กรุงเทพฯ--16 มิ.ย.--กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
หลังการเสียชีวิตของโลมาสีชมพูสัตว์ทะเลหายาก ซึ่งถูกพบซากเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา นับเป็นตัวที่ 9 ในรอบ 40 วัน โดย 8 ตัวแรกพบศพในบริเวณชายฝั่งทะเล อ.ขนอม แต่ตัวล่าสุดพบศพลอยอยู่กลางทะเลห่างจากฝั่งปากน้ำคลองกลาย ท้องที่บ้านเราะ ต.กลาย อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ประมาณ 1 กม. ซึ่งเป็นโลมาสีชมพูเพศเมีย อายุ 15-20 ปี มีความยาวทั้งตัว 2.32 เมตร น้ำหนัก 120 กิโลกรัม
โดยทั่วไปแล้วโลมาสีชมพูจะอาศัยอยู่ตลอดแนวชายฝั่งอ. ขนอม ตั้งแต่ 1,500-5,500 เมตรด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้โลมาสีชมพูต้องประสบกับปัญหา เรื่องการเผชิญกับชาวประมงชายฝั่งซึ่งเป็นกลุ่มต่างถิ่นที่ลักลอบเข้ามาทำประมงชายฝั่ง ซึ่งชาวประมงกลุ่มนี้จะใช้อวนที่มีขนาดใหญ่และหากโลมาติดอวนแล้วจะถูกอวดบาดจนได้รับบาดเจ็บจนทำให้ดิ้นไม่หลุดจึงเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด
นายสันติ นิลวัฒน์ นักวิชาการประมง ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้สรุปผลจากการผ่าชันสูตรว่า เบื้องต้นพบว่าลักษณะภายนอกไม่มีบาดแผลแต่อย่างใด และบาดแผลที่เห็นคล้ายรอยกระสุนกันนั้นแท้จริงแล้วเป็นลักษณะแผลอักเสพติดเชื้อจึงทำให้มีลักษณะดังกล่าว และผลจากการผ่าโดยละเอียดทำให้ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง คือหัวใจมีลักษณะบวมโต คล้ายกล้ามเนื้อตาย ปอดไม่สมบูรณ์มีพยาธิเกาะอยู่เต็ม ส่วนอวัยวะอื่นๆไม่พบข้อผิดสังเกตุโดยเฉพาะกระเพาะอาหารก็ไม่พบว่ามีอาหารหรือถุงพลาสติกแต่อย่างใด จึงสรุปถึงสาเหตุการตายว่าโลมามีอาการป่วยจึงอ่อนแอไม่สามารถล่าอาหารได้ เนื่องจากหัวใจมีการบวมโต และมีลักษณะกล้ามเนื้อตาย อีกทั้งการติดเชื้อบริเวณรอบช่องเพศ จนเป็นสาเหตุทำให้โลมาสีชมพูตัวดังกล่าวจมน้ำตาย โดยปรกติแล้วโลมาสีชมพูมีอายุไข 50-60 ปี แรกเกิดจะมีสีเทาแต่เมื่อโตขึ้นเรื่อยๆ ผิวจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นจางลงและเมื่ออายุ 10 ปีขึ้นไปผิวจะเริ่มกลายเป็นสีขาวอมชมพู ตัวไหนมีสีขาวอมชมพูจัดแสดงว่าอายุมาก ตัวเต็มวัยยาวถึง 2.3 เมตร หนัก 150-200 กิโลกรัม นิสัยค่อนข้างระมัดระวัง แต่โลมากลุ่มนี้น่าเป็นห่วงเพราะระบบนิเวศชายฝั่งเสื่อมลง จนเป็นสาเหตุให้โลมาป่วยเป็นจำนวนมาก
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit