กรุงเทพฯ--17 มิ.ย.--เอส พี อาร์ ฟู๊ด อินดัสทรี
ด้วยจุดเด่นของรสชาติต้นตำหรับที่มีมากว่า 3 ทศวรรษ พร้อมการตลาดและการ จัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เตรียมรุกปีที่ 2 โดยสร้างการรับรู้แบรนด์ต่อเนื่อง เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ พร้อมทุ่มงบการตลาดกว่า 30 ล้านบาท ในการสื่อสารแบรนด์เต็มรูปแบบทั้งโฆษณาทีวี และการส่งเสริมการขายต่างๆ ตั้งเป้าปีที่ 2 เติบโตที่ 25% ยอดขายที่ 150 ล้านบาท
นายกิติพัฒน์ เหรียญชัยวานิช ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส พี อาร์ ฟู๊ด อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตขนมอบกรอบตรา โคโคริ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการเปิดตัวขนมอบกรอบ “โคโคริ” อย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม ปี 2552 ที่ผ่านมาถือว่าผลตอบรับดีมาก โดยมียอดขายเฉพาะในประเทศ จำนวน 120 ล้านบาท ภายในเวลา 1 ปี โดยมีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทย ประมาณร้อยละ 2.7 ของตลาด ขนมขบเคี้ยวประเภทขึ้นรูป ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ที่ดีมาก สำหรับแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งมีการเปิดตัวครั้งแรก ในเวลาเพียงไม่นานนัก
“เรามองว่าความสำเร็จดังกล่าว เกิดขึ้นจากการมีตัวแทนจำหน่ายที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสิทธิภาพ อย่าง บริษัท พรีเมียร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งสามารถกระจายสินค้าได้ทั่วประเทศ และมีการกำหนดรูปแบบทางธุรกิจที่ชัดเจน โดยมีเราเป็นเจ้าของแบรนด์ ทำให้บริหารงานได้อย่างคล่องตัว นอกจากนี้ในด้านการตลาด ทางพรีเมียร์ฯเป็นผู้ให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้แผนการตลาดดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญที่สุดคือ โคโคริ เป็นรสชาติต้นตำหรับที่ผู้บริโภคชื่นชอบ ผนวกกับการผลิตที่มีมาตรฐาน มีการปรับปรุงโรงงานให้ได้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง จนได้รับมาตรฐาน GMP Codex และ HACCP เมื่อต้นปี 2553 ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร ทำให้เพิ่มโอกาสในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้มากขึ้น”
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 53 ทางบริษัทฯยังรุกกิจกรรมทางการตลาด และการสื่อสารการตลาด เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ให้ได้มากที่สุด โดยใช้งบประมาณไปกว่า 20 ล้านบาท กับกิจกรรมต่างๆไม่ว่าจะเป็นการออกบูธ กิจกรรมร่วมกับลูกค้าตามจุดจำหน่าย หรือโมเดิร์นเทรดต่างๆ เช่น การแจกชิมสินค้า
ที่ห้างสรรพสินค้าพร้อมกับการโฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และล่าสุดได้มีการเผยแพร่ภาพยนตร์โฆษณา ชุด “ตัวจริง” เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทั้งทางโทรทัศน์ และบนรถไฟฟ้า BTS เพื่อตอกย้ำในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
“นอกจากความสำเร็จในตลาดเมืองไทยแล้ว เรายังมีแผนการขยายตลาดส่งออก ภายใต้แบรนด์
โคโคริ ไปยังประเทศต่างในแถบ ASEAN ซึ่งข้อตกลง FTA ทำให้สามารถขยายตลาดในภูมิภาคนี้ได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังได้คัดเลือกตัวแทนจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพในประเทศต่างๆร่วมเป็นคู่ค้า เพียงประเทศละ 1- 2 ราย โดยได้มีการช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านการตลาดให้กับคู่ค้าเพื่อสร้างแบรนด์ โคโคริ ในระยะยาว โดยปัจจุบัน สามารถขยายตลาดส่งออกไปยังกว่า 20 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน รัสเซีย ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน จีน บังกลาเทศ มัลดีฟส์ ประเทศในแถบ ASEAN และประเทศในแถบตลาดใหม่เช่น แอฟริกา และคาริเบียน เป็นต้น”
นายกิติพัฒน์ กล่าวว่าสำหรับปีที่ 2 ยังคงมุ่งเน้นที่การสร้างแบรนด์และการทำการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แบรนด์ โคโคริ เป็นที่รู้จักและอยู่ในใจผู้บริโภคได้ในระยะยาว โดยเน้นที่การสื่อสารการตลาดผ่านสื่อทุกรูปแบบ เช่น โทรทัศน์ โดยล่าสุดในเดือนกรกฎาคมจะมีการเผยแพร่โฆษณาชุดใหม่ “ โคโคริ โดราเอมอน” เพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็ก เพื่อให้แบรนด์เติบโตไปกับพวกเขาในอนาคต อีกทั้งยังเน้นการพัฒนารสชาติสินค้าที่หลากหลายขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างจุดขายให้กับสินค้า โดยเป็นผู้ผลิตขนมขบเคี้ยวรายแรกที่ได้รับการรับรองความอร่อยจาก หมึกแดง การรับฟังความคิดเห็นลูกค้า และนำมาพัฒนาเป็นสินค้าที่ตรงความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
“นอกจากนี้ ก็ยังมีกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการออกบูธที่งาน THAIFEX World Food of Asia ในสิ้นเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ รวมทั้งการสร้างสังคมออนไลน์ สำหรับคนรักโคโคริอีกด้วย โดยมีการปรับโฉม website www.cocorisnack.com ให้เป็นสไตล์ญี่ปุ่น มีกิจกรรมต่างๆในweb มากมาย โดยคาดว่าจะใช้งบการตลาดในปี 2553 ทั้งหมดกว่า 30 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายการเติบโตของยอดขายเมื่อเทียบกับปีแรก ที่ 25% หรือ 150 ล้านบาท มุ่งเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดขนมขบเคี้ยวประเภทขึ้นรูป เป็น 3% ภายในปี 2553 และ 5% ภายในปี 2555 นายกิติพัฒน์ กล่าวในตอนท้าย
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit