปีหลัง จะมีผลกระทบโดยตรงต่อรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. แต่ผลกระทบดังกล่าวก็มีไม่มากนักเนื่องจากกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่แข็งแกร่งของกลุ่มบริษัท” การเริ่มดำเนินการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 115 เมกะวัตต์ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญของแผนการเติบโตของบริษัท
โรงไฟฟ้าถ่านหินโรงใหม่ขนาด 115 เมกะวัตต์ ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยนายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทโกลว์ กล่าวว่า “โรงไฟฟ้าถ่านหินโรงใหม่ขนาด 115 เมกะวัตต์ถือเป็นโรงไฟฟ้าหน่วยแรกที่เริ่มดำเนินการตามแผนการเติบโตของกลุ่มบริษัท และในอีก 12 เดือนข้างหน้ากลุ่มบริษัทยังมีแผนที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงขนาด 382 เมกะวัตต์ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ในขณะที่โรงไฟฟ้า IPP ที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงขนาด 660 เมกะวัตต์ จะเปิดดำเนินการในไตรมาสแรกของปีถัดไป ทั้งนี้โรงไฟฟ้าขนาด 115 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขนาด 382 เมกะวัตต์มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม ในขณะที่โรงไฟฟ้าขนาด 660 เมกะวัตต์จะจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดให้แก่ กฟผ. แสดงให้เห็นว่าไม่เพียงแต่กำลังการผลิตของกลุ่มบริษัทที่จะเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 50 แต่รวมถึงความสมดุลของการเติบโตระหว่างธุรกิจ IPP และธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มผลกำไรและความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้แก่กลุ่มบริษัทต่อไป”
เกี่ยวกับโกลว์ พลังงาน
บริษัท โกลว์ พลังงาน เป็นบริษัทหนึ่งในกลุ่มโกลว์ ซึ่งประกอบธุรกิจด้านพลังงานรายใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศ โดยมีกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้น 1,945 เมกะวัตต์ (ส่วนของโกลว์เท่ากับ 1,860 เมกะวัตต์) และมีกำลังผลิตไอน้ำทั้งสิ้น 1,046 ตันต่อชั่วโมง กลุ่มบริษัทโกลว์ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้สัญญาการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) และผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) รวมทั้งผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมให้กับบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมมาบตาพุดและนิคมใกล้เคียง
IPR-GDF SUEZ Asia เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม GDF SUEZ ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมและบริการด้านพลังงานระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ GDF SUEZ ได้ที่ เว็บไซต์ของบริษัท www.gdfsuez.com ข้อมูลเกี่ยวกับ International Power Plc ได้ที่ www.iprplc-gdfsuez.com และสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มบริษัทโกลว์ ที่เว็บไซต์ www.glow.co.th
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ
นายณัฐพรรษ ตันบุญเอก
บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน)
โทร. 02-670-1500-1
Email: [email protected]
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit