แผลพุพอง ป้องกัน รักษาได้

28 Jul 2010

กรุงเทพฯ--28 ก.ค.--โรงพยาบาลผิวหนัง อโศก

ช่วงนี้อากาศร้อนและชื้น เด็กเล็กๆต้องระวังโรคแผลพุพอง (Impetigo หรือ pyoderma) ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังบริเวณหนังกำพร้า โดยสังเกตอาการง่ายๆ คือ จะมีผื่นลักษณะเป็นตุ่มน้ำใส และกลายเป็นหนองอย่างรวดเร็ว หรืออาจะมีอาการตุ่มแตกออกเป็นสะเก็ด มีน้ำเหลือง โดยมากจะพบบริเวณใบหน้า ลำตัว และ แขนขา ซึ่งหากมาพบคุณหมอตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ส่วนใหญ่จะไม่มีแผล และปลอดภัยจากโรคแทรกซ้อน

หากเกิดอาการดังกล่าวแล้ว การรักษาสามารถทำได้โดยการทานยาปฏิชีวนะ และ ทายา ประมาณ 7-10 วัน สำหรับบริเวณที่มีน้ำเหลืองหรือสะเก็ด ให้ใช้น้ำเกลือ ประคบแผลครั้งละ 10 นาที เช้า -เย็น วิธีนี้เรียกว่า wet dressing รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการเล่นคลุกคลีหรือใช้ของร่วมกับเด็กคนอื่นๆ เนื่องจากเชื้อโรคจะอยู่ตามนิ้วมือหรือผ้าเช็ดตัว พร้อมทั้งควรตัดเล็บให้สั้น หากมีอาการคันควรรับประทานยากลุ่มแอนติฮีสตามีนร่วมด้วย

สำหรับภาวะแทรกซ้อนอันตรายของโรคนี้ที่พึงระวัง คือ ภาวะไตอักเสบเฉียบพลัน พบว่าร้อยละ 10-15 ของเด็กที่เป็น แผลพุพอง(impetigo) จะมีอาการดังกล่าว โดยตัวจะบวม ความดันโลหิตสูง และปัสสาวะมีเลือดปน ซึ่งจะเกิดหลังจากการติดเชื้อจากทางผิวหนัง 14-21 วัน (บางรายอาจนานถึง 6 สัปดาห์) ผู้ปกครองจึงควรสังเกตและดูแลอาการของลูกหลานอย่างใกล้ชิด เมื่อมีอาการระยะเริ่มต้นให้รีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที

TIP: ส่วนใหญ่ เด็กๆที่มีแผลพุพองจะตรวจพบเชื้อ Staph aureus ในจมูกด้วย (เนื่องจากเกาแผลร่วมกับการแคะจมูก) ให้ป้ายยา mupirocin ในจมูกเช้าเย็นเป็นเวลา 5 วันจะช่วยป้องกันโรคอีกวิธีค่ะ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02 2465111 พญ.ฐิตาภรณ์ โรงพยาบาลผิวหนัง อโศก

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net