กรุงเทพฯ--9 มิ.ย.--กนกรัตน์ แอนด์ เฟรนด์
บนโลกอันกว้างใหญ่ นอกเหนือจากความสามารถและศักยภาพในตัวของแต่ละคนแล้ว คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า “โอกาส” คือ บันไดอีกขั้นหนึ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จดั่งที่ได้วาดฝันไว้ ซึ่งก็เป็นเรื่องยากที่เหล่าเยาวชนในเขตพื้นที่ห่างไกลจะได้รับโอกาสทางการศึกษาที่พรั่งพร้อม นอกจากอุปกรณ์การเรียนการสอนจะขาดแคลนแล้ว น้อง ๆ เหล่านั้นยังไม่ได้สัมผัสกับรูปแบบการเรียนสู่การพัฒนาทักษะอย่างมีประสิทธิภาพโดยผู้สอนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งแน่นอนว่าเยาวชนกลุ่มนี้ย่อมวาดฝันที่จะได้รับโอกาสทางการศึกษาที่จะมาช่วยจุดประกายความฝันและสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาไม่ต่างจากเด็กในเมืองที่ได้รับ เพื่ออนาคตที่ดีของตัวพวกเขาในอนาคต
ดังนั้นองค์กรที่เล็งเห็นความสำคัญของการมอบโอกาสในการพัฒนาและแสดงศักยภาพของเยาวชนไทยมาโดยตลอดอย่าง ธนาคารกสิกรไทย จึงได้จัดโครงการ “แคมป์เยาวชนสัญจร ครั้งที่ 1” วิทยากรรับเชิญผู้เชี่ยวชาญในด้าน กีฬา ดนตรีและศิลปะ พร้อมพนักงานจิตอาสาร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์สังคม “แคมป์เยาวชนสัญจร ครั้งที่ 1” เพื่อจุดประกายความคิดเพิ่มพูนความรู้และเทคนิคเฉพาะด้านให้แก่เยาวชนผู้ด้อยโอกาสของโรงเรียนในเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์และผู้ที่สนใจ ตลอด 3 วันเต็ม ที่ โรงเรียนร่อนทองพิทยาคม อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์
คุณประสพสุข ดำรงชิตานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า จากที่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการกีฬา ดนตรี ศิลปะ ที่จะสามารถเสริมสร้างสุขภาพพลานามัย จิตใจ ตลอดจนความเข้มแข็งของเยาวชน จึงได้จัดทำโครงการแคมป์เยาวชนขึ้น โดยได้ดำเนินการเปิดห้องเรียนสอนวิชาความรู้ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างต่อเนื่อง เมื่อได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงได้ถือโอกาสขยายเครือข่ายการช่วยเหลือสู่พื้นที่ต่างจังหวัด ภายใต้ชื่อ “แคมป์เยาวชนสัญจร” นำความรู้สู่เยาวชนผู้ด้อยโอกาสในชุมชนที่ห่างไกลทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย โดยหวังให้เป็นส่วนหนึ่งของพลังขับเคลื่อนที่จะสร้างจิตสำนึกในการมีส่วนร่วมช่วยให้พัฒนาสังคมไทยให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการทำกิจกรรมครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การให้ความช่วยเหลือสังคมเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม ทำให้เด็กๆ เห็นตัวอย่างการทำดี การให้ และแบ่งบัน แสดงถึงน้ำใจของคนไทยที่มีให้กันสู่การช่วยเหลือสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป และแน่นอนว่าสิ่งที่ชุมชนจะได้รับจากกิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากเยาวชนจะได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้ว ยังเป็นการจุดประกายความคิดและจินตนาการให้กับน้องๆ
เยาวชนได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพพร้อมนำไปต่อยอดเพิ่มพูนความสามารถของตนต่อไปในอนาคตได้ไม่มากก็น้อย”
ตลอดทั้ง 3 วันของการดำเนินกิจกรรมสร้างสรรค์ น้องๆ เยาวชนกว่า 172 คน จะได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติพร้อมทั้งสนุกสนานไปกับกิจกรรมสนุกๆ ที่ทางวิทยากรได้สอดแทรกในวิชาที่สอน ซึ่งเด็กๆ จะได้เปิดโลกทัศน์แห่งความรู้ใหม่ๆ โดยผู้เชี่ยวชาญการสอนทั้ง 9 สาขาวิชา ในสาขาศิลปศึกษา เด็กๆ จะมี 3 วิชา ได้แก่ วิชาวาดภาพ ซึ่งเรียนรู้เทคนิคการวาดภาพกับอาจารย์วินัย มารักษ์ ที่มีผลงานการประกวดภาพจิตรกรรมรางวัลยอดเยี่ยมและอื่นๆ มากมาย สนุกสนานกับวิชาศิลปะเพนท์สี โดยอาจารย์จิตเกษม อุ่นเรือน จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพบางไทร ซึ่งเคยประกวดศิลปะงาน porcelane painting art ที่เมือง Varese ประเทศอิตาลีและสอน Ceramics Art ที่ดูไบ และเรียนรู้เทคนิคการใช้เสียงในวิชาขับร้องประสานเสียงจากอาจารย์ดาเรส รักษาราษฎร์ ครูตาลแห่งบ้านเอเอฟ ผู้ฝึกสอนขับร้องให้ศิลปินหน้าใหม่เครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ส่วนสาขากีฬา มี 3 วิชายอดฮิตติวเข้มเทคนิคการเล่นแบบมืออาชีพเอาใจน้องๆ ที่รักในกีฬาและฝันอยากเป็นนักกีฬาในอนาคต เริ่มที่วิชาบาสเก็ตบอลดำเนินการสอนโดยอาจารย์พิเชฐ ประธานการจัดการแข่งขันสมาคมบาสเก็ตบอลแห่งประเทศไทย และผู้ตัดสิน
กิตติมศักดิ์ของสมาพันธ์บาสเก็ตบอลโลก ดีกรีดาวยิงมือทองเจ้าของรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมระดับชาติ อดีตโค้ชทีมชาติไทยชื่อดัง ตามมาด้วยวิชาวอลเลย์บอลดูแลการสอนโดย อาจารย์ขจรศักดิ์ มานะพรชัย ผู้ฝึกสอนวอลเลย์บอลทีมชาติไทยกว่า 10 ปีพร้อมคณะผู้ช่วยฝึกสอน และวิชาฟุตบอลสอนโดย อาจารย์เอกสิทธิ์ รานไพร อดีตนักกีฬาฟุตบอลทีมชาติไทยและปัจจุบันเป็นผู้ฝึกสอนนักกีฬาฟุตบอลมหาวิทยาลัยศรีปทุม นอกจากนี้ยังมีวิชาวางแผนทางการเงิน นำโดยอุมาพันธ์ เจริญยิ่ง ผู้อำนวยการวางแผนการเงินส่วนบุคคล ธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้อำนวยการที่เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงินมาให้คำแนะนำ และยังมีวิทยากรจากโรงเรียนเทคนิคการอาชีพสตึก มาสาธิตในวิชา 108 อาชีพให้เยาวชนได้มีความรู้เพิ่มเติมและสามารถสร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว และชุมชนได้ อีกทั้งยังได้รับรู้ถึงภูมิปัญญาความรู้ของชุมชนด้านการทอผ้าหรือทอเสื่อกกธรรมชาติ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านทอผ้าพื้นเมืองจากหนองแม่มดมาเผยแพร่วิชาการถักทอที่สวยงาม แก่นักเรียนตลอดจนผู้นำชุมชน ครู อาจารย์และผู้ปกครองที่สนใจได้เรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
ด.ญ. วารุณี อนุชิม หรือ น้องต่าย จากโรงเรียนบ้านโคกสุพรรณ กล่าวว่า “ตนเองและเพื่อนๆ กว่า 20 คนโชคดีมากค่ะ ที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมแคมป์เยาวชนสัญจร ครั้งที่ 1 นี้ ถึงโรงเรียนจะอยู่ไกลจากสถานที่จัดกิจกรรมแต่พี่ๆ จิตอาสา ก็ส่งรถไปรับพวกเรามาร่วมกิจกรรมตลอด 3 วันเลยค่ะ หนูได้เรียนเพนท์สีกับอาจารย์ จิตเกษม อุ่นเรือน ซึ่งพี่ๆ จิตอาสาบอกว่าคุณครูเก่งมากเคยสอนที่เมืองนอกทำให้หนูตื่นเต้นมาก หลังจากที่เรียนเทคนิคการใช้พู่กัน การผสมสีให้สวยงามไม่เลอะ และเคล็ดลับการทำให้สีติดทนไม่ให้หลุดลอกเมื่อซักไปแล้ว ครูก็ให้ลงสีจริงบนกระเป๋าผ้า ยิ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น มือสั่นไปหมด กลัวทำพังทำเลอะ แต่เมื่อครูบอกให้เราตั้งสติ หายใจลึกๆ ตอนจรดปลายพูกันระบายสีให้กลั้นหายใจ มือก็นิ่งลงสีได้ไม่เลอะเลยค่ะ จากนั้นหนูค่อยๆ ทำจนเสร็จ พอได้เห็นผลงาน หนูไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผลงานของเราเอง สวยค่ะ คุณครูก็ชมว่าทำได้ดี ดีใจและมีกำลังใจค่ะ อยากเอาไปอวดคนที่บ้านและถ้ามีคนชอบงานที่หนูทำ หนูก็จะหมั่นฝึกฝนให้เก่งและลองเพนท์รองเท้าหรือเสื้อขายในหมู่บ้านค่ะ”
สำหรับ น้องเก่ง หรือ ด.ช. คณาการ จันทรทอง นักเรียนชั้น ป.6 จากโรงเรียนบ้านปรือเกรียง บอกกับเราว่า “กิจกรรมครั้งนี้ทำให้ผมได้รับความรู้มากมาย ผมได้เพื่อนใหม่ ได้ลองทำในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ทำ ซึ่งในกิจกรรมนี้ผมได้เรียนวิชา 108 อาชีพ โดยได้ลองทำน้ำยาซักผ้าเองกับเพื่อนๆ ทำไม่ยากเลยครับสนุกดี ผมได้จดวิธีการทำและส่วนผสมเพื่อไปลองทำใช้เองที่บ้านครับ นอกจากนี้ผมก็ได้ไปดูการสาธิตทอผ้าพื้นเมืองจากคุณยาย ซึ่งเป็นวิทยากรจากหนองแม่มดด้วยครับ ยายทอผ้าให้พวกเราดู และเล่าถึงการถักทอให้สวยงาม ขั้นตอนกว่าจะได้ผ้าทอลายสวยผืนนี้ ทำให้ผมเห็นความสำคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรสืบสานให้อยู่คู่กับชาวบุรีรัมย์ ประสบการณ์ครั้งนี้ผมจะไม่ลืมเลยครับ และคราวหน้าถ้ามีกิจกรรมแบบนี้อีก ผมก็อยากเรียนจักสานของใช้ต่างๆ เมื่อทำเองได้ที่บ้านก็ไม่ต้องซื้อตะกร้าหรือหมวกแล้วครับ ที่สำคัญเป็นอาชีพเสริมยามว่างช่วยที่บ้านได้อีกทางครับ”
ปิดท้ายความประทับใจที่เกิดขึ้นในแคมป์เยาวชนสัญจรครั้งนี้โดย ด.ญ. นุชสรา ฟ้าจันทร์ น้องแต้ จากโรงเรียนกุดน้ำขุน ที่มีความรู้สึกไม่ต่างกัน ”ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนมากค่ะ ที่มาจัดกิจกรรมให้หนูและเพื่อน ๆ จากต่างโรงเรียน ได้มาร่วมทำกิจกรรม 108 อาชีพ หนูได้เลือกเรียนวิชาทำน้ำแข็งใส เพราะหนูชอบช่วยคุณแม่ทำอาหารและขนมค่ะ วันนี้ได้มาทำก็สนุกดี ตอนแรกก็เกร็งๆ ไม่กล้าไปทำ แต่พี่ ๆ ชวนให้เราลองทำ พอได้เรียน ลองใช้อุปกรณ์ และแต่งหน้าน้ำแข็งใสให้น่าทานก็รู้สึกชอบ ได้รู้วิธีการทำน้ำแข็งให้เป็นเกล็ดตกแต่งด้วยน้ำหวานและผลไม้ให้ดูสวยงาม ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ ทำง่ายมาก เคยแต่ไปซื้อเขาทาน ตอนนี้ทำเป็นแล้วถ้ามีโอกาสก็อยากทำขายที่บ้านค่ะ เพราะทำง่ายหนูจะได้ช่วยที่บ้านหารายได้เพิ่มได้ด้วยค่ะ อยากให้มีกิจกรรมอย่างนี้ทุกๆปี อยากเรียนทำอาหารหลายๆ อย่าง เพราะหนูอยากเป็นแม่ครัวมือดีประจำจังหวัดค่ะ” น้องแต้ กล่าวทิ้งท้ายด้วยร้อยยิ้ม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-284-2662 จุฑามาศ เหล่าพิเดช
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit