กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--ปตท .สผ.
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (2 กันยายน 2553) บริษัท พีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย หรือ พีทีทีอีพี เอเอ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.สผ. ในประเทศออสเตรเลียได้ยื่นหนังสือปฏิเสธการเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายต่อรัฐบาลอินโดนีเซีย เนื่องจากหนังสือและเอกสารการเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายซึ่งได้รับจากรัฐบาลอินโดนีเซียนั้น ไม่มีหลักฐานชัดเจนที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความเสียหายจากเหตุการณ์มอนทาราซึ่งเกิดขึ้นในทะเลติมอร์เมื่อปีที่แล้ว ปตท.สผ. จึงไม่สามารถยอมรับการเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายดังกล่าวได้
เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคมและเดือนสิงหาคม 2553 ตัวแทนของ ปตท.สผ. และตัวแทนของรัฐบาลอินโดนีเซียได้มีการประชุมหารือกัน 2 ครั้งเกี่ยวกับการเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหาย โดยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2553 จากนั้น รัฐบาลอินโดนีเซียได้ยื่นหนังสือเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหาย แต่ ปตท.สผ. ไม่พบข้อมูลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนซึ่งสามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความเสียหายดังกล่าว แต่หากมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้จริง จะพิจารณาตามข้อเท็จจริงต่อไป
ปตท.สผ.เชื่อว่าเหตุการณ์มอนทาราไม่ทำให้เกิดผลกระทบกับอินโดนีเซีย เนื่องจาก ปตท.สผ. สามารถเข้าควบคุมเหตุการณ์การรั่วไหลของน้ำมันในแหล่งมอนทาราซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วได้อย่างทันท่วงที และได้ร่วมมือกับหน่วยงานรัฐบาลออสเตรเลียประเมินผลกระทบจากการรั่วไหลของน้ำมันทั้งในระหว่างเกิดเหตุการณ์ และหลังจากที่ระงับเหตุแล้วอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด พบว่าคราบน้ำมันกระจายอยู่ในวงจำกัดซึ่งหน่วยงานป้องกันสิ่งแวดล้อมของออสเตรเลียตะวันตก (Environmental Protection Authority of Western Australia) ก็ได้เผยแพร่รายงานด้านวิทยาศาสตร์เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าน้ำมันจากแหล่งมอนทาราไม่ได้แพร่เข้าสู่ชายฝั่งใด ๆ
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมมือกับกรมสิ่งแวดล้อม น้ำ มรดก และศิลปะ (Department of the Environment, Water, Heritage and the Arts) ของออสเตรเลียทำการศึกษาและวิจัยผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์มอนทารา โดยจะเผยแพร่ผลการศึกษาให้สาธารณชนรับทราบต่อไป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit