กรุงเทพฯ--24 มี.ค.--เอ้าท์ดอร์ พีอาร์
บ.นวพลาสติกฯ เครือ SCG ผู้ผลิตและจำหน่ายท่อพีวีซีระดับพรีเมี่ยม “ตราช้าง” ประกาศขานรับนโยบายบริษัทแม่ เน้นสร้างความชัดเจนในตัวแบรนด์ตราช้างใหม่ ตอกย้ำแนวคิด คุณภาพที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ชูความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมสินค้าคุณภาพ ที่ตอบโจทย์เรื่องระบบท่อภายในบ้านหวังมัดใจลูกค้า ลั่นเตรียมดันโปรดักส์ใหม่ “ท่อพีอีตราช้าง” และ“ท่อน้ำร้อนพีพีอาร์ ตราช้าง” รุกตลาดแบบครบวงจร จ่ออวดโฉมภายในงานสถาปนิกเดือนพฤษภาคมนี้
นายปรเมศวร์ นิสากรเสน กรรมการผู้จัดการ บริษัท นวพลาสติกอุตสาหกรรม (สระบุรี) จำกัด เครือบริษัทปูนซิเมนต์ไทย หรือ เอสซีจี (SCG) ผู้ผลิตและจำหน่ายท่อพีวีซีภายใต้แบรนด์ “ตราช้าง” เปิดเผยว่า ในระยะกว่า 40 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ผลิตสินค้าประเภทท่อน้ำพีวีซีคุณภาพ อาทิ ท่อพีวีซี
ข้อต่อพีวีซี อุปกรณ์พีวีซี ฯลฯ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้า ทั้งผู้รับเหมา กลุ่มธุรกิจก่อสร้าง และกลุ่มลูกค้ารายย่อยเป็นอย่างดี ซึ่งในปีนี้ถือว่าเป็นโอกาสอันดี เนื่องจากบริษัทแม่ SCG ได้มีการปรับกลยุทธ์จัดระบบแบรนด์ใหม่ หรือการสร้างแบรนด์แบบ “มาสเตอร์ แบรนด์” (Master Brand) ในกลุ่มวัสดุก่อสร้างทั้ง 15 ประเภทของ SCG ภายใต้แบรนด์ “ตราช้าง” จากเดิมที่มีสัญญลักษณ์ตราช้างหลากหลายรูปแบบมาเป็นสัญลักษณ์เดียวกันคือ “ตราช้างหกเหลี่ยม” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เดียวกับเครือ SCG ด้วย เพื่อเป็นการสื่อสาร และสร้างความชัดเจนแบรนด์ตราช้าง ในกลุ่มร้านค้า เจ้าของโครงการ และลูกค้าทั่วไป ให้สามารถจดจำตราสินค้าได้ง่ายขึ้น โดย SCG ได้ทุ่มงบประมาณในครั้งนี้กว่า 200 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของ “ท่อพีวีซีตราช้าง” ซึ่งถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์หลักของกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ได้สานต่อมุ่งเสริมศักยภาพนี้ด้วยเช่นกัน โดยพัฒนาสินค้าภายใต้แนวคิดของ “การสร้างสรรนวัตกรรมที่ไม่เคยหยุดนิ่ง” หรือ “We Innovate Quality” ชูสินค้าที่มีคุณภาพ เพื่อตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำในตลาดท่อ พร้อมพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ระบบท่อภายในบ้าน และอาคาร แก่กลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับปีนี้บริษัทฯ ได้มีสินค้าใหม่ที่มารองรับการใช้งานด้านระบบท่อภายในบ้าน และอาคาร ได้แก่ ท่อพีอี(PE) และ ท่อพีพีอาร์(PP-R) ท่อ PP-R เป็นท่อน้ำร้อนที่นำมาใช้แทนท่อทองแดง ซึ่งอาจเกิดสนิมได้ ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าจะได้ใช้น้ำสะอาดปลอดภัย นอกจากนั้นยังมีอายุการใช้งานยาวนาน ทนทาน ไม่รั่วซึม และยังใช้เวลาในการติดตั้งระบบน้อย เพราะมีระบบการติดตั้งที่ง่าย ทำให้ช่างทำงานได้ง่ายขึ้น โดยจะเปิดตัวสินค้าภายในงานสถาปนิก ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นภายในปลายเดือนเมษายนนี้ โดยเป็นสินค้าที่จะเจาะกลุ่มบ้านพักอาศัย, โรงแรม, โรงพยาบาล ฯลฯ
ส่วนท่อ PE ตราช้าง เป็นท่อPE ชนิด HDPE (High Density Polyethylene) หรือท่อพีอีชนิดความหนาแน่นสูง นำมาใช้ในระบบประปาน้ำดี เพื่อการอุปโภคบริโภค โดดเด่นกว่าท่อพีอีอื่นๆในตลาดที่มีชั้นท่อถึง 3 ชั้น ช่วยให้ได้น้ำที่สะอาดปลอดภัย ผู้บริโภคมั่นใจได้ ที่สำคัญท่อยังมีความยืดหยุ่นสูงสามารถโค้งงอได้ ช่วยให้ท่อไม่แตกรั่ว เมื่อบ้าน หรือดินทรุด สามารถเดินยาวได้ตั้งแต่ 30-100 เมตร ทำให้มีจุดเชื่อมต่อน้อย ลดการรั่วซึม
ไม่เพียงแต่จะมีสินค้าใหม่ๆที่มาตอบโจทย์ระบบท่อภายในบ้าน ด้านการใช้งานเท่านั้น ในด้านของการ design ก็ไม่ใช่สิ่งที่ท่อตราช้างมองข้าม ได้แก่ ท่อร้อยสายไฟสีขาว ที่เป็นท่อร้อยสายไฟที่สามารถเดินลอยนอกผนังได้อย่างสวยงาม เพราะมีเนื้อเป็นสีขาวนวล เหมาะกับงานdesign หรือการต่อเติมระบบไฟที่ต้องเดินสายไฟนอกผนัง นอกจากนั้นยังมีคุณสมบัติโดดเด่นกว่าท่อร้อยสายไฟสีเหลืองตามท้องตลาดทั่วไป คือ สามารถ “ดัด โค้ง” ได้ ลดการใช้ข้อต่อ และนำมา decorate ได้ ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับสถาปนิก และเจ้าของบ้าน เช่น นำไปใช้กับบ้านที่มีผนังสีขาว, ใช้กับปูนเปลือย หรือใช้กับอาคารแนว Boutique Style, Loft Style ฯลฯ
นายปรเมศวร์ ยังได้กล่าวถึงภาพรวมการแข่งขันในกลุ่มวัสดุก่อสร้างว่า ปัจจุบันมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยบริษัทฯ มุ่งสร้างฐานลูกค้าระดับบนให้เกิดการรับรู้ถึงคุณภาพของสินค้าตราช้างให้มากที่สุด ตลอดจนการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ เพื่อให้ครอบคลุมไลน์สินค้าให้มากขึ้น
“สาเหตุที่ทำให้กลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้างมีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง โดยมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 8,000 – 9,000 ล้านบาท เนื่องจากมีผู้ผลิตรายย่อยเกิดขึ้นมาก ซึ่งเน้นขายสินค้าราคาถูก ด้วยการลดคุณภาพสินค้าเพื่อประหยัดต้นทุน สำหรับท่อตราช้าง เราเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งระดับบน และกลาง โดยยึดแนวคิดหลักของ “ตราช้าง” ที่ต้องการเป็นที่สุดของคุณภาพของตลาดในทุกระดับ หรือ The Best of class Quality ดังนั้นสินค้าที่เราผลิตและจำหน่ายให้กับลูกค้าทั้ง 2 กลุ่ม จึงเป็นสินค้าคุณภาพดี ที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจ เช่น ลูกค้าตลาดบน
ได้แก่ กลุ่มอาคารสูง คอนโดมีเนียมระดับหรู และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ระดับแถวหน้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มศุภาลัย, คิวส์เฮาส์, กลุ่มพรอพเพอร์ตี้ฯ และกลุ่มพฤกษา เป็นต้น นอกจากนี้เรายังมีความพร้อมด้านการจัดจำหน่ายสินค้า ด้วยการมีผู้แทนจำหน่ายรายใหญ่กว่า 300 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งร้านซิเมนต์ไทย โฮมมาร์ท และยังมีการทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง”
สำหรับตลาดท่อพีวีซีแล้ว ท่อตราช้างเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาด โดยครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของตลาดรวม ในปีนี้บริษัทฯคาดว่าตลาดท่อจะโตขึ้น 7-8% ซึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัว อีกทั้งโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ ของหน่วยงานราชการ เริ่มมีการเคลื่อนไหวก่อสร้างโครงการมากขึ้น จึงส่งผลให้กลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้างขยายตัวตามไปด้วย
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit