กรุงเทพฯ--13 ก.ย.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน เสวนาวิชาการ เรื่อง 120 ปี กรมบัญชีกลาง รฤกอดีต...พินิจปัจจุบัน...สู่ความมั่งคั่งและยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย” และมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2553 วันศุกร์ที่ 10 กันยายน 2553 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ ห้องจูบิลี่ อิมแพค เมืองทองธานี และกล่าวปาฐกถาพิเศษ ระบุว่า “กรมบัญชีกลางเป็นหน่วยงานที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึงศตวรรษที่ 2 และเป็นกรมที่มีความสำคัญในกระทรวงการคลัง รับผิดชอบเงินของแผ่นดิน โดยเป็นผู้วางกฎระเบียบ ข้อบังคับ และควบคุมรักษา เพื่อให้การใช้จ่ายเงินของแผ่นดิน เกิดประโยชน์สูงสุด ถูกต้องตามระเบียบ รัดกุม และประหยัด ซึ่งต้องอาศัยความละเอียด รอบคอบ ซื่อสัตย์ ความรู้ ความชำนาญและความสามารถของบุคลากรในกรมทุกคน โดยเฉพาะห้วงเวลาที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลสามารถใช้นโยบายการเงินการคลังผ่านเครื่องมือของรัฐ โดยกรมบัญชีกลางเป็นกลไกหลักด้านการคลัง ในการแก้ไขปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจผ่านแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายสำคัญต่าง ๆ ระยะแรก เช่น โครงการเช็คช่วยชาติ โครงการเรียนฟรี 15 ปี โครงการ เบี้ยยังชีพคนชรา และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จนถึงระยะที่ 2 หรือแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง มีการวางกฎระเบียบปฏิบัติเพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถปฏิบัติงานได้อย่างคล่องตัว ทำให้มีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและเกิดประโยชน์คุ้มค่าแก่ประชาชน”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการบริหารเงินนอกงบประมาณ ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก รัฐบาล ได้ให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะเงินนอกงบประมาณประเภทเงินทุนหมุนเวียน จำนวน 102 ทุน จำนวนเงินประมาณ 2.56 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 28.21 ของ GDP ดังนั้น การบริหารจัดการทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ ด้วย เรื่องนี้ทางกรมบัญชีกลางมีหน้าที่ในการกำกับดูแลและประเมินผลการดำเนินงานของแต่ละกองทุน โดยมีระบบประเมินผลที่เป็นมาตรฐานสากล เพื่อสนับสนุนกรอบแนวทางการดำเนินงานของทุนหมุนเวียนให้เป็นระบบ มีมาตรฐาน และเป็นมืออาชีพยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันเพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานของทุนหมุนเวียน ได้มีการคัดเลือกทุนหมุนเวียนที่มีผลการดำเนินงานดีเด่นและมอบรางวัล
โดยขอมอบแนวคิดสำหรับกรมบัญชีกลาง ในการก้าวต่อไป เพื่อพัฒนาการทำงานให้สามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง และเป็นเสาหลักทางการคลังของประเทศ การควบคุมดูแลต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลง และสร้างกรอบแนวทางการปฏิบัติการคลังและปลูกฝังธรรมาภิบาลทางการคลังให้กับหน่วยงานภาครัฐควบคู่ไปกับการผ่อนคลาย กฎระเบียบ ข้อบังคับให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขณะเดียวกันต้องแสดงถึงความโปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวเพิ่มเติมว่า การมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2553 นี้ มีการแบ่งประเภทรางวัลเป็น 3 ประเภท คือ
นอกจากนี้ยังมีทุนหมุนเวียนที่ได้รับรางวัลชมเชยอีก 4 ทุน คือ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนคุ้มครองเด็ก เงินทุนหมุนเวียนโรงงานในอารักษ์ และเงินทุนหมุนเวียนในการผลิตเชื้อไรโซเบียม
สำหรับก้าวต่อไปของกรมบัญชีกลาง จะได้นำแนวคิดของฯพณฯนายกรัฐมนตรี มาเป็นกรอบแนวทางการปฏิบัติงานของกรมฯ ต่อไป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit