กรุงเทพฯ--11 พ.ค.--สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ
รายงานข่าวจากเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เกิดผลกระทบต่อภาคการเลี้ยงสุกรทั่วประเทศ จากสภาพอากาศร้อนจัดผิดปกติในหลายพื้นที่ โดยมีอุณหภูมิสูงถึง 43-44 องศาเซลเซียส ซึ่งส่งผลให้สุกรเกิดอาการเครียด กินอาหารได้น้อย และเติบโตช้ามาก
นอกจากนี้ ยังเกิดปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำอย่างหนักตามมา ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สุกรประสบภาวะขาดน้ำ คอแห้ง สุขภาพทรุดโทรม เป็นเหตุให้แม่สุกรพันธุ์ต้องแท้งลูก ฟาร์มสุกรหลายพื้นที่จึงจำเป็นต้องซื้อน้ำสำหรับบริโภคและใช้จัดการภายในฟาร์ม เพื่อสุขอนามัยที่ดีของสุกร ในอัตรา 1 คันรถน้ำ (บรรจุ 10,000 ลิตร) ต่อสุกร 300 ตัวต่อวัน ก่อให้เกิดเป็นต้นทุนค่าน้ำเพิ่มขึ้นคันละ 1,000 บาทต่อวัน
ขณะเดียวกัน ปัญหาโรคทางเดินอาหาร เช่น โรคท้องเดิน ท้องร่วง ยังเกิดการระบาดในฟาร์มสุกรหลายแห่ง ทำให้สุกรเสียหาย เป็นการซ้ำเติมให้เกษตรกรต้องแบกรับภาระต้นทุนที่หนักหน่วงมากขึ้น
จากหลายปัจจัยข้างต้น ส่งผลให้สุกรในท้องตลาดมีปริมาณลดลงไปแล้วกว่า 30% และมีแนวโน้มที่จะลดลงอีก หากสถานการณ์ร้อนจัดและแล้งหนักยังไม่คลี่คลาย เนื่องจากขณะนี้ผู้เลี้ยงได้ทำการลดปริมาณแม่พันธุ์ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะดังกล่าวแล้วเป็นจำนวนมาก
“ตามปกติเมื่อถึงฤดูร้อน หมูจะโตช้าอยู่แล้ว แต่ปีนี้อากาศร้อนจัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้เลี้ยงหมูแล้วหมูไม่โต ทั้งยังต้องมาซื้อน้ำใช้จากที่ไม่เคยซื้อ กลายเป็นต้นทุนการผลิตอย่างเลี่ยงไม่ได้ หนำซ้ำยังถูกโรคท้องเดินเล่นงาน ทำหมูตายไปไม่น้อยอีก กลุ่มผู้เลี้ยงจึงจำเป็นต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการลดแม่พันธุ์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลถึงปริมาณเนื้อหมูที่จะออกสู่ตลาดแน่นอน” เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรกล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit