กรุงเทพฯ--13 ต.ค.--สหมงคลฟิล์ม
Q: หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากับสาวคนนี้มาบ้างแล้ว กับผลงานการแสดงภาพยนตร์ไทยหลากหลายเรื่องที่ผ่านมา อยากให้แนะนำตัวกันอีกครั้งสักหน่อย
P: สวัสดีค่ะ ปราง ปรางทอง ชั่งธรรม ค่ะ
Q: คงต้องขอถามก่อนเลยว่าเข้ามาร่วมโปรเจ็คต์น้ำตาลแดง ภาพยนตร์อิโรติกได้อย่างไร
P: สำหรับโปรเจ็คต์น้ำตาลแดง ปรางมีโอกาสได้คุยกับพี่อ็อด บัณฑิต ทองดี (โปรดิวเซอร์ของโปรเจ็คต์น้ำตาลแดง) ค่อนข้างมานานพอสมควร พี่อ็อดก็บอกว่ากำลังจะมีโปรเจ็คต์ภาพยนตร์ ซึ่งเป็นแนวอิโรติกและสนใจอยากให้ปรางมาร่วมแสดงในโปรเจ็คต์ครั้งนี้ จากนั้นก็มีทีมงานโทรมาหาปราง และเริ่มส่งบทหนังมาให้ปรางอ่านก่อน จนในที่สุดก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่เอก ผู้กำกับค่ะ
Q: เริ่มอ่านบท และได้พูดคุยกับผู้กำกับ เหตุผลอะไรที่ทำให้ตัดสินใจเข้าร่วมโปรเจ็คต์นี้
P: เริ่มแรกเลยนะคะตอนอ่านบทคิดว่าหนังเรื่องนี้ถ้าได้ทำเป็นหนังยาวจะสนุกมากเลยค่ะ ตอนนั้นปรางได้เข้ามาคุยกับพี่ปรัชญา ปิ่นแก้ว และก็พี่เอก สุรวัฒน์ ผู้กำกับของเรื่องนี้พร้อมกัน แต่ตอนนั้นก็แอบคิดว่า เราจะทำได้หรือเปล่านะ เพราะถือว่าเป็นหนังอีกแนวที่ยังไม่เคยแสดงและมันเป็นบทที่ท้าทายความสามารถมากค่ะ แต่พอได้คุยกันมากขึ้นปรางก็เริ่มสนใจหนังอิโรติกมากขึ้น อยากจะลองพิสูจน์ความสามารถของตัวเองด้วยเหมือนกันค่ะ
Q: ส่วนตัวแล้วทัศนคติต่อภาพยนตร์อิโรติกของปรางทองเป็นอย่างไร
P: ยอมรับว่าค่อนข้างที่จะแคบมากเลยกับคำว่า อิโรติก ปกติเลือกชมในเฉพาะเท่าที่มีให้ จะไม่ได้เลือกดูหนังในประเภทที่หลากหลายแนวมากหนัก รวมถึงหนังต่างประเทศก็เช่นกันค่ะ แต่หลังจากได้มาศึกษาอย่างจริงจัง และได้คุยกับผู้กำกับมากขึ้น ทำให้เข้าใจแนวอิโรติกมากขึ้น นอกจากจะสื่อทางด้านจิตใต้สำนึกของมนุษย์ออกมาโดยตรงแล้ว ยังมีอีกแง่มุมรวมถึงแง่คิดหลายอย่างที่ทำให้หลายคนมองข้ามคำว่าหนังอิโรติก บางคนอาจมองว่าเป็นหนังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของหญิงสาว ของมนุษย์ ของใครๆ ซึ่งที่จริงแล้วสิ่งที่ต้องการจะสื่อออกมามันมีอะไรมากกว่าเซ็กส์ค่ะ
Q: ในโปรเจ็คต์น้ำตาลแดง2 ตอนหลุมพรางรับบทเป็นใคร และมีคาแร็คเตอร์เป็นอย่างไร
P: ตอน “หลุมพราง” ปรางมีโอกาสได้เปลี่ยนคาแร็คเตอร์ค่อนข้างที่จะสูงมากๆ ไม่เคยเล่นหนังที่มี 2 คาแร็คเตอร์ในเรื่องเดียว สิ่งที่ยากคือ ตัวแสดงทั้งสองมีความเหมือนกันเพียงอย่างเดียวแค่หน้าตา นอกนั้นอย่างอื่นเขาไม่เหมือนกันเลย ซึ่งคาแร็คเตอร์แรก รับบทเป็นพี่นิด เป็นสาวธรรมดาทั่วไป แต่มีความกระฉับกระเฉง ส่วนอีกคาแร็คเตอร์จะรับบทเป็น น้าละออง น้าสาวผู้เก็บเรื่องทุกอย่างไว้กับตัว สำหรับสิ่งที่ปรางต้องสื่อออกมาให้ชัดเจนในเรื่องนี้คือ จะแสดงและทำอย่างไรให้น้าละอองกับพี่นิดมีความแตกต่างกันไม่ใช่เพียงแค่การแต่งหน้า หรือการเปลี่ยนเสื้อผ้าแค่นั้น และคนดูจะต้องเชื่อว่า 2 คาแร็คเตอร์นี้ไม่ใช่คนคนเดียวกัน ถือว่าเป็นความยากและความท้าทายสำหรับปรางมาก ปรางเองก็ยังไม่เคยแสดงและรับบทแบบนี้ กังวลจะทำออกมาได้ดีไหม จะทำให้คนดูเชื่อได้ไหมว่าสองคนนี้ไม่ใช่คนเดียวกัน
Q: เล่าถึง 2 คาแร็คเตอร์ พี่นิด กับ น้าละออง มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
P: สำหรับคาแร็คเตอร์ของพี่นิด จะเป็นผู้หญิงค่อนข้างทันสมัย รวมถึงเรื่องการแต่งตัว และการแสดงความคิดของพี่นิดรู้สึกอย่างไรก็จะพูดออกมาหมด แตกต่างกับน้าละออง เป็นเพียงผู้หญิงชาวบ้านธรรมดา เงียบไม่ค่อยพูด และเก็บความลับไว้กับตัวเองคนเดียวไม่ยอมบอกกับใคร แม้กระทั่งปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะอยู่ในใจของเธอตลอด ทั้ง 2 คาแร็คเตอร์แตกต่างกันด้านการแสดงออก ซึ่งปรางจะต้องทำการบ้านอย่างมากพยามจะเน้นถ่ายทอดทางอารมณ์ด้านแววตา น้ำเสียง ทุกอย่าง ต้องพยามศึกษาบท และความแตกต่างของ 2 คาแร็คเตอร์นี้อย่างเป็นพิเศษเลยค่ะ
Q: ถือว่าเป็นบทที่ท้าทายความสามารถ และยากเป็นอย่างมาก เพราะต้องถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกทั้ง 2 คาแร็คเตอร์ และยังบวกกับฉากอารมณ์อิโรติกในเรื่องนี้ ต้องเตรียมความพร้อมและทำการบ้านมาอย่างไรบ้าง
P: ต้องบอกว่าเป็นบทที่ยากมากๆ เลย คือกลัวว่าคนดูเขาจะเชื่อไหมว่า 2 คาแร็คเตอร์นี้ไม่ใช่คนเดียวกัน แล้วจะต้องทำยังไงให้แตกต่างกันมากที่สุด ระหว่างพี่นิดกับน้าละออง ต้องสื่ออารมณ์แสดงออกทางแววตามันค่อนข้างเยอะมาก คนที่มีปัญหาหรือมีปมอยู่ในใจเขาจะแสดงออกทางแววตา น้ำเสียง ทุกอย่างมันจะออกมาหมดถือว่าเป็นสิ่งที่ยากมาก ปรางพยามทบทวนบท พยามตีโจทย์กับตัวเอง ยิ่งปรางเองเป็นคนตาดุอยู่แล้วด้วย ก็จะต้องพยามสื่ออารมณ์ทางแววตาออกมาให้มาก ต้องดูว่าตาเราเศร้า เป็นอะไรที่ยากมากในเรื่องการควบคุมบังคับสายตาของเรา นอกจากจะกลับไปศึกษาบทและทำการบ้านจากบ้านมาแล้ว ในวันถ่ายทำปรางจะคุยกับพี่เอกผู้กำกับตลอด สงสัยหรือมีปัญหาตรงไหนก็ถามพี่เอกตลอด เพราะปรางเป็นคนถ่ายทอดอารมณ์ตัวแสดง แต่พี่เอกเป็นผู้ที่สร้างบทและตัวแสดงขึ้นมา ซึ่งพี่เอกจะรู้รายละเอียดได้ดีทั้งหมด ส่วนเฉากเลิฟซีน ตั้งแต่แรกที่รู้ว่าต้องแสดงก็ถามพี่เอกอีกเช่นกันว่ามันจะอิโรติกประมาณไหน ขนาดไหน ซึ่งก่อนถ่ายจริงทีมพี่เอกจะเรียกนักแสดงเข้าไปเวิร์คช็อปด้วยกันก่อน ปรางคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างน้อยก็เป็นการทำความรู้จักกันเบื้องต้น ทำให้เวลาทำงานด้วยกันจริงๆ ก็จะทำให้ลดความเขินอายลงไปได้ และเวลาทำงานจะทำให้กระชับเวลาได้มากขึ้น และก็เตรียมตัวด้วยการทำใจให้สบาย ที่เหลือคือหน้าที่ที่เราจะต้องถ่ายทอดตามบท และตามที่ผู้กำกับบอกค่ะ
Q: ในตอนหลุมพราง การถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของอิโรติกเป็นอย่างไร
P: สำหรับอารมณ์อิโรติกก็จะแบ่งเป็น 2 พาร์ท ตามคาแร็คเตอร์ทั้งสอง สำหรับอารมณ์อิโรติกของพี่นิด จะเต็มไปด้วยความสุขที่เราอยู่กับคนที่เรารัก การถ่ายทอดออกมาจากทางสีหน้าแววตามีความสุขอย่างเอ่อล้น ส่วนน้าละอองจะเป็นอารมณ์และความรู้สึกที่ไม่สมยอมกึ่งไม่เต็มใจ ซึ่งอิโรติกของหลุมพรางจะเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกเบื้องลึกของมนุษย์ในด้านความรัก ความต้องการที่มีอยู่ในตัวของทุกคน ไม่ว่าจะในเวลาที่เราตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ หรือแม้กระทั่งในขณะที่เราต้องถูกบังคับ
Q: เล่าเรื่องย่อ หลุมพราง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
P: หลุมพรางเป็นเรื่องราวของผู้หญิงที่มีความรัก และยอมทำทุกอย่างให้กับชายที่เขารัก จนกระทั่งเธอไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้ตอบแทนกลับมานั้นมันเป็นความรักที่แท้จริงหรือเป็นความลุ่มหลง หรือว่ามันเป็นแค่ความใคร่ในด้านอารมณ์แห่งเซ็กส์ กลายเป็นกับดักแห่งหลุมพราง ที่ดึงตัวเธอตกไปอยู่ในวังวนและยากที่จะหาทางออกหลุดพ้นสิ่งนั้นมันออกมา มันเหมือนกับจิตใจมนุษย์ที่คาบเกี่ยวกันระหว่างความรัก ความหลง และความต้องการค่ะ
Q: อยากให้ปรางเล่าถึงเบื้องหลังการทำงานโดยเฉพาะฉากอารมณ์อิโรติก
P: โดยรวมแล้วสำหรับเบื้องหลังการทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและด้วยดี ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่าง 100 เปอร์เซนต์ ไม่ว่าจะเป็นทางฝ่ายไหนก็ตาม โดยเฉพาะพี่เอก ผู้กำกับจะเป็นคนที่คอยแก้ไขปัญหาให้พวกเราในกองถ่ายได้อย่างดีเยี่ยม ปรางเชื่อว่าระยะเวลาในการทำงานที่สั้นมันค่อนข้างเกิดปัญหากับทุกคนอยู่แล้ว แต่พี่เอกจะเป็นคนคอยแก้ไขปัญหา ณ สถานการณ์นั้นๆ ได้เป็นอย่างดี และสำหรับเบื้องหลังฉากเลิฟซีน ถึงแม้จะมีการเวิร์คช็อปเบื้องต้นก่อนถ่าย แต่พอถึงเวลาจริงทั้งตัวปรางเองและตัวนักแสดงที่จะเข้าฉากเลิฟซีนร่วมกันเกิดปัญหาคือ ต่างคนต่างตื่นเต้น เพราะเราทั้งคู่ไม่เคยแสดงฉากแบบนี้มาก่อนเลย ซึ่งก็ได้พี่เอกช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จริงๆ แล้วปรางจะตื่นเต้นกับงานทุกอย่างที่ทำนะ แต่พอต้องมาแสดงในฉากเลิฟซีนพยามทำออกมาให้ดีที่สุด และก็พยามให้เทคเดียวหรือสองเทคผ่าน ทั้งตัวปรางเองและน้องที่แสดงร่วมกันจะได้ไม่ต้องมานั่งเครียด ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาให้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ ก็ถ่ายไปประมาณ 2-3 เทค เพราะมันขึ้นอยู่กับสถานที่ถ่ายทำ รวมถึงเทคนิค มุมกล้อง ด้วยเลนส์ที่แคบมาก บางทีก็ทำให้เราหลุดออกจากเฟรมไปบ้าง หรือปัญหานิดหน่อย แต่ก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดีค่ะ
Q: แสดงบทอิโรติกครั้งแรก มีความกังวลหรือเป็นห่วงภาพพจน์กลัวคนดูจะมองเราในด้านลบไหม
P: ปรางว่ากระแสน่าจะมีอยู่แล้ว ทั้งชื่นชอบ ชื่นชม ซึ่งจริงๆ แล้วปรางเป็นคนที่แสดงหนังแต่ละเรื่องจะแตกต่างกัน ส่วนตัวแล้วปรางคิดว่าเป็นอีกก้าวหนี่งที่ทำให้ปรางได้พัฒนาฝีมือของตัวเอง ปรางคิดว่าการที่เรามีอาชีพเป็นนักแสดง เราก็ต้องทำหน้าที่ถ่ายทอดตัวแสดงออกมาให้สมจริง และสามารถรับบทได้หลากหลาย ไม่ใช่ว่าเราเล่นบทแรงๆ ได้ดีและก็จะเล่นเพียงแค่บทนั้นบทเดียว เพียงแต่เราแยะแยะออกได้ว่านักแสดงก็คือนักแสดง ส่วนตัวเราก็คือตัวเรา คนละอย่างกันมากกว่า ถึงจะเป็นการแสดงบทอิโรติกครั้งแรกของปรางแต่ก็พยามเซฟตัวเองให้มากที่สุด ปรางจะพยามดูในเรื่องของมุมกล้องอะไรหลายๆ อย่าง แต่ ณ ตอนนั้นปรางถือว่าเราทำงานมันเป็นหน้าที่รับผิดชอบของเราจะทำมันออกมาให้เต็มที่ ทั้งตัวเราเองพอใจ ผู้กำกับพอใจ ทีมงานทุกคนพอใจ เพราะมันคือการทำงานไม่ได้คิดไปมากหรือว่าเกินเลยมากไปกว่านี้
Q: พูดถึงการร่วมงานกับ ผู้กำกับอิโรติกหน้าใหม่ เอก-สุรวัฒน์ ชูผล เป็นอย่างไรบ้าง
P: สำหรับพี่เอกผู้กำกับ เราไม่เคยเจอกัน ไม่เคยเห็นหน้ากัน ไม่รู้จักกันมาก่อนเลย มาเจอพี่เอกครั้งแรกก็วันที่นัดมาคุยเรื่องบทพร้อมกับพี่ปรัชญา ปิ่นแก้ว ซึ่งปรางเองก็พยามจะคุยกับพี่เอกให้ได้มากที่สุดค่ะ ปรางคิดว่าต้องความรู้จักกับผู้กำกับ เพื่อที่เวลาทำงานร่วมกันเราจะได้เข้าใจกันมากขึ้น ซึ่งพอได้ร่วมงานกันแล้วพี่เอกเป็นคนที่ทำงานด้วยแล้วง่าย ง่ายต่อการคุย พี่เอกจะพยามอธิบายทุกอย่าง สิ่งที่มันเกิดขึ้นในเรื่องนี้คืออะไร เหตุผลต่อไปคืออะไร คุยกันได้และทำให้เราเข้าใจกับการทำงานได้อย่างชัดเจน หรือบางสิ่งบางอย่างเราก็สามารถอธิบาย และแสดงความคิดเห็นได้ พี่เอกจะเป็นคนที่รับฟังทุกอย่างเช่นกัน ปรางถือว่า ณ จุดนี้มันเป็นสิ่งที่ดีของผู้กำกับและนักแสดง ไม่ได้มีช่องว่างของกันและกันให้เรารู้สึกว่าเราพูดไม่ได้ เราแสดงความคิดเห็นไม่ได้ แต่พี่เอกทำให้รู้สึกว่าคุยได้นะ แสดงความคิดเห็นได้นะ การทำงานเลยผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ
Q: แล้วเพราะอะไรที่ทำให้ปรางเชื่อมั่น และมั่นใจในตัวผู้กำกับอิโรติกหน้าใหม่คนนี้
P: เริ่มแรกตอนตัดสินใจรับแสดง เพราะปรางเชื่อใจในพี่ปรัชญา ปิ่นแก้ว และพี่อ็อด-บัณฑิต ทองดี มั่นใจว่าพี่เขาเลือกโปรเจ็คต์นี้พร้อมกลั่นกรองมาให้ปรางในระดับหนึ่งแล้ว และต่อจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวปรางที่จะต้องสื่อสารพูดคุยกับพี่เอกผู้กำกับ ยิ่งพอได้ร่วมงานกัน ปรางเห็นถึงความตั้งใจ การเอาใจใส่กับงานที่ทำเป็นอย่างมาก คือพี่เอกจะค่อนข้างเครียดด้วยซ้ำนะ เขาจะเครียดตลอดเวลาเพราะกังวลว่างานจะออกมาไม่ดีด้วยเวลาที่ค่อนข้างจำกัด ปรางจึงเชื่อว่าใน 100 เปอร์เซ็นต์ของหนัง พี่เอกเขาใส่ให้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอนค่ะ
Q: ฝากผลงานภาพยนตร์โปรเจ็คต์ น้ำตาลแดง2 ในเรื่องหลุมพราง
P: ปรางว่ามุมมองของคนที่ชมภาพยนตร์ไทยตอนนี้ค่อนข้างจะเปิดกว้างมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ปรางอยากจะให้ทุกๆคนลองเปิดใจและลองเข้ามาชมภาพยนตร์อิโรติกแนวใหม่ มันอาจจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับคนไทย แต่ปรางเชื่อว่ามันเป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนเรื่องของชีวิตมนุษย์ ซึ่งบางทีบางสิ่งบางอย่างเรามองข้ามไป แต่สำหรับภาพยนตร์โปรเจ็คต์น้ำตาลแดง ให้แง่คิดที่ดีกับทุกคนอย่างแน่นอนค่ะ ก็ขอฝากผลงานอีกเรื่องหนึ่งของปรางด้วยนะคะ เชื่อว่าคนที่ติดตามผลงานปรางคงจะไม่เคยเห็นการทำงานด้านการแสดงในแนวนี้มาก่อน ฝากผลงานเรื่อง หลุมพราง ไว้ด้วยนะคะ
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit