บทสัมภาษณ์ “เทพ โพธิ์งาม”ชวนชิมเมนูรสชาติใหม่ “โป๊ะแตก”

24 May 2010

กรุงเทพฯ--24 พ.ค.--สหมงคลฟิล์ม

เป็นนักแสดงตลกขั้นเทพหาตัวจับยากคนหนึ่งของวงการที่แสดงเรื่องไหนก็ “ฮาไหลลื่นตลอด” สำหรับ “ป๋าเทพ โพธิ์งาม” ที่ล่าสุดเตรียมปล่อยมุขซ้อนมุขแบบฮาสุดๆ ใน “หนังซ้อนหนัง” เรื่อง “โป๊ะแตก” ผลงานการกำกับหนังตลกทดลองแนวใหม่ของ “หม่ำ จ๊กมก” ที่จะเผยให้เห็นเบื้องหลังการทำหนังฮา...อย่างสุดกึ๋น

บทบาท-คาแร็คเตอร์

เรื่องนี้ผมก็มาเล่นกับหม่ำเขา ผมขอแนะนำตัวซะก่อนนะครับ ผม “เทพ โพธิ์งาม” ครับผม รับบทเป็นอะไรเหรอครับ ก็รับบทเป็น “เทพ โพธิ์งาม” ไง ในเรื่องก็เป็นนักแสดงที่หม่ำเขาได้จ้างมาเล่นในหนังเรื่องหนึ่ง แต่ก็จะมีปัญหากันอยู่ตลอดในกองถ่ายนี่แหละครับ ก็ดีใจนะที่ได้มาร่วมงานกับหม่ำเขา เพราะว่าเขาได้ทำหนังทำอะไรไว้ เราก็ได้อานิสงส์ตรงนี้หน่อย กับคนที่เคยอยู่ด้วยกัน ช่วงนี้เขาก็ได้เป็นผู้กำกับหนังแล้วก็หนังเรื่องนี้ “โป๊ะแตก” นี่มันก็จะเป็นความคิดของไอ้หม่ำนี่แหละ มาเล่าให้ฟังบอกว่าป๋ามาเล่นหนังให้ซักหน่อย เราก็เอาก็เอาอยู่แล้ว พอฟังมันเล่าเรื่องดูก็เออแปลกๆ ดีซึ่งบางทีหนังตลกที่ดูๆ มามันก็คล้ายกันหมดเนอะ แต่มาไอ้นี่มันก็ไปอีกแบบหนึ่ง ความคิดมันก็คือเอาไอ้ภาพที่อยู่เบื้องหลังไปเปิดเผยหรือไปแฉให้หมดอย่างนี้ แล้วอีกอย่างป๋าว่ามันก็ดีธรรมชาติๆ แต่ว่าก็ปวดหัวเหมือนกันเล่นหนังกับมัน เดี๋ยวไปดูเองดีกว่าหนังอะไร ก็คือให้เห็นเบื้องหลังให้รู้ว่าหนังเป็นอย่างงี้แหละ ด่ากันบ้างทะเลาะกันบ้าง บางคราวมันก็จะมีคำอะไรที่มันมากหน่อย เพราะว่าจริงๆ ก็คือมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ในชีวิตจริงของการทำหนัง ด่ากันให้วุ่นไปหมด และอีกอย่างหนังเรื่องนี้มันก็ต้องการอารมณ์ว่า ผู้แสดงบางทีต่างคนต่างแสดงไม่ถูกใจผู้กำกับ ก็จะแสดงอะไรออกมาสำหรับดาราที่โดนด่า โดนอะไรส่วนมากก็จะเป็นอย่างงั้นแหละ ด่าบ้างนินทาบ้าง ผู้กำกับ...ไรวะ ส่วนมากก็จะเป็นอย่างนั้นแหละ คือหม่ำเขาก็กะจะขายอารมณ์เบื้องหลังการถ่ายหนังประมาณนี้แหละครับ ป๋าก็เข้าใจแล้วก็เราก็เล่นไปตามที่มันต้องการ จะดีหรือไม่ดียังไงก็ไม่รู้ แต่มันบอกโอเค เราก็โอเค

ในเรื่องคือเล่นคาแร็คเตอร์ตัวเองเลย

ใช่ หม่ำก็บอกเอาคาแร็คเตอร์ตามพี่เทพ พี่เทพเล่นยังไงก็เล่น ก็ส่วนมากพวกเราก็จะเล่นกันอย่างนี้แหละ เมื่อก่อนก็เล่นด้วยกัน ส่วนมากเราจะชอบอะไรที่มันสดๆ แบบนี้ มันสนุกดี

งานภาพยนตร์นี่เคยร่วมงานกันมาก่อนไหม

งานหนังที่เคยเล่นด้วยกันก็ตั้งแต่ “มือปืน/โลก/พระ/จัน” มา ตอนนั้นตั้งแต่หม่ำเขายังไม่เป็นผู้กำกับเลยนะ ตั้งแต่นั้นมาก็ยังไม่เคยเล่นด้วยกันต่อเลย เพิ่งได้มาเล่นด้วยกันในหนังที่หม่ำกำกับก็ครั้งแรกใน “โป๊ะแตก” นี่แหละ

ก็อย่างที่ป๋าบอก หนังเรื่องนี้มันจะเป็นอารมณ์เล่นสดกันขำๆ ฮาๆ ใครจะปล่อยมุขอะไรออกมาก็ปล่อย คนดูอาจจะงงว่ามันเล่นอะไรของมันวะ อะไรอย่างงี้ ก็พยายามดูดีๆ แล้วกันว่ามันมีอะไรอยู่ข้างใน มันจะทำให้เห็นเบื้องหลังการถ่ายหนัง เบื้องหลังทุกอย่างในการทำหนัง บางครั้งมันก็มีอารมณ์บ้าง มีการด่าทอบ้างอะไรบ้าง ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกตินะครับในการทำหนัง

ให้ป๋าเล่าถึงเรื่องราวของ “โป๊ะแตก”

ป๋าเล่นจนจบเรื่องแล้วยังไม่รู้เลยเรื่องราวมันเป็นยังไง กูเป็นตัวอะไรมายังไงอะไร พอจะรู้แค่ที่ว่าเราเป็นนักแสดงมันติดต่อมาเล่นลักษณะเหมือนเราเป็นดาราอยู่อะไรอย่างเนี้ย มันก็เอาดารามาเล่นอารมณ์นั้นนี่คือในเรื่องราวที่บอกว่า มันเกี่ยวกับการถ่ายหนังนั่นแหละ เขาก็จะมาจับเอาตอนที่การทำงานเลย อ้าวดารามายังอะไรอย่างงี้มากกว่า เอ่อ...ดารามาจากไหนเขาก็ไม่ได้กล่าวถึงนะ มันก็เป็นหนังซ้อนหนัง มันก็ดีนะ ก็แปลกๆ ดีว่า เป็นอะไรที่ไม่จำเจดี แต่จริงๆ ป๋าว่ามันก็ไม่หนีกันอยู่แล้วนะตลกบ้านเราน่ะ อะไรมันก็หนีไม่พ้นของเก่า บางทีหนีกันไม่ออก ป๋าเข้าใจบางทีทำแล้วหนีไม่ออกก็มี แต่ทีนี้เรื่องนี้มันยังเรียกว่าหนีบ้างหนีแนวหนีอะไรไปบ้าง อย่างว่าแหละคนเราดูหนังอะไรซักทีสองทีก็เริ่มเบื่อ เราก็ต้องมีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ที่จะไปอวดเขา ป๋าก็เชื่อมั่นนะเพราะหม่ำเขาเป็นคนที่เอาตัวรอดอยู่แล้ว เรื่องนี้ได้เงินแน่ๆ

มีฉากแอ็คชั่นใหญ่ๆ ที่เล่นกับพี่โน้ตกับพี่เป็ดด้วย

อ๋อ ใช่ มันมีอยู่ฉากนึง ฉากที่ให้รถคว่ำ คือรถเก๋งขับมาบรื้นอย่างเร็วเลย บรื้นๆ ขึ้นมาแล้วคว่ำเลยอะไรอย่างเนี้ย แต่ว่าป๋าในเรื่องของเรื่องมันมีแสตนด์อินแทนอยู่แล้วแหละ คว่ำปึ้งตกลงมาหัวแตกเลือดอาบออกข้างนอกรถ แต่ไอ้หม่ำมันไม่มาดูเราเลยในเรื่อง คือมันดันเดินไปดูรถว่าเป็นยังไงบ้าง เสียหายตรงไหนบ้าง คือเราเนี่ยอู้หูเลือดไหลเต็มอยู่ข้างหลังเนี่ยแต่ไม่มีใครมาดูซักคน มันก็เป็นอารมณ์เนี่ยแหละ มุขอะไรประมาณนี้ เราเอาภาพมาให้คนคิดดู คือแบบไอ้พวกเนี้ยไม่ได้ห่วงนักแสดงเลย ห่วงแต่ของที่มึงเอามาเข้าฉาก นักแสดงไม่มีคุณค่าอะไรกว่ารถเลยอะไรอย่างเนี่ย คือทุกอย่างมันก็ต้องไปดูเอาแล้วก็คงจะได้อะไรที่มันบันเทิงๆ ก็อย่าไปซีเรียสอะไรมาก ประมาณนี้มากกว่า ป๋าก็ไม่รู้ว่ามันเรียกแนวไหน เหมือนแนวมั่วๆ แต่ว่าโอเคดูแล้ว เออ...จะเข้าใจว่ามันอะไรยังไง มันอาจจะไม่ต่อเนื่องเท่าไหร่อย่างที่ว่านั่นแหละ หนังมันเป็นเบื้องหลังในการทำงาน การทำงานมันก็ไม่ต่อเนื่องกันหรอก มันคงจะจับจุดนู้นจุดนี้มาผสมให้มันดูเป็นก้อนเดียว ก็เป็นอีกแนวหนึ่งที่แปลกดีครับ

การกลับมาร่วมงานอีกครั้งกับหม่ำ จ๊กมกเป็นยังไงบ้าง

จริงๆ เราก็เจอกันค่อนข้างบ่อย มีงานสมาคมอะไรหรือตลกอะไรกันเราก็เจอกัน ไปงานนู้นงานนี้แต่ไม่ใช่ว่าบ่อยมากอะไรนะ เพราะว่าหม่ำเขาก็งานเยอะ จะออกแต่งานที่สำคัญๆ ในสมาคมตลกหรือว่ากลุ่มตลก หรือตลกตายหรือว่าเจ็บป่วยที่ต้องดูแลกัน ส่วนมากหม่ำเขาก็จะไปบ่อย เขาก็โอเค

คือกำกับหนังมันก็กำกับได้แทบทุกคนแหละ แต่ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ของง่ายเลย ป๋าว่าทุกอย่างคงทำออกไปก่อนแล้วฟังเสียงสะท้อนกลับมาว่าเป็นยังไงเราถึงจะรู้ มันกะไม่ถูกหรอกหนัง ไม่รู้บางทีถ่ายแทบตายกลับไม่ได้เงิน เรื่องนี้หม่ำเค้าตั้งใจอยากจะออกมาให้เป็นอีกแนวนึง เหมือนเป็นหนังตลกทดลองให้เห็นเบื้องหลังการทำหนังนี่แหละ รวมๆ ก็ดูสนุกได้อยู่แล้ว

ป๋าการันตีความเป็นหนังรสแซบสไตล์ “โป๊ะแตก”

ครับ ผมว่าก็เอาตรงที่ความบันเทิงเป็นหลักนะครับ อย่าไปเอาที่ว่า เออ...ทำไมดูไม่มีสาระอะไรเลย ซึ่งตรงนี้ก็แน่นอนเราตั้งใจให้เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว คืออะไรที่มันไม่ต้องไปคิดมาก ดูง่ายๆ สบายๆ อะไรที่มันดูเข้าใจเร็วๆ ผมว่ามันเป็นการที่เราไม่ต้องไปคิดไปซีเรียสกับมันมากไง ถ้าหนังดราม่าซีเรียสเศร้าหน่อยโอ้โหคนดูก็ต้องมานั่งซีเรียสกันด้วย แต่ไอ้เรื่องนี้มีแต่โห่ฮา...โห่ฮา ดูแล้วมีความสุขกว่านะ มันอาจดูมั่วๆ หน่อยแต่ว่าดูรู้เรื่องแล้วกัน ก็อยากให้ไปดูนะ ไปดูหม่ำเขามีอีกแนวหนึ่งนะครับ เปลี่ยนแนวใหม่ๆ ไปดูซิว่าหม่ำเขาจะเปลี่ยนยังไง แล้วเขาจะมีอะไรดีๆ มาอวดท่านนะครับ 3 มิ.ย. นี้เราก็จะนำเสนอเข้าโรง ซึ่งไปดูอีกทีว่าจะเป็นโลงจำปา หรือจะเป็นโลงไม้สัก หรือโลงไม้อัดนะครับ ดูอีกทีไม้ไหนไม้เนื้อดีเราก็จะเอาไม้นั้นแหละครับ อ้าวเชิญชวนนะครับ ขอให้ท่านผู้ชมไปให้กำลังใจกับ “โป๊ะแตก” ครับผม

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net