มากกว่าความหวือหวาที่อยู่บนพื้นฐานของความจริง อีกหนึ่งบทบาททางการแสดงที่สุดท้าทายโดยไม่ใช้สแตนอิน

10 Aug 2010

กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--สหมงคลฟิล์ม

มากกว่าความหวือหวาที่อยู่บนพื้นฐานของความจริง อีกหนึ่งบทบาททางการแสดงที่สุดท้าทายโดยไม่ใช้สแตนอิน บนพื้นฐานของความอีโรติกที่ถูกตีความโดย “ครี-พัสวีพิชญ์ ศรณ์อัครภา” กับ “โสบนเตียง”ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกภายใต้โปรเจ็คต์ “น้ำตาลแดง”

Q. โปรเจ็คต์เรื่องน้ำตาลแดงตอนโสบนเตียงเนี่ยรับบทเป็นใร คาแร็คเตอร์เป็นยังไง

ครี : สวัสดีค่ะ ครี พัสวีพิชญ์ ศรณ์อัครภา ค่ะ ในโปรเจ็คต์ภาพยนตร์เรื่องน้ำตาลแดง ในพาร์ทของ “โสบนเตียง” ครีรับบทเป็นดาค่ะ คาแรคเตอร์ของดาก็จะเป็นสาวเปรี้ยว สาวที่มีความมั่นใจ แล้วก็เป็นคนที่มีความกล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก แล้วก็มีความชัดเจนในชีวิต คือว่าอยากจะทำอะไรก็ทำเลย แล้วก็ค่อนข้างชัดเจนในสิ่งที่ต้องการด้วย สมมติว่าวันนี้อยากจะสวยก็สวยให้ถึงที่สุด วันนี้อยากจะทำอะไรก็ทำให้ถึงที่สุด เป็นคนที่ชัดเจนในทุกๆเรื่องแต่ทุกอย่างก็ต้องตั้งอยู่บนหลักของความถูกต้องคะ

Q. เป็นไงมาไงถึงเข้ามามีส่วนร่วมในโปรเจ็คต์ “น้ำตาลแดง” ได้

ครี : คือต้องเท้าความก่อนเลยว่าครีเป็นคนที่เรียนอาร์ตมาอยู่แล้ว แล้วก็ทำงานเกี่ยวข้องกับหัวข้อสรีระของผู้หญิงอยู่แล้ว แล้ว ทีนี้ด้วยความที่เรามีความเข้าใจอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ครีเองเคยไปให้สัมภาษณ์หนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับงานที่ทำค่ะ แล้วพอดีพี่ผู้กำกับได้ไปอ่านบทความชิ้นนั้น เป็นบทความที่ครีเขียน Thesis เกี่ยวกับเรื่องสรีระของผู้หญิง เป็นเรื่องบอดี้เพ้นท์ แล้วก็เป็นเรื่องของการทำวีดีโออาร์ต แต่เกี่ยวกับเรื่องของผู้หญิง แล้วพี่ต้นผู้กำกับเนี่ยเค้าต้องการคนที่เข้าใจเรื่องนี้อยู่แล้ว แล้วเขาก็ไปได้เบอร์ครีมาจากใครสักคนนี่แหละค่ะ ซึ่งเขาเห็นว่าหน่วยก้านเราตรงกับคาแร็คเตอร์ที่เขาตั้งไว้ ก็เลยโทมาหาครี เรียกเข้ามาคุยกัน แล้วก็เอาบทให้ดู ทีนี้ครีก็ได้ดูทั้งบท สตอรี่บอร์ดทุกอย่าง

ต้องบอกว่าบทเรื่องโสบนเตียงเป็นบทที่น่าสนใจมากสำหรับครี แล้วก็คือเรามีความเข้าใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้าเกิดคนอื่นมาอ่านอาจจะมีความรู้สึกว่าอืม..แรงไปมั้ย อะไรอย่างนี้นะคะ แต่สำหรับครีมีความรู้สึกว่างานชิ้นนี้มันไม่ใช่ภาพยนตร์ธรรมดามันยังเป็นอาร์ตด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งที่น่าสนใจ มันเป็นความหมายที่แฝงอยู่ข้างในงานชิ้นนี้นะค่ะ ก็สนใจมากใช้เวลาตัดสินใจไม่นานค่ะ

Q. ความรู้สึกที่มีต่อความ “อีโรติก” ของโปรเจ็คต์

ครี : คือจริงๆแล้วครีไม่รู้สึกว่า “อีโรติก” คือหนังเรทอาร์หรือหนังโป๊ หรือหนังที่มุ่งแต่จะขายเซ็กส์อะไรขนาดนั้น เราต้องยอมรับว่านี่คือประเทศไทยเพราะฉะนั้น เราจะใช้มุมกล้องหลบอะไรอยู่ตลอดเวลา ส่วนตัวครีมองว่าเวลาเราดูหนังทั่วๆไปในแวดวงฮอลลีวู้ด หรือหนังจากประเทศต่างๆ นะคะ เรายังเห็นเปลือย จูบจริง เรายังเคยถามเลยว่าเขาเล่นจริงๆรึเปล่า ครีคิดว่าการที่เราคิดโปรเจ็คต์นี้ขึ้นมา โดยที่เราเรียกแนวหนังของเราว่าอีโรติกอาร์ตเนี่ยะ ครีถือว่ามันเป็นบันไดก้าวสำคัญมากๆ สำหรับวงการหนังเมืองไทย ที่ว่าเราจะไปอีกขั้นหนึ่งแล้วนะ ที่จะไปเทียบเท่าสู่สากลนะคะ ใช่ว่าปีสองปีที่ผ่านมาก็จะมีแต่หนังผี หนังตลก หนังรักคิกขุวัยรุ่น คือเราจะมีพัฒนาการอีกขั้นหนึ่งแล้วนะ ที่นักแสดงจะกล้าเล่นจริง แล้วก็ในบทบาทเนี่ยะกล้าที่จะเสนอความจริงๆบนโลกใบนี้นะค่ะ มันเป็นภาพที่แสดงออกมาจริงๆโดยที่ไม่หลอกคนดูค่ะ ครีถือว่าการที่มีโปรเจ็คต์นี้ขึ้นมา ทำให้เราเปิดมุมมองกับคนดูมากขึ้น แล้วก็ทำให้เราซื่อสัตย์กับคนดูมากขึ้น เพราะฉะนั้นเนี่ยะ ครีรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดีซะอีกที่เราจะได้เสพอะไรที่มันจริงมากขึ้น

Q.กับความรู้สึกที่ตัวโปรเจ็คต์ถูกนำเสนอจากไอเดียของผู้กำกับรุ่นใหม่ถึง6คนที่เลือกนำเสนออีกแนวทางของภาพยนตร์ซึ่งแตกต่างจากที่เป็นมา

ครี : คือครีรู้สึกดีมากๆเลยนะที่มีทรัพยากรบุคคลรุ่นใหม่ๆ ที่กล้าคิดจะทำมุมมองนี้ขึ้นมา โดยที่ครีก็เป็นทรัพยากรคนหนึ่งเหมือนกันที่เรียนมาทางด้านทำหนัง ซึ่งครีรู้สึกว่าถ้าไม่มีผู้กำกับทั้ง 6 คนนี้ เมื่อไหร่ล่ะเราจะมีโปรเจ็คต์ดีๆแบบนี้ขึ้นมา ครีคิดว่ามันถึงเวลาแล้วค่ะที่เราจะก้าวไปอีกก้าวหนึ่ง แล้วก็เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ แล้วก็น่าจะช่วยสนับสนุนผลักดันกัน ตัวผู้กำกับทั้ง 6 คนนี้ก็เป็นอะไรที่น่าจับตามองมากค่ะ

Q.สำหรับตัวหนังแสดงแล้วการที่เข้าไปมีบทบาทในภาพยนตร์แนวอีโรติก ถือว่าเป็นความท้าทายทางการแสดงอย่างไร

ครี: ความท้าทายของการแสดงในหนังเรื่องนี้นะคะ หนึ่งเลย คือเราต้องเล่นจริงแล้วก็บทค่อนข้างหวือหวา เพราะฉะนั้นเราจะต้องมีสมาธิสูงมาก แล้วก็อีกอย่างหนึ่งเรื่องนี้ไดอาล็อคไม่เยอะ คือไม่ใช่เป็นหนังพูดๆๆเพื่อแสดงอารมณ์ แต่หนังเรื่องนี้จะเน้นใช้กิริยาท่าทางในการแสดงอารมณ์ ใช้สายตาเป็นตัวบอกความรู้สึกเหมือนแทนไดอาล็อคค่ะ คือมีไดอาล็อค แต่ไม่ได้เป็นตัวชูโรงขนาดนั้น คือมันต้องมาจากข้างในคือต้องมาจากอินเนอร์คะ เราจะต้องทำการบ้านอย่างดีที่สุด เราจะต้องมีสมาธิให้มากที่สุด เพื่อให้ทุกอย่างมันผ่านไปได้อย่างรื่นไหลที่สุด เพราะว่าครีถืออยู่อย่างหนึ่งคือว่าถ้าเล่นหลายๆรอบเนี่ยมันจะช้ำ เพราะฉะนั้นทุกครั้งจะพยายามให้เทคเดียวผ่าน เนี่ยะแหละคือความท้าทายของมัน

Q. แล้วการที่จะสื่อความหมายให้ตรงกับที่ผู้กำกับต้องการ ตัวนักแสดงเองจะต้องมีการตีความออกมาอย่างไร

ครี : ยอมรับเลยว่าอ่านบทครั้งแรกปุ๊บชอบ แต่พออ่านไปอ่านมามันมีความหมายมากกว่านั้น แล้วก็พยายามโทรหาผู้กำกับว่าความหมายอย่างนี้ใช่มั้ย ถูกต้องไหมคะ คือเขาก็บอกว่าพยายามลองคิดนะ คือพี่ต้นไม่เคยบอกเลยว่ามันคืออย่างนี้นะ ให้ไปคิดเองแล้วก็มาบอกเขาอีกครั้งหนึ่ง พอเราไปบอกเขาก็จะบอกว่าไปคิดว่าอีกทีหนึ่ง เราก็จะรู้แล้วเหมือนเราจะค่อยๆเข้าใจขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ แล้วเราก็จะเป็นดาในที่สุด คือครีอ่านบทบ่อยมาก อ่านแบบประมาณเดือนหนึ่งคะเพื่อที่จะซึมซับมันให้มันตกตะกอนอยู่ในใจให้มากที่สุด ให้เรารู้สึกว่าตอนเราอยู่หน้าเซ็ตเราคือดา แล้วทุกอย่างมันก็ไหลลื่นมากจนเรารู้สึกว่าตอนเราอยู่ตรงนั้นเราคือดาจริงๆ แล้วก็พี่ปั๋งคือกรจริงๆค่ะ

Q.มีการเตรียมตัวเตรียมพร้อมทำการบ้านอย่าไรบ้างสำหรับที่จะต้องถ่ายทอดออกมาเป็นตัวละครในภาพยนตร์

ครี: คือหนึ่งเลยเรามีเวิร์คช็อปกันนะค่ะ แล้วก็อ่านบทเยอะที่สุด แล้วก็ทำความเข้าใจเยอะที่สุด ส่วนเรื่องการจำไดอาล็อคครีจะเป็นคนที่ไม่ชอบจำเป็นตัวอักษรเป๊ะๆๆ เพราะมันจะทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ ก็จะจำข้อใหญ่ ที่เป็นใจความหลัก แล้วก็เอามาคิดไตร่ตรองแล้วก็ตีความเอาว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้นะค่ะ เพราะฉะนั้นช่วงของการทำการบ้านนี่แหละคะจะเป็นช่วงที่เข้มข้นที่สุด คืออยู่บ้านคนเดียว ก็ทำการบ้านๆๆ แล้วก็มาเจอพี่ปั๋งเนี่ยะแหละ แต่ปรากฏว่ากับพี่ปั๋งเรารู้จักกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ทุกอย่างมันจะง่ายขึ้นเยอะมาก เพราะว่าเรารู้จักกันมานานสักพักหนึ่งแล้วคะ ก็เป็นพี่ที่คุยกันได้กันเองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็สนิทกับพี่ปั๋งอยู่ มันก็จะไม่มีปัญหาตรงที่จะมาเขินอายกันอยู่แล้ว อีกอย่างหนึ่งคือพี่ปั๋งจะสอนอยู่เสมอว่าครีสมาธิสำคัญที่สุดไม่อย่างนั้น ยูจะเปลืองตัวมาก ยูจะต้องทำให้มันผ่าน นั่นแหละค่ะมันเป็นตัวที่ย้ำอยู่ในหัวเราว่าสมาธิเราจะหลุดไม่ได้ แล้วทุกอย่างมันจะมาเอง ทุกอย่างมันจะมาจากข้างในค่ะ

Q.ความแตกต่างระหว่างครีกับดาตัวละครในโสบนเตียง

ครี: ซึ่งจริงๆแล้วตอนเล่นไปเราก็รู้สึกว่าเราเหมือนดานะ แบบเอาจริงก็ใช่เลยคะ แบบเราเป็นคนมั่นใจ กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ กล้าแสดงออก แล้วก็เป็นคนชัดเจน อันนี้จะตรงกับคาแร็คเตอร์ทุกอย่างเลย เพราะฉะนั้น ยากมั้ยกับการที่เราจะปรับคาแร็คเตอร์ ไม่ยากเลย เพราะเราก็เป็นคนมีคาแร็คเตอร์อย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ยากตรงที่ตัวบทที่เราจะต้องตีความและสื่อตรงนั้นออกมาเพราะในบทเนี่ยะมันมีความหมายเชิงซ้อนด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งที่ยากคือเราจะสื่อสารออกมายังไงจากบทไปสู่คนดู

Q.การทำงานในฉากเลิฟซีน

ครี: ค่ะในแต่ละฉากก็ผ่านไปได้ด้วยดีในการทำงานทั้งหมด ส่วนฉากเลิฟซีนหวือหวาเนี่ยะเขินมั้ย ไม่ได้เขินพี่ปั๋งนะคะ แต่ว่าเขินทีมงานเยอะมาก คือบางซีนเราไม่ได้เขินเลย เพราะว่าสมาธิเราถึงจุดที่ว่าเราไม่เห็นใครแล้วตรงนั้น เราไม่เห็นใครแล้วจริงๆ เรารู้สึกว่าเราคือดาแล้วก็อยู่กับกรสองคนคือเราไม่เห็นใครอีกแล้ว แต่ในบางช็อตที่มีทีมงานอยู่ตรงหน้าคือใกล้มากแบบฟุตสองฟุตอะไรอย่างนี้นะคะ เราก็รู้สึกตึงบ้างนิดนึง แต่ว่าพยายามทำให้ดีที่สุด คือสมาธิเนี่ยะไม่หลุดไปไหนแน่ ถ้าจะเขินก็เขิน ช่างไฟ นิดนึง แต่ก็โอเคค่ะ ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีแบบเทค ก็อาจจะมีเปลี่ยนมุมกล้องคะ

Q. พอบอกได้ไหมว่าฉากไหนที่หนักใจที่สุด

ครี: น่าจะเป็นฉากในโรงแรมที่เป็นฉากที่หินที่สุดคะ เพราะเป็นฉากที่เขินมาก เพราะว่าอยู่ในระยะใกล้ แล้วก็มีทีมงานอยู่เยอะมากๆ เลยอยู่ข้างหน้า แล้วก็เป็นฉากที่หวือหวามากๆทีเดียว เพราะฉะนั้นความเขินเรามีอยู่แล้ว อันนั้นมันจะเป็นฉากที่ความยากมันจะอยู่ตรงที่เราจะต้องต่อสู้กับตัวเอง ต่อสู้กับสิ่งที่อยู่ข้างในความคิด ที่เราจะคิดไม่ได้ว่านี่เราอยู่ต่อหน้าคนสิบ ยี่สิบ สามสิบคนนะ คือเราคิดไม่ได้ เราจะต้องคิดว่าเราคือดา ที่อยู่ในโรงแรมกับกร คือสิ่งที่ยากที่สุดคือเราต้องสู้กับตัวเองคะ ต้องข่มความเขินไปให้หมด แล้วก็สมาธิต้องมาที่หนึ่งไม่งั้นเนี่ยะ มันจะกวนเวลาคนอื่นด้วย แล้วก็ถ่วงคนอื่นด้วย อะไรอย่างนี้ค่ะ

Q.การทำงานกับผู้กำกับหน้าใหม่อย่างต้นภาณุมาศ ดีสัตถา

ครี : คือความไว้เนื้อเชื่อใจ ตั้งแต่แรกเลยนะก่อนถึงวันถ่าย เราก็คุยกันมาประมาณเดือนสองเดือนเนี่ยะคะ แล้วเราก็รู้สึกว่าพี่เขาก็โอเคในส่วนที่ว่าเราเรียนทำหนังเหมือนกัน พูดจาภาษาเดียวกัน บอกอยากได้ตรงไหน เพิ่มลดอะไรคือเราพูดกันรู้เรื่องมาก เพราะฉะนั้นครีรู้สึกว่าในการทำงาน เราไม่มีปัญหาซึ่งกันและกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการไว้ใจ เราไว้ใจทางผู้กำกับ ทีมงานทุกคนอยู่แล้ว เราพูดยังไง คือเขาโอเค เพราะฉะนั้นครีรู้สึกว่าเรามาเจอกันครึ่งทางทั้งสองฝ่าย ครีก็มีในจุดที่ครีต้องการอย่างนี้ ผู้กำกับเขามีในจุดที่เขาต้องการอย่างนี้ เราก็คุยกันตรงๆค่ะว่าสิ่งที่ต้องการคืออะไร แล้วอีกอย่างหนึ่งที่ชอบมากๆเลย คือพี่ต้นเนี่ยะไม่ได้เป็นผู้กำกับที่ว่าเฮ้ยจะต้องอย่างนี้ ฉันจะต้องอย่างนี้ คือบางสิ่งบางอย่างหรือบางแอ็คชั่นเนี่ยะ ครีรู้สึกว่าเฮ้ยพี่หนูอยากใส่ไอ้นี่เข้าไปได้มั้ยคะ เพราะว่าหนูรู้สึกว่าให้มันต่อเนื่องหรือว่าอะไร พี่เขาแบบโอเคทำเลย คือเขาจะปล่อยให้เราแสดงความคิดเห็นด้วย คือครีชอบตรงนี้คือเหมือนเราได้มีส่วนร่วมในโปรเจ็คต์นี้ด้วยในฐานะคนทำหนังเหมือนกันนะคะ

Q.กับการทำงานกับปั๋ง ประกาศิต ถึงแม้ว่าจะสนิทกัน แต่ก็เพิ่งมาเล่นหนังด้วยกันเป็นเรื่องแรก พี่เขามีวิธีแนะนำหรือว่าสอนอะไรเราบ้าง

ครี : ตลอดเวลา ทุกซีน ทุกช็อต คือพี่สอนตลอด คือว่าจริงๆบางทีบางช็อตก็นึกในใจว่า รู้แล้ว แต่พี่เขาก็น่ารักคะ ด้วยความที่พี่เขาประสบการณ์เยอะกว่าเรา เยอะมาก แล้วเราก็ใหม่มาก พี่เขาจะสอนว่าเฮ้ย ครีมุมนี้อย่างนี้ๆๆนะ หรือพูดอย่างนี้ๆคือสอนตลอดเวลา แล้วก็สิ่งที่พี่ปั๋งเตือนเราตลอดเวลาก็คือว่า เขาจะบีบแขนเราแล้วบอกว่าสมาธิ เอ็งสมาธิ แล้วก็เป็นสิ่งที่ดีมากๆ คือแบบว่าเราจะเตือนสติอยู่ตลอดเวลา ว่าสมาธิสำคัญที่สุดคะ เพราะว่าการเล่นหนังอีโรติกอาร์ตเนี่ยะมันจะหวือหวา เพราะฉะนั้นพี่ปั๋งก็จะบอกว่าไม่งั้นเอ็งจะเปลืองตัวกับชั้น ซึ่งโอเคนะถ้าอยากอยู่แบบนั้น ซึ่งพี่โอเคอยู่แล้ว สบาย เอ็งโอเคป่าวล่ะ คือครีก็บอกว่าจริงๆ ครีไม่มีปัญหาหรอก แต่ว่าคือครีเชื่อว่าเทคแรกเนี่ยะเป็นเทคที่ธรรมชาติที่สุด แล้วก็ไม่ช้ำที่สุด เพราะฉะนั้นพยายามให้เทคแรกผ่านเลย เพราะฉะนั้นเนี่ยะสมาธิจะสำคัญที่สุด แล้วก็คำสอนของพี่ปั๋งเนี่ยะใช้ได้มากๆเลยค่ะ

Q. สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องโสบนเตียงต้องการนำเสนอหรือสะท้อนออกมา

ครี : ครีมีความรู้สึกว่าสะท้อนมุมมองในแง่ของสังคมนะคะ ในแง่ความเป็นผู้หญิงในยุคปัจจุบันว่า ถึงแม้เราจะเป็นผู้หญิงยุคใหม่ มีความมั่นใจ แต่เราก็ไม่ควรลืมความเป็นตัวตน เราไม่ควรลืมความรับผิดชอบของหน้าที่ของเรา ว่าควรจะเป็นยังไง ครีคิดว่าในมุมมองของการสะท้อนสังคมในเรื่องน้ำตาลแดงเนี่ยะจะสะท้อนให้ผู้หญิงไทยได้เห็นบทบาทที่สำคัญของตัวเองแล้วก็คุณค่าในตัวเองคะ อยากให้ผู้หญิงไทยที่ได้เข้ามาสัมผัสน้ำตาลแดงเนี่ยะได้รับตรงนี้ออกไป ได้รับมิตินี้ของหนัง แล้วเก็บไปใช้ในชีวิตประจำวัน แล้วก็ทำให้ตัวเองมีคุณค่ามากที่สุดคะ

Q. มีอะไรที่ตัวหนังต้องการนำเสนอ นอกเหนือจากความอีโรติกหวือหวาที่ว่ากันว่าสมจริงมากๆ

ครี : ความหวือหวาหรือความอิโรติกในตอนโสบนเตียง หนึ่งเลยคือเล่นเอง เล่นจริง เจ็บจริง ก็คือเล่นเองไม่ใช้สแตนอินทุกซีนทุกช็อตเลยนะคะ แล้วก็ผู้ชมที่เข้ามาดูน้ำตาลแดง จะสัมผัสได้เลยว่ามันมีความแบบว่าจริงมากๆแล้วก็ทั้งครีทั้งพี่ปั๋งเนี่ยะใส่อารมณ์เต็มที่ ทุกอย่างมันอินกับบทมาก คือเราสองคนยังรู้สึกเลยในตอนที่อยู่หน้าเซ็ตตรงนั้น เรารู้สึกเลยว่ามันใช่จริงๆ แล้วก็เราเป็นดาพี่ปั๋งเป็นกรจริงๆ แล้วก็ความหวือหวาในเรื่องของแอ็คชั่นทั้งหมด ครีอยากให้มองว่าในตรงนั้นเนี่ยะมันมีความหมายแฝงมากกว่านั้นคะ อยากให้จ้องตาไม่กระพริบเลย แต่ว่าไม่ใช่จ้องว่าจะจูบกันเมื่อไหร่ไม่ใช่นะ จะต้องจ้องดูว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นเนี่ยะมันคืออะไร แล้วก็จะต้องเอาภาพที่ผ่านตาไปแล้วเมื่อกี๊เนี่ยะมาประกอบกับภาพใหม่ที่เห็นแล้วทั้งหมดเนี่ยมันจะคือคำตอบที่เกิดขึ้นในหัวค่ะ

Q. ความหมายของน้ำตาลแดงในมุมมองของครีคืออะไร

ครี : ก็คือสิ่งที่บริสุทธิ์มากๆ แล้วก็เป็นสิ่งที่ยังไม่ผ่านการซักฟอกหรือว่ายังไม่ผ่านการฟอกสี คือว่าเราลองคิดถึงน้ำตาลแดงใช่มั้ยคะ คือน้ำตาลสีน้ำตาลเนี่ยค่ะ ที่ยังไม่ผ่านการฟอกสีเป็นสีขาว มันเป็นอะไรที่บริสุทธิ์มาก มันเป็นอะไรที่ยังไม่ได้รับการปรุงแต่งอะไรทั้งนั้น แล้วก็มีรสชาติหวานกว่าซะอีก เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้ความหมายกับสิ่งสื่อถึงน้ำตาลแดง ก็คือสิ่งที่เป็นอินเนอร์อยู่ข้างในของเรา ที่เราจะนำมันออกมาใช้ หรือหยิบมันออกมาแสดง เมื่อไหร่เนี่ยะก็ขึ้นอยู่กับสภาวะอารมณ์ตรงนั้นค่ะ มันก็เหมือนกับตอนที่ว่าเราจะเลือกใช้น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำตาลทรายขาวตรงนั้นแหละค่ะ

Q.ฝากถึงโปรเจ็คต์ภาพยนตร์เรื่องน้ำตาลแดง ในพาร์ท “โสบนเตียง”

ครี : ค่ะ สำหรับโปรเจ็คต์น้ำตาลแดงเนี่ยครีอยากฝาก หนึ่งเลยนะคะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะเพราะว่าเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกของครีแล้วก็ครีตั้งใจเกินร้อยมากๆเลย แล้วก็ทั้งผู้กำกับพี่ต้น ทีมงานทุกคนก็ตั้งใจกันมากๆเลยในการถ่ายทอดเนื้อหาออกมา แล้วก็อยากให้ผู้ที่ได้มาสัมผัสน้ำตาลแดงเนี่ยได้รับมุมมองดีๆที่น่าสนใจกลับไป แล้วก็ในตอนของโสบนเตียงเนี่ยครีอยากให้คนที่เข้ามาได้สัมผัสถึงคาแร็คเตอร์ของตัวนักแสดงในความต้องการหรือว่าสิ่งลึกๆที่อยู่ข้างใน หรือว่าบุคลิคเชิงซ้อนของเขาเป็นยังไง อันนี้คือไคลแม็กซ์ของเรื่อง ถ้าจับใจความตรงนั้นได้จะได้อะไรกลับไปแบบสนุกสุดยอดเลย ต้องไปดูกันนะคะ อยากขอฝากนิดนึงว่าอย่าเพิ่งตีกรอบว่าหนังอิโรติกไว้เพียงเฉพาะว่าจะมีฉากหวือหวาหรือเพียงเฉพาะว่าอยากดูแค่ฉากเลิฟซีน เพราะว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นในความหมายแฝงของหนังเรื่องน้ำตาลแดง แล้วยิ่งตอนโสบนเตียงนะคะต้องติดตามแล้วก็คอยลุ้นกัน แล้วก็ทายกันด้วยคะ 26 สิงหาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net