กรุงเทพฯ--13 ก.ย.--สหมงคลฟิล์ม
ประเภท Action
กำหนดฉาย 23 กันยายน 2553
ความยาว -
เว็บไซด์ภาพยนตร์ http://www.mediaasia.com/legendofthefist/
บริษัทจัดจำหน่าย มงคลซีเนม่า
อำนวยการสร้าง/เขียนบท กอร์ดอน ชาน (Painted Skin, Fist of Legend)
กำกับ/กำกับภาพ แอนดรูว์ เลา (ไตรภาค “2 คน 2 คม”, Confession of Pain)
นำแสดง ดอนนี่ เยน (Ip Man 1 & 2, Bodyguards and Assassins)
ซูฉี (Confession of Pain, The Transporter, So Close)
แอนโธนี่ หว่อง (The Mummy 3, Initial D, The Twins Effect)
ดอนนี่ เยน ขอสืบสานตำนาน “เฉินเจิ้น” ต่อจากแอ็คชั่นสตาร์รุ่นพี่ บรูซ ลี
ผลงานทุนสร้าง 600 ล้านบาทของ แอนดรูว์ เลา ผู้กำกับไตรภาค 2 คน 2 คม
เนื้อเรื่อง
ตำนานของ เฉินเจิ้น วีรบุรุษของชาวจีน เคยถูกเล่าขานมาแล้วบนโลกภาพยนตร์ นำแสดงโดยแอ็คชั่นสตาร์ระดับตำนาน บรู๊ซ ลี ที่ชื่อ Fist of Fury ในปี 1972 ในที่สุดภาคต่อของ เฉินเจิ้น ก็ถือกำเนิดขึ้นด้วยฝีมือของ ดอนนี่ เยน แอ็คชั่นสตาร์อันดับหนึ่งคนปัจจุบัน
เมื่อประเทศจีนได้รับความกดดันจากสงครามโลกในช่วงทศวรรษที่ 1920s ญี่ปุ่นกลายเป็นมหาอำนาจที่ยึดครองทุกประเทศในภูมิภาคเอเชีย และเมืองเซี่ยงไฮ้ทางตอนเหนือก็เป็นหนึ่งในนั้น ถึงแม้ว่าตัวเมืองจะถูกแบ่งเขตปกครองโดยชาวต่างชาติ แต่ไนต์คลับชื่อดังอย่าง คาซาบลังก้า ก็ยังเป็นสวรรค์ของทุกคน โดยทุกคืนหลังจากดวงอาทิตย์ลับฟ้า คนทุกชนชาติก็จะมารวมตัวกันที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าชาวจีนที่ร่ำรวย นายทหารอังกฤษ แม่ทัพญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งสายลับที่กำลังหาทางกู้ชาติของตัวเองกลับคืนมา
ทุกคนต่างมาที่ คาซาบลังก้า ด้วยเหตุผลบางอย่าง นั้นรวมถึง คู นักธุรกิจหนุ่มลึกลับซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เฉินเจิ้น ฮีโร่ของชาวจีน ที่ปลอมตัวเข้ามาอยู่ในสังคมชั้นสูง เขาคือคนที่จัดการกองทัพญี่ปุ่นด้วยตัวคนเดียว หลังจากครูมวยของเขาถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมในห้องฝึกมวยของกองทัพญี่ปุ่น โดยมีข่าวลือว่าหลังจากล้างแค้นให้อาจารย์แล้ว เฉินเจิ้น ก็ถูกทหารญี่ปุ่นยิงเสียชีวิต แต่กลับกลายเป็นว่าเขาหลบหนีไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและต่อสู้เคียงข้างกับชาวจีน เพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังฝ่ายอักษะยึดครองยุโรป
เฉินเจิ้น ปลอมตัวเป็นนักสู้หน้ากากดำตอนกลางคืน โดยเขาพยายามกำจัดกองทัพญี่ปุ่นให้สิ้นซาก ด้วยการรวบรวมกองกำลังต่อต้านเพื่อปลดปล่อยชาวจีนให้เป็นอิสรภาพ ในขณะเดียวกัน เฉินเจิ้น ก็ต้องมนต์สเน่ห์ของนักร้องประจำไนต์คลับที่ชื่อ กีกี้ (ซูฉี) ซึ่งมีความลับอันตรายแอบซ่อนอยู่เช่นกัน และเมื่อเขารู้ว่านายพลของกองทัพญี่ปุ่นประจำเซี่ยงไฮ้เป็นบุตรชายของ “ยูโด มาสเตอร์” ที่ เฉินเจิ้น สังหารตอนที่ล้างแค้นให้กับอาจารย์ ทั้งสองจึงต้องเผชิญหน้ากันด้วยเกียรติของชาติและความแค้นส่วนตัว ซึ่งจะนำไปสู่การต่อสู้ครั้งสุดท้าย
Legend of the Fist: The Return of Chen Zhen ภาพยนตร์ทุนสร้าง 600 ล้านบาท กำกับโดย แอนดรูว์ เลา ผู้กำกับจากมหากาพย์ไตรภาค “2 คน 2 คม” (Infernal Affairs) นำแสดงโดย ดอนนี่ เยน ซึ่งควบตำแหน่งเป็นผู้ออกแบบคิวบู๊, ซูฉี ซุปเปอร์สตาร์ชาวไต้หวันที่มีเคยผลงานอย่าง 3 พยัคฆ์สาวมหาประลัย (So Close) และ ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า (The Storm Riders) และ แอนโธนี่ หว่อง จากไตรภาค 2 คน 2 คม หนังอำนวยการสร้าง/เขียนบทโดย กอร์ดอน ชาน ซึ่งกำกับ Fist of Legend “ไอ้หนุ่มซินตึ้งหัวใจผงาดโลก” ที่ เจ็ท ลี เคยสร้างชื่อจากการรับบทเป็น เฉินเจิ้น
ใครคือ เฉินเจิ้น
เฉินเจิ้น คือวีรบุรุษชาวจีนที่มีชีวิตจริง เขาเป็นศิษย์เอกของตำนานครูมวยชื่อดัง ฮั่วหยวนเจี่ย (ที่รับบทโดย เจ็ท ลี ใน Fearless) เฉินเจิ้น สร้างชื่อที่เมืองเซี่ยงไฮ้ในช่วงทศวรรษที่ 20 เมื่อเขาตัดสินใจลุกขึ้นต่อสู้กับการยึดครองของกองทัพญี่ปุ่น โดยภาพยนตร์เวอร์ชั่นล่าสุดนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขารอดชีวิตจากการลอบสังหาร เจ็ดปีต่อมาเขากลับมายังเซี่ยงไฮ้ โดยปลอมตัวเป็นนักธุรกิจหนุ่มในตอนกลางวัน และนักสู้หน้ากากดำในตอนกลางคืน โดยมีเป้าหมายเดียวของเขาก็คือการถอนรากถอนโคนกองทัพญี่ปุ่นให้สิ้นซาก
ประวัติชีวิตของ เฉินเจิ้น ถูกเล่าภาพยนตร์และซีรี่ย์หลายต่อหลายครั้ง โดยครั้งสำคัญก็เห็นจะเป็นการได้แอ็คชั่นสตาร์ในตำนาน บรู๊ซ ลี เข้ามาแสดงในเรื่อง Fist of Fury ปี 1972 ก่อนที่ในปี 1994 ก็ได้ เจ็ท ลี เข้ามารับบทเป็น เฉินเจิ้น ในเรื่อง Fist of Legend จนในที่สุดก็มาถึงตาของ ดอนนี่ เยน
ดอนนี่ เยน เคยรับบทเป็น เฉินเจิ้น มาแล้วในละครโทรทัศน์ ปี 1995 ที่ถือเป็นผลงานแจ้งเกิดและทำให้ผู้คนรู้จักเขาในฐานะแอ็คชั่นสตาร์รุ่นใหม่ โดยมันถูกฉายทั้งใน จีน, ไต้หวัน, สิงค์โปร์, ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศไทย จนในที่สุดอีก 15 ปีต่อมากับครั้งล่าสุดใน Legend of the Fist: The Return of Chen Zhen ดอนนี่ เยน ก็กลับมาสานต่อตำนานของ เฉินเจิ้น วีรบุรุษของชาวจีนอีกครั้ง แอนดรูว์ เลา ผู้กำกับมหากาพย์ไตรภาค “2 คน 2 คม” เล่าถึงตัวละครนี้ว่า “เฉินเจิ้น เปรียบเสมือนซุปเปอร์ฮีโร่ของชาวจีน ที่ไม่เพียงแต่มีความสามารถทางการต่อสู้แล้ว เขายังใช้มันเพื่อช่วยทุกคนในเมือง ถูกถ่ายทอดด้วยสไตล์กังฟูของ ดอนนี่ เยน ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นการสไตล์ที่แตกต่างจากเรื่องอื่นที่เขาแสดง ในขณะเดียวกันผมก็พยายามที่จะหาความสมดุลระหว่างฉากแอ็คชั่นและเนื้อหา เพื่อทำให้มันยังคงยืนอยู่บนพื้นฐานของความสมจริง"
ดอนนี่ เยน อธิบายถึงบทบาทของเขาใน Legend of the Fist: The Return of Chen Zhen ในแนวทางของตัวเองว่า "ผมต้องการแสดงเป็นตัวละครนี้เพื่อบูชาฮีโร่วัยเด็กอย่าง บรู๊ซ ลี ผมพยายามจับเอาพลังงานและเดินตามรอยเท้าของเขา ในขณะเดียวกันผมก็พยายามใส่เอกลักษณ์เฉพาะตัวของผมลงไปในหนัง ทั้งภาพลักษณ์ภายนอกและสไตล์การต่อสู้ เมื่อคุณได้ดูหนังแล้วจะรู้ได้เลยว่า นี่คือ เฉินเจิน ที่ถูกตีความขึ้นมาใหม่และมีความสดใหม่มากกว่าเดิม"
ไม่ว่าใครก็มาที่... คาซาบลังก้า
คาซาบลังก้า เป็นไนท์คลับอันดับหนึ่งของมหานครเซี่ยงไฮ้ในยุค 1920s ที่นี่เป็นสวรรค์ของทุกคน โดยทุกคืนหลังจากดวงอาทิตย์ลับฟ้า คนทุกชาติก็จะมารวมตัวกันที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าชาวจีนที่ร่ำรวย นายทหารอังกฤษ แม่ทัพญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งสายลับที่กำลังหาทางกู้ชาติของตัวเองกลับคืนมา ถึงแม้ว่าเจ้าของคาซาบลังก้าอย่าง คุณโท จะประกาศว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องเลือกระหว่างพี่น้องชาวจีนหรือจักรวรรดิแห่งแดนอาทิตย์อุทัย
ทุกคนต่างมาที่ คาซาบลังก้า ด้วยเหตุผลบางอย่าง รวมถึงนักธุรกิจหนุ่มลึกลับที่เดินทางกลับมาจากเมืองนอก และนักร้องประจำไนท์คลับที่ทำให้ทุกคนต้องเงียบสงัดด้วยเสียงร้องอันบาดใจ โดยนักธุรกิจหนุ่มคนนั้นก็เป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจาก เฉินเจิ้น ที่ปลอมตัวเข้ามาในสังคมชั้นสูง เพื่อที่จะได้แทรกตัวเข้าไปหาจักรวรรดิญี่ปุ่น
ซูฉี ที่รับบทเป็นนักร้องอันดับหนึ่งในไนท์คลับชื่อดังแห่งนี้ ได้ตั้งข้อสังเกตุให้กับหัวใจสำคัญของ Legend of the Fist: The Return of Chen Zhen ว่า "ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ฉันได้รู้ว่า ถึงแม้ฮีโร่จะมีความแข็งเกร่งเพียงใด ภายในใจของเขาก็ยังมีความอ่อนโยนและโรแมนติกอยู่ และฉันคิดว่าตัวละครหลักทั้งหมดในเรื่องนี้สามารถเป็นทั้งคนดีและคนเลวได้ มันขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ชมแต่ละคน" เธอยังเผยถึงความลำบากในการฝึกเต้นและร้องเพลงสำหรับบทบาทนี้ว่า “ฉันเคยเรียนเต้นและร้องเพลงมาก่อน แต่มันก็ผ่านมานานแล้ว ฉันจึงต้องฝึกร้องเพลงและเรียนเต้นใหม่อีกครั้งเพราะต้องการให้ออกมาดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเห็นฉากไนท์คลับที่ฉันต้องแสดงมีความยิ่งใหญ่ ฉันคิดว่าตัวเองต้องพยายามให้เทียบเท่ากับแรงใจของทีมงาน"
ชาวจีนในยุโรประหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดฉากด้วยประวัติศาสตร์ที่ไม่ค่อยมีคนรู้มากนักในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง นั้นก็คือกลุ่มชาวจีนในสงครามที่ยุโรป ช่วงระหว่างปี 1914 และ 1918 โดยประเทศฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรใช้อำนาจทางการทูตในการนำทหารจากประเทศโลกที่สามเข้ามา ซึ่งเป็นสาเหตุให้ชาวจีนนับพันคนถูกส่งตัวไปยุโรปเพื่อช่วยรบในสงคราม
มีชาวจีนมากมายที่เสียชีวิตในสนามรบ เฉินเจิ้น เป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตกลับมายังประเทศจีน โดยกลุ่มทหารชาวจีนที่ไปรบด้วยกันก็ได้พัฒนาความสัมพันธ์แนบแน่นดั่งพี่น้องร่วมสายเลือด และเมื่อกระสุนที่ใช้หมด เฉินเจิ้น ก็ใช้ศิลปะการต่อสู้ของตัวเองในสนามรบ ในการช่วยเหลือเพื่อนร่วมอุดมการณ์ และใช้ชีวิตตามแบบฉบับวีรบุรุษของชาติ
ดอนนี่ เยน ผู้รับบทเป็น เฉินเจิ้น ได้เล่าถึงอีกหนึ่งหน้าที่ของตัวเองในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "นอกจากแสดงนำแล้ว ผมยังรับหน้าที่เป็นผู้กำกับคิวบู๊ ซึ่งเป็นเพราะผมคุ้นเคยกับท่วงท่าที่ บรู๊ซ ลี ใช้ต่อสู้ ปกติแล้วผมไม่ต้องการเป็นผู้กำกับคิวบู๊ ผมไม่อยากทำเพราะไม่ใช่จุดเด่นของผม แต่เมื่อได้เห็นสไตล์การต่อสู้ของ บรู๊ซ ลี ที่มีความคล้ายคลึงกับผม ผมก็เลยตัดสินใจลองทำดูสักครั้ง"
เขาเล่าต่อว่า "ตลาดหนังแอ็คชั่นในตอนนี้ มีผู้ออกแบบคิวบู๊เพียงหนึ่งหรือสองคนที่มีความสามารถจริงๆ แต่พวกเขาก็แทบไม่มีเวลาว่าง ผมชื่นชอบในการปรุงแต่ง คิดค้น และพยายามค้นหาท่วงท่าการต่อสู้ใหม่ๆ ผมรู้ว่างานจะหนักขึ้นเป็นสองเท่าถ้าผมควบทั้งการเป็นนักแสดงและผู้กำกับคิวบู๊ แต่เพื่อผลลัพท์ที่น่าพอใจผมก็ต้องพยายามทำมันให้ดีที่สุด"
โดโจ ใน ลิตเติ้ล โตเกียว
ผู้กำกับ แอนดรูว์ เลา ต้องการให้ “ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง” ของเขาแตกต่างจากเวอร์ชั่นที่ผ่านมา ด้วยการทำงานร่วมกับ เอริค แลม ผู้ออกแบบงานสร้างที่เคยมีผลงานอย่าง The Forbidden Kingdom ในการสร้างมหานครเซี่ยงไฮ้ช่วงปี 1920s ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นไนท์คลับคาซาบลังก้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังในอดีต รวมถึงห้องฝึกมวยที่ถูกยึดเป็นโดโจของกองทัพญี่ปุ่น โดยทั้งหมดใช้เวลากว่า 2 เดือนในการสร้าง
ในช่วงปี 1920s ประเทศญี่ปุ่นเติบโตขึ้นจนเป็นมหาอำนาจแห่งเอเชีย และควบคุมธุรกิจในมหานครเซี่ยงไฮ้มากกว่า 80% โดยเฉพาะเขต หงโค่ว ในเซี่ยงไฮ้ตอนเหนือก็ได้กลายเป็นที่อยู่อาศัยของชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก จนทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่าเป็น "ลิตเติ้ล โตเกียว" ที่ซึ่งกฏหมายตกอยู่ในอำนาจของกองกำลังญี่ปุ่น
โดโจ เป็นสถานที่ฝึกมวยของชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ของชาติตัวเอง เช่น คาราเต้ หรือ ยูโด ที่นี่คือหัวใจสำคัญของจักรวรรดิญี่ปุ่นในเขตหงโค่ว โดยตำนานถูกเล่าว่า เฉินเจิ้น ได้บุกเข้ามาในโดโจเพียงคนเดียว ก่อนที่จะจัดการกับยอดฝีมือชาวญี่ปุ่นทุกคนที่เข้ามาขวางทาง
แอนดรูว์ เลา ได้กล่าวสรุปถึงนักแสดงนำของเขาว่า "ทีมงานทุกคนทำหน้าที่ได้ดีในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่สิ่งที่เซอร์ไพรซ์ที่สุดก็คือ ดอนนี่ เยน เพราะใน Legend of the Fist: The Return of Chen Zhen เขาได้ยกระดับตัวเองขึ้นไปอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็นฉากดราม่าหรือฉากแอ็คชั่น เขาถือเป็นซุปเปอร์สตาร์แห่งปี 2010 อย่างแท้จริง และจะได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมจากเรื่องใดเรื่องหนังบนหลายเวทีในปลายปีนี้แน่นอน"
ประวัตินักแสดง
ดอนนี่ เยน (รับบทเป็น เฉินเจิ้น / ผู้กำกับคิวบู๊)
ดอนนี่ เยน กลายเป็นแอ็คชั่นสตาร์ที่มาแรงที่สุดในปัจจุบัน เขาคือนักแสดงที่มีรายได้สูงสุดของประเทศจีนในปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้รวมกว่า 200 ล้านหยวน และยังได้รับการขนานนามว่าเป็น “เจ้าแห่งกังฟูคนใหม่” โดยอาจารย์ผู้ฝึกสอนและเป็นผู้ให้กำเนิดเขาอย่าง หยวนหวู่ปิง ได้พูดถึงตัวดอนนี่ เยน ว่า "สุดท้ายแล้วเมื่อเราว่ากันถึงหนังแอ็คชั่นจากเนื้อแท้ ไม่มีใครทำได้ดีไปกว่า ดอนนี่ เยน"
เขาเติบโตท่ามกลางกลิ่นอายของศิลปะการต่อสู้ โดยพ่อแม่ของเขาเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียง เมื่ออายุ 18 ปี เขาได้รับเชิญไปปักกิ่งเพื่อฝึกฝน และมีโอกาสได้พบกับนักออกแบบฉากต่อสู้ที่มีชื่อเสียงอย่าง หยวนหวู่ปิง ซึ่งก็เป็นผู้เปลี่ยนชีวิตเขา โดย 1 ปีหลังจากที่ได้พบกัน เยน ได้แสดงในหนังเรื่องแรกที่กำกับโดย หยวนหวู่ปิง ชื่อ Drunken Taichi (1988) ก่อนที่จะก้าวไปแจ้งเกิดกับบทผู้ร้ายใน Once Upon A Time In China II (1992) ที่เขาต้องต่อสู้กับ หวงเฟยหง (เจ็ท ลี) ในฉากไคลแม็กซ์ของเรื่อง โดยทั้งสองก็ได้ประชันฝีมือกันอีกครั้งในเรื่อง Hero (2003) ของผู้กำกับ จางอี้โหม่ว ซึ่งได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม
จากนั้น ดอนนี่ เยน โกอินเตอร์ด้วยการแสดงหนังในฮอลลิวู้ดหลายเรื่อง โดยมีผลงานอย่างเช่น Highlander: Endgame (2000), Blade II (2002) และ Shanghai Knights (2003) ซึ่งเขาได้ประชันฝีมือกับเพื่อนเก่าอย่าง เฉินหลง
ดอนนี่ เยน กลับมามีผลงานในบ้านเกิดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น SPL: Sha Po Lang (2005), Dragon Tiger Gate (2006), Flash Point (2007) ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลออกแบบการต่อสู้ยอดเยี่ยม จากเวทีการประกวดรางวัลม้าทองคำ และ ฮ่องกง ฟิล์ม อวอร์ดส ก่อนที่ภาพยนตร์เรื่อง Ip Man ที่สร้างมาจากชีวิตของปรมาจารย์มวย ยิปมัน จะกลายเป็นหนังที่ทำเงินสูงสุดในอาชีพนักแสดงของเขา
จากผลงานที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นว่า ดอนนี่ เยน เป็นแอ็คชั่นสตาร์อันดับหนึ่งในปัจจุบัน โดยนอกจากหนังเรื่อง Bodyguards and Assassins “5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซน" แล้ว เขาก็ยังมีหนังเรื่อง 14 Blades, Ip Man 2 รวมถึง The Legend of Chen Zhen ที่จะเข้าฉายส่งท้ายปี 2010 อีกด้วย
ซูฉี (รับบทเป็น กีกี้)
ซูฉี คือนักแสดงที่มีชื่อเสียงและงานชุกที่สุดคนหนึ่งของเอเชีย โดยระยะเวลาเพียงแค่ 6 ปีเธอเคยมีผลงานการแสดงมากกว่า 45 เรื่อง เธอเคยได้รับรางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมจาก Hong Kong Academy Awards และ the Golden Horse Awards จากหนังเรื่อง Portland Street Blues รวมถึงการรับรางวัลม้าทองคำในปี 2005 จากเรื่อง Three Times ของผู้กำกับ โหวเชี่ยวเฉียน
ซูฉี ยังเป็นนักแสดงที่มีหนังที่ประสบความสำเร็จทั้งเรื่องรายได้และคำวิจารณ์ โดยหนังโรแมนติก-คอมเมดี้เรื่องล่าสุดของเธออย่าง If You Are The One ก็กลายเป็นหนังตลกที่ทำรายได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของจีน โดยเธอยังโกอินเตอร์ด้วยการแสดงในหนังแอ็คชั่นพลังสูงอย่าง Transporter ของ ลุค เบซง และล่าสุดใน New York, I Love You โดยเธอยังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการของเทศกาลหนังเมืองเบอร์ลินในปี 2008
แอนโธนี่ หว่อง (รับบทเป็น เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้)
เขาเป็นที่รู้จักจากการแสดงในมหากาพย์ไตรภาค Infernal Affairs ของผู้กำกับ แอนดรูว์ เลา เรื่อง รวมถึงการเป็นนักแสดงขาประจำของสุดยอดผู้กำกับ ตู้ฉีฟง โดยเขายังเป็นนักแสดงที่ได้รับรางวัลมากที่สุดคนหนึ่งของเกาะฮ่องกง ได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจาก Hong Kong Film Awards สำหรับการแสดงใน The Untold Story และ Beast Cops
ในปี 2007 แอนโธนี่ ก็ได้แสดงในหนังฮอลลิวู้ดคู่กับ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน และ นาโอมิ วัตต์ ในเรื่อง The Painted Veil ตามด้วยหนังแอ็คชั่นบล็อคบัสเตอร์อย่าง The Mummy 3: Tomb of the Dragon Emperor โดยล่าสุดเขาก็มีผลงานการแสดงเรื่อง Vengeance ที่ถูกคัดเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลหนังเมืองเบอร์ลิน
ประวัติทีมสร้าง
แอนดรูว์ เลา (ผู้กำกับ / ผู้กำกับภาพ)
เขาเป็นที่รู้จักกันจากการกำกับมหากาพย์ไตรภาค “2 คน 2 คม” (Infernal Affairs) นำแสดงโดย เหลียงเฉาเหว่ย และ หลิวเต๋อหัว ซึ่งถูกนำไปรีเมคเป็นภาพยนตร์ฮอลลิวู้ดโดยผู้กำกับ มาร์ติน สกอเซซี่ย์ จนได้รับรางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
แอนดรูว์ เลา เริ่มอาชีพด้วยการเป็นผู้กำกับภาพให้กับผู้กำกับ หว่องการ์ไว อย่างเช่น As Tear Goes By และ Chungking Express จากนั้นเขาก็สร้างชื่อด้วยการเป็นผู้กำกับให้ Young and Dangerous (กู๋หว่าไจ๋) ทั้ง 6 ภาค รวมถึง The Storm Riders (ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า) และ A Man Called Hero (ขี่พายุ ดาบเทวดา) จนในที่สุดไตรภาค Infernal Affairs ก็ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากสถาบัน Hong Kong Film Awards และ the Golden Horse Awards
ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆของ แอนดรูว์ เลา ก็ยังมี Initial D นำแสดงโดย เจย์ โชว์ ซึ่งประสบความสำเร็จเรื่องรายได้ไปทั่วเอเชียและถูกเลือกเข้าไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์เมืองเวนิส โดยเขายังได้กำกับหนังต่างประเทศอีกอย่างเช่น Daisy ที่นำแสดงโดย จวนจีฮุน รวมถึง The Flock ที่นำแสดงโดย ริชาร์ด เกียร์ และ แคลร์ เดนส์
กอร์ดอน ชาน (ผู้อำนวยการสร้าง / เขียนบท)
กอร์ดอน ชาน ถือเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการหนังแอ็คชั่น-ทริลเลอร์ โดยผลงานการสร้างของเขาก็มีอย่าง Thunderbolt (เร็วฟ้าผ่า) ที่นำแสดงโดย เฉินหลง, Beast Cop ผลงานการกำกับของ ดังเต้ แลม รวมถึงการนำชีวิตของ เฉินเจิ้น มาสร้างเป็นหนังใน Fist of Legend (ไอ้หนุ่มซินตึ้ง หัวใจผงาดฟ้า) ที่ทำให้ เจ็ท ลี แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว
ในครั้งนี้ กอร์ดอน ชาน ก็ได้กลับไปสานต่อเรื่องราวของ เฉินเจิ้น อีกครั้ง ด้วยการร่วมมือกับยอดผู้กำกับ แอนดรูว์ เลา และแอ็คชั่นสตาร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบันอย่าง ดอนนี่ เยน โดยทั้งสามถือเป็นกำลังหลักในการทำให้หนังเรื่องนี้พุ่งขึ้นไปสู่จุดหมายสูงสุด
เอริค แลม (ผู้ออกแบบงานสร้าง)
ผลงาน >>> The Forbidden Kingdom, Lust Caution
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit