บลจ.ทิสโก้ ปลื้ม กองทุนรวมต่างประเทศแรงต่อเนื่อง ลุยเพิ่มทุนกองไชน่า อินเดีย 1 พันล้านรับความต้องการนักลงทุน

07 Sep 2010

กรุงเทพฯ--7 ก.ย.--บลจ.ทิสโก้

บลจ.ทิสโก้ ปลื้ม “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย ดิวิเดนด์” แรงต่อเนื่อง ลุยเพิ่มทุนครั้งที่ 3 อีก 1,000 ล้านบาท เหตุนักลงทุนทยอยซื้อหน่วยลงทุนต่อเนื่อง คาดราคาหุ้นจีน อินเดียเริ่มฟื้นตัว หลังความกังวลใจนักลงทุนต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกเริ่มคลี่คลาย ในขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจทั้งจีนและอินเดียก็ยังเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้อยู่ในระดับประมาณร้อยละ 10 ต่อปี

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Theeranat Rujimethapass, Managing Director of TISCO Asset Management Co.,Ltd.) เปิดเผยว่า จากกระแสตอบรับของนักลงทุนใน “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย ดิวิเดนด์” ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยล่าสุดบริษัทได้ทำการจดทะเบียนเพิ่มทุน ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 อีก 1,000 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าโครงการ “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย ดิวิเดนด์” เพิ่มเป็น 4,100 ล้านบาท

สำหรับ“กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย ดิวิเดนด์” นี้มีนโยบายที่จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ในต่างประเทศที่มีนโยบายเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งหรือประกอบธุรกิจในประเทศจีนและประเทศอินเดีย ซึ่งตอนนี้ถือเป็นกองทุนต่างประเทศกองทุนแรกและกองทุนเดียวที่ลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีนและอินเดีย

“ที่ผ่านมากองทุนนี้ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากทั้งประเทศจีนและประเทศอินเดียนับเป็นตลาดเกิดใหม่ที่ศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างสูง ประชากรรวมๆ กันมากกว่า 1,600 ล้านคน ซึ่งมีกำลังซื้อมหาศาลไม่ต้องห่วงเรื่องกำลังซื้อภายในประเทศ ประกอบกับการขยายตัวของเมืองและความเจริญทำให้รัฐและเอกชนต้องมีการลงทุนเพื่อพัฒนาสาธารณูปโภคต่างๆ รองรับการเจริญเติบโตที่เพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี ทำให้เมื่อมองในเชิงภาพรวมแล้วจีนกับอินเดียถือว่ามีอนาคตเศรษฐกิจที่สดใส ในส่วนของราคาหุ้นแม้ว่าตั้งแต่ต้นปีมาราคาหุ้นบริษัทในอินเดียจะเติบโตต่อเนื่องแต่ก็ยังคงมีโอกาสที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นต่อไป เพราะนักวิเคราะห์มองว่าอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นของบริษัทอินเดียที่เพิ่มสูงขึ้นน่าจะดึงดูดใจผู้ลงทุนให้หันมาลงทุนต่อไป ในขณะที่หุ้นจีนนั้นแม้จะรีบาวน์จากปี 2551 แต่ถ้านับเฉพาะปีนี้ยังตามหลังประเทศในแถบเอเชียด้วยกัน เนื่องจากดัชนีราคาหุ้นยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะหากพิจาณาจากค่าพีอีของตลาดซึ่งตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 11 เท่า ซึ่งถือว่าราคาหุ้นจีนยังถูกอยู่มาก และเชื่อว่าหลังจากมาตรการสกัดฟองสบู่ของจีนได้ผลและเศรษฐกิจจีนมีเสถียรภาพแล้วนักลงทุนจะกลับมาลงทุนในจีนอย่างจริงจังซึ่งน่าจะส่งผลกับผู้ลงทุนในกองทุนนี้ ” นายธีรนาถ กล่าว

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือที่ TISCO Contact Center โทร 02 633 6000 กด 4 หรือ www.tiscoasset.com

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

พิมสาย นพรัก, กฤตยาภรณ์ ธีระอรรถ

ฝ่ายนิเทศสัมพันธ์ โทร. 02 633 6907, 6903