เคล็ดลับการสร้างลุค Techno Romance เทรนด์ล่าสุดประจำรันเวย์ Spring/Summer 2010 จากกูรูความงามระดับโลก

25 Feb 2010

กรุงเทพฯ--25 ก.พ.--อาร์ค เวิลด์ไวด์

ทรงผมแนวเฟมินีน (Feminine) ที่แลดูอ่อนหวาน เน้นสัมผัสที่นุ่มนวล โทนสีพาสเทลที่ให้ความรู้สึกสดชื่น มีพลัง และความเรียบง่าย ล้วนเป็นคำจำกัดความที่ชัดเจนของคำว่า ‘Techno Romance’ ซึ่งเป็นเทรนด์หลักล่าสุดบนรันเวย์ของคอลเลคชั่น Spring/Summer 2010 จากทั่วโลก

ในซีซั่นล่าสุดนี้ ดีไซเนอร์จากหลายแบรนด์ดังพักการใช้สีมืดทึม และโทนสีดำสุดคลาสสิกจากคอลเลคชั่นที่แล้ว และหันกลับมาเลือกสีโทนหวาน สลับกับสีขาวบริสุทธิ์ เพื่อถ่ายทอดจินตนาการที่สดใสในอีกมิติหนึ่ง นอกจากนี้ ยังเลือกใช้เนื้อผ้าที่มีความเบาบางคล้ายกับกำลังล่องลอยอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน

ลักษณะอันโดดเด่นเหล่านี้นี่เองที่ พี แอนด์ จี บิวตี้ ได้บัญญัติศัพท์คำว่า ‘Techno Romance’ ขึ้นมา ซึ่งได้ให้คำจำกัดความเอาไว้ว่า “ความโรแมนติก หรือ ความงามที่อยู่ในบทกวีได้กำเนิดมาบนโลกแห่งความเป็นจริงในปัจจุบัน” ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนจากคอลเลคชั่นของ Chanel, Miu Miu, Bottega Veneta, Michael Kors และ Marchesa

สำหรับเทรนด์ผมในฤดูกาลนี้ รูปแบบและมุมมองเดิมๆ ของความหรูหรา งามสง่าได้รับการปรับเปลี่ยนให้อยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์ของ ความเรียบง่ายแบบน้อยๆ แต่เน้นรายละเอียด ซึ่ง Sam McKnight ช่างผมชื่อดังบนเวทีฮอลลีวู้ดและ Global Hair Ambassador ของ แพนทีน โปร-วี ได้กล่าวไว้ว่า “เทรนด์ทรงผมในซีซั่นนี้เป็นตัวแทนของคำว่า ‘Modern Elegance’ อย่างแท้จริง ซึ่งในแทบจะทุกโชว์บนรันเวย์ของซีซั่นนี้จะเน้นความเย้ายวน นุ่มนวล สัมผัส ความเป็นประกาย ความเรียบง่าย และภาพที่ดูเหมือนไม่จงใจมากนัก โดยจะเน้นให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพราะจุดเล็กๆ เหล่านี้ที่ทำให้เกิดความแตกต่างและสร้างมุมมองใหม่ๆ ขึ้นมา”

สำหรับ Eugene Souleiman, Wella Professionals Global Creative Director Care & Styling แล้ว เขาได้สร้างสรรค์ธีมหลักของแนวโมเดิร์นแฟนตาซี (modern fantasy) ซึ่งถ่ายทอดผ่านทรงผมที่นำเสนอภายใต้แนวคิด ‘dreams coming to life’ และ ‘romantic future’ ซึ่งเป็นการผสมผสานกันอย่างเหมาะเจาะระหว่างความทันสมัยและความอ่อนหวานละเอียดอ่อน Eugene กล่าวเอาไว้ว่า “เทคโนโลยีมีอิทธิพลต่อสิ่งรอบตัว ซึ่งก่อให้เกิดความทันสมัย แต่ขณะเดียวกัน เราก็ต้องไม่ลืมที่จะฉีกออกจากโลกแห่งความเป็นจริง และสัมผัสกับความงดงามที่โลกแห่งจินตนาการมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม” ด้วยแนวความคิดเหล่านี้ ทรงผมในฤดูกาลนี้ จึงถ่ายทอดความโปร่ง ความเบาสบาย ทั้งสัมผัสและความพลิ้วไหว ออกมาอย่างน่าสนุกและสร้างสรรค์

ด้วยการผสมผสานของแนวคิดสุดขั้ว 2 แบบจึงทำให้เทรนด์ผมบนรันเวย์ในซีซั่นล่าสุดนี้นำเสนอออกมาทั้ง 2 ลุคที่ค่อนข้างแตกต่างกัน เช่น การปล่อยผม และ การเกล้าผมเก็บ แม้แต่สีผมก็ยังมีความแตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน โดยไล่โทนสีตั้งแต่สีอ่อนพาสเทลไปจนถึงโทนสีเข้ม ซึ่งเทรนด์ผมทั้งหมดนี้ได้รวบรวมอยู่บนโชว์ของคอลเลคชั่น Spring/Summer 2010 จากทั่วโลกซึ่งพี แอนด์ จี บิวตี้ได้รวบรวม เทรนด์ผมภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Techno Romance’ ไว้ถึง 4 รูปแบบ นั่นคือ

Long Luxe:

ดูเรียบง่าย ไม่มีการแต่งเติม เน้นความนุ่มสลวย เป็นเงางามของผม แลดูเป็นลอนตามธรรมชาติ เผยให้เห็นถึงเส้นผมสุขภาพดีที่ได้รับการ ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เห็นได้จากโชว์ของ Blumarine, Balmain, Chloe, Dior, Givenchy, D&G, Emilio Pucci, Stella McCartney, Valentino, Versace และ Just Cavalli

ขั้นตอนและเคล็ดลับของ Long Luxe โดย Sam McKnight

1. ผมที่มีสุขภาพดีเป็นกุญแจสำคัญของลุคนี้ ดังนั้นจึงต้องเตรียมสภาพผมให้พร้อมด้วยการชโลม Pantene Night Miracle Cream ทิ้งไว้ข้ามคืน หลังจากนั้นจึงล้างออกและบำรุงผมด้วย Pro-V Smooth and Silky สูตรปกป้อง

2. เลือกใช้ Pantene Pro-V Smooth & Sleek Mousse ลงบนผมที่แห้งหมาดๆ และเป่าให้แห้ง

3. แบ่งผมเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กันโดยการแสกกลาง เก็บผมด้านหนึ่งขึ้นไปก่อน

4. จากนั้นแบ่งผมข้างที่ปล่อยอยู่ในแนวขวาง ใช้ลอนม้วนผมขนาดใหญ่โดยเริ่มจากผมส่วนที่ยาวที่สุดด้านล่างก่อนและค่อยๆ ไล่ขึ้นไป และค่อยไล่ไปที่ผมอีกด้าน

5. เอาลอนม้วนผมออก และสะบัดผมโดยใช้นิ้วมือหวีผมให้ลอนดูเป็นธรรมชาติ

6. ปิดท้ายด้วย Pantene Smooth & Sleek Serum เพื่อให้ผมแลดูเงางาม เคล็ดลับ คือ เพื่อความสะดวก เลือกใช้มูสลงบนผมที่เปียก แยกผมเป็นส่วนๆ และเป่าผมให้แห้งโดยใช้นิ้วมือแทนหวี

Braid Parade:

การถักผมที่ให้ได้ถึง 2 ลุค คือ ความคล่องตัวในตอนกลางวัน และ ความสง่างามอย่างเป็นธรรมชาติของลอนผมสำหรับยามค่ำคืน เมื่อปล่อยผม ซึ่งเห็นได้จากโชว์ของ Jaeger, DSquared2, Alexander Wang, Lacoste, Missoni, Miu Miu, Jean Paul Gaultier และ Roberto Cavalli

ขั้นตอนและเคล็ดลับของ Braid Parade โดย Sam McKnight

1. เตรียมสภาพผมให้พร้อมด้วยแชมพูและครีมนวดผม Pantene Pro-V Total Care หลังจากนั้นใช้ Pantene Hair Potion เพื่อปกป้องและเพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผม

2. ใช้ Pantene Repair & Protect Serum คู่กับ Pantene Smooth & Sleek Mousse ลงบนผมที่แห้งหมาดๆ จากรากถึงปลายผม เพื่อเพิ่มความเงางามและอยู่ทรง

3. รวบผมตึงให้เป็นหางม้าสูง ให้อยู่กลางศีรษะ จากนั้นถักเปียบริเวณหางม้าให้แน่นและเรียบ โดยเหลือผมไว้ยาวประมาณ 3 ซม.

4. เก็บผมเปียขึ้นโดยติดกิ๊บซ่อน แต่เหลือปลายผมไว้ตามธรรมชาติ

5. ขั้นตอนสุดท้าย ฉีด Pantene Smooth & Sleek hairspray เพื่อเพิ่มความเงางาม เคล็ดลับ คือ สามารถปรับจากลุคริมทะเลตอนกลางวัน ให้เหมาะกับงานปาร์ตี้ตอนค่ำง่ายๆ ด้วยการปล่อยหางม้าบริเวณที่ถักเปียไว้ เพื่อให้ได้ผมรวบตึงที่มีปลายผมเป็นลอนแบบธรรมชาติ

The Pin-Up:

การเกล้าผมที่ให้สัมผัสแห่งความหรูหรา ขณะเดียวกันก็ ให้ความรู้สึกของหญิงสาววัยรุ่นเมื่อปล่อยให้

รายละเอียด เล็กๆน้อยๆ ดูไม่สมบูรณ์แบบ เช่น ปลายผมที่เก็บไม่สนิท ซึ่งเห็นได้จากโชว์ของ Graeme Black, Chanel, Fendi and Nicole Farhi, Yves Saint Laurent, Bottega Veneta, Karl Lagerfeld, Giorgio Armani และ Dolce & Gabbana

ขั้นตอนและเคล็ดลับของ The Pin-Up โดย Sam McKnight

1. ใช้แชมพูและครีมนวดผม Pantene Pro-V Nourish Shine เพื่อให้เส้นผมนุ่มลื่น และเพิ่มความเงางามให้กับลุคสบายๆ

2. บีบ Pantene Volume & Body Magnifying Mousse ขนาดเท่าลูกกอล์ฟ ชโลมลงบนเส้นผมเพื่อปกป้องเส้นผมจากความร้อนในการแต่งทรง และยังช่วยให้อยู่ทรงอีกด้วย

3. เป่าผมให้แห้งโดยใช้แปรงแบบกลม จะช่วยให้ผมมี texture ที่สวยงาม

4. แบ่งผมออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกเป็นการรวบครึ่งหัวและติดกิ๊บแยกเอาไว้ รวบผมส่วนที่เหลือเป็นหางม้าสูงและติดกิ๊บ

5. ยีโคนผมด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อให้ผมดูมีน้ำหนัก และหนาขึ้น หวีผมส่วนที่ยีไปทางด้านหลังเพื่อปิดดรอยที่มัดหางม้า และเหลือปรอยผมหน้าเอาไว้เล็กน้อย เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ

6. จากนั้น แบ่งผมบริเวณหางม้าออกเป็น 2 ส่วน และยีผมตั้งแต่บริเวณโคนผม ใช้ Pantene Classic Care Flexible Hold hairspray กับผมทั้ง 2 ส่วน แล้วหวีผมที่ยีแล้ว เพื่อให้ดูเรียบเนียน

7. จับปลายหางม้าตลบกลับไปด้านหน้าและติดกิ๊บ

8. บีบ Pantene Repair & Care leave on conditioner เล็กน้อย ทาลงบนหวีซี่และหวีผม เบาๆ เพื่อเพิ่มความเงางาม ปล่อยให้ปรอยผมตกลงมาแบบเป็นธรรมชาติ

เคล็ดลับ คือ ระดับของความหรูหรา ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของหางม้าที่รวบไว้ ยิ่งขึ้นสูง ก็จะยิ่งดูสง่างาม คล้ายกับนักบัลเล่ต์

Shapely Silhouette:

การสร้างรูปร่างและโครงสร้างที่แปลกตาให้กับทรงผมเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวของความล้ำสมัย และความอ่อนหวานโรแมนติก

ขั้นตอนและเคล็ดลับของ Shapely Silhouette โดย Sam McKnight

1. เตรียมสภาพผมให้พร้อมด้วยแชมพูและครีมนวดผม Pantene Pro-V Hair Fall Control บำรุงอย่างเข้มข้นด้วย Pantene 3-Minute Miracles เพื่อปกป้องไม่ให้ผมเสียจากขั้นตอนการจัดแต่งทรง

2. ใช้ Pantene Volume & Body styling range ตามด้วย Pantene Root Lifter Gel Spray ที่โคนผม ปล่อยให้แห้ง

3. แบ่งผมเป็นส่วนๆ และใช้ Pantene Bouncy Body Hairspray ตั้งแต่โคนจรดปลายผม โดยใช้ที่หนีบผมไฟฟ้า

4. เมื่อหนีบผมทั้งหมดแล้ว แปรงผมด้วยแปรงแบบกลม

5. เพื่อเพิ่ม volume ให้กับผม แปรงผมย้อนมาด้านหน้าตั้งแต่โคนผม และฉีดด้วย Pantene Bouncy Body Hairspray เคล็ดลับ คือ ยิ่งผมยาว เวลาที่ใช้ในการหนีบผมยิ่งน้อยลง เพราะเส้นผมช่วงกลางจนถึงปลายจะแห้งกว่าส่วนอื่นอยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน “เอกลักษณ์” เป็นกุญแจสำคัญของเทรนด์การแต่งหน้าในซีซั่นนี้ของ Bruce Grayson เมคอัพอาร์ทิสท์คนดังแห่งฮอลลีวู้ด และ Olay Global Ambassador “ในฤดูกาลนี้จะเน้นให้มีความโดดเด่นเพียงจุดเดียวบนในหน้า เช่น การแต่งเน้นดวงตาด้วยขนตา ซึ่งเน้นให้เห็นมาสคาร่าที่ปัดซ้อนกันหลายๆ ชั้น หรือจะเป็นการเน้นรูปปากให้แลดูอวบอิ่ม ด้วยการใช้สีโทนเข้ม หรือ สีแดงสด”

“ดังนั้น การมีผิวหน้าที่เรียบเนียน และแลดูสว่างกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลุคในซีซั่นนี้เป็นธรรมชาติและน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น การปัดแก้มให้พวงแก้มดูระเรื่อ เหมือนผิวสุขภาพดี และเน้นการ shading ที่ช่วยสร้างกรอบของใบหน้าให้โดดเด่นยิ่งขึ้น อาจจะสังเกตได้จากหลายๆ โชว์ที่เลือกใช้โทนสีเพียงสีเดียวในการแต่งหน้า ซึ่งก็สามารถสร้างความหรูหราและสวยสง่าให้กับนางแบบได้อย่างน่าอัศจรรย์” Grayson กล่าว เมคอัพเทรนด์ของซีซั่นนี้มีทั้งหมด 2 ลุค ได้แก่

Classic Hollywood:

จุดเด่น คือ ความโดดเด่นของริมฝีปากสีแดงสด แลดูอวบอิ่ม ผิวหน้าที่เรียบเนียน แลดูกระจ่างใส ที่ช่วยขับกับริมฝีปาก เป็นปัจจัยสำคัญของลุคนี้

ขั้นตอนและเคล็ดลับของ Classic Hollywood โดย Bruce Grayson

1. ทำความสะอาดผิวหน้าและบำรุงด้วย Olay Regenerist Micropsculpting cream โดยใช้เวลาในการทาครีมสักพักเพื่อให้ครีมได้ซึมซาบเข้าสู่ผิวอย่างเต็มที่

2. ใช้ Olay Regenerist Eye Lifting cream ทาบางๆ บริเวณรอบดวงตา เพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอย

3. ใช้แปรงรองพื้น หรือ นิ้วมือเกลี่ย Max Factor Color Genius บางๆ ให้ทั่วใบหน้า

4. แต้มคอนซีลเลอร์บริเวณที่สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือบริเวณใต้ตา เพราะเป็นบริเวณที่คล้ำง่าย

5. เขียนคิ้วโดยใช้อายแชโดว์ 2 สี ใช้สีอ่อนเพื่อวาดโครงให้คิ้วให้ได้รูป และใช้สีเข้มตรงช่วงกลางคิ้วเพื่อเพิ่มมิติ

6. ทาอายแชโดว์สีทองประกายทั่วทั้งเปลือกตา

7. ดัดขนตาและปัดมาสคาร่าด้านบนโดยเริ่มจากโคนที่ใกล้เปลือกตา รอให้แห้งและปัดซ้ำอีกครั้ง รอให้แห้งและดัดขนตาอีกครั้ง จากนั้นจึงปัดขนตาล่างให้เท่าๆ กัน เพื่อเติมกรอบให้กับดวงตา

8. ใช้พู่กันทาลิปสติกสีแดงสดเนื้อเนียน โดยเริ่มจากตรงกลางค่อยๆ ทาไล่ไปตามรูปริมฝีปาก จากนั้นจึงใช้ดินสอเขียนขอบปากเขียนให้ได้รูป

Techno Sherbet:

เน้นที่โครงสร้างของใบหน้า และรูปหน้าที่ชัดเจน เผยให้เห็นผิวหน้าในมิติใหม่ โดดเด่นด้วยการใช้โทนสีพาสเทลสดใสเขียนขอบตา

ขั้นตอนและเคล็ดลับของ Techno Sherbet โดย Bruce Grayson

1. ใช้ Olay Total Effects Advanced Daily Moisturizer with Cooling Essence สำหรับผิวที่ขาดความชุ่มชื่น เน้นบริเวณใต้ดวงตาด้วย Olay Definity Illuminating Eye ซึ่งจะช่วยให้บริเวณรอบดวงตาดูสว่างและให้สีผิวที่สม่ำเสมอ

2. เขียนอายไลเนอร์สีดำให้ชิดกับขอบเปลือกตา โดยระวังไม่ให้อายไลเนอร์หนาเกินไป

3. ทาอายแชโดว์สีพาสเทล เช่น สีชมพูผสมชิมเมอร์ เพื่อให้เปลือกตาดูเป็นประกาย เพิ่มมิติให้กับดวงตาด้วยโทนสีนู้ด เช่น สีเทาอ่อน สี taupe หรือ mauve จากนั้นดัดขนตาและปัดมาสคาร่าเพื่อให้ขนตาดูยาวและหนาขึ้น

4. ใช้รองพื้นโทนสีอุ่นบางๆ บริเวณใต้ตา เหนือริมฝีปาก และกลางหน้าผาก เพื่อเพิ่มมิติให้กับใบหน้าและให้แลดูสุขภาพดี

5. ใช้ทาแก้มแบบครีมบริเวณโหนกแก้ม จากนั้นปัดบรอนเซอร์ให้ทั่วใบหน้า เพื่อให้ได้โครงหน้าที่ชัด ได้รูป

6. ทาปากด้วยลิปกลอสสีชมพูประกาย

Techno Romance คือ มุมมองใหม่แห่งเทรนด์ล่าสุดของปีนี้จาก พี แอนด์ จี บิวตี้ ซึ่งยิ่งเป็น การตอกย้ำวิสัยทัศน์ของพี แอนด์ จี บิวตี้ ที่ขึ้นแท่นเป็นผู้นำของวงการความงามชั้นนำระดับโลกได้อย่าง สง่างาม...

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : อาร์ค เวิลด์ไวด์ ประเทศไทย

สิริพุทธนัดดา ดิศศานุวงศ์ (เจ้าอ้น) / โทร 02 684 5704

email: [email protected]

รุ่งรัตน์ ชดช้อย (ใหม่) / โทร + 66 2 684 5703

email: [email protected]

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit