กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--บลจ.แอสเซท พลัส
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตสูงกว่าที่คาด โดยเห็นได้จากตัวเลขชี้นำทางเศรษฐกิจต่างๆ ที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งตัวเลขการส่งออก ตัวเลขการบริโภคภายในประเทศ และตัวเลขการลงทุนของภาคเอกชน สะท้อนถึงสภาวะเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพมาก โดยล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยที่ระดับ 7-8% ทั้งนี้ มองว่า แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย น่าจะปรับตัวอยู่ที่ระดับ 2.0% สำหรับปี 2553 และมีความเป็นไปได้ว่า ธปท. อาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3% ในปี 2554 โดยยังคงต้องติดตามความเคลื่อนไหวของปัจจัยหลัก ๆ ที่อาจกระทบกับการเติบโตของเศรษฐกิจการเงินไทย ได้แก่ วิกฤตการเงินยุโรป การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของโลก
สำหรับคำแนะนำการลงทุนในตราสารหนี้ช่วงนี้ ผู้ลงทุนควรจัดสรรเงินลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มีรอบการลงทุนที่แน่นอนไม่เกิน 1 ปี เพื่อไม่ให้เสียโอกาสเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ ในด้านผลตอบแทนการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ ทั้งในพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ระยะสั้น เช่น ตั๋วแลกเงิน และหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนคุณภาพที่มีความสามารถในการชำระหนี้และดอกเบี้ยสูง ผลตอบแทนจากการลงทุนเริ่มจูงใจในการลงทุนมากขึ้น และให้โอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก ในขณะที่ กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่ลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ ยังคงมีความน่าสนใจในการลงทุน เนื่องจากมีส่วนต่างผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศและมีระดับความเสี่ยงที่ต่ำ
ดร.วิน กล่าวว่า สำหรับบลจ.แอสเซท พลัส ในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ บริษัทฯ จะเสนอขาย และรับซื้อคืนกองทุนตราสารหนี้รอบใหม่จำนวน 4 กองทุน ทั้งกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ และในประเทศ โดยสามารถให้โอกาสผลตอบแทนตั้งแต่ 1.15-2.20% ต่อปี ตามระยะเวลาการลงทุนที่หลากหลาย ทั้ง 3 เดือน 5 เดือน และ 11 เดือน ได้แก่ กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่ลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ จำนวน 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดแอ็คทีฟเอฟไอเอฟ 5 (ACFIF5) เน้นลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ อายุประมาณ 11 เดือน โดยคาดว่ากองทุนจะสามารถให้ผลตอบแทนหลังจากทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวนและหักค่าใช้จ่ายกองทุนแล้วอยู่ที่ 2.20% ต่อปี* และ กองทุนเปิดแอ็คทีฟเอฟไอเอฟ 6 (ACFIF6) ลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ อายุประมาณ 5 เดือน โดยคาดว่ากองทุนจะสามารถให้ผลตอบแทนหลังจากทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวนและหักค่าใช้จ่ายกองทุนแล้วอยู่ที่ 1.50% ต่อปี*
กองทุนตราสารหนี้ในประเทศ 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1 (GBF-3M1) ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 3 เดือน ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1.15% ต่อปี* และกองทุนเปิดแอสเซทพลัส
ติดต่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติม ผู้ลงทุนทั่วไป : Call Center 02-672-1111 สื่อมวลชน : ส่วนงานประชาสัมพันธ์ มุกพิม จุลพงศธร โทร. 02-672-1000 ต่อ 3308 อีเมล์: [email protected]
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit