กรุงเทพฯ--21 เม.ย.--แอสเซท พลัส
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ไทยในไตรมาส 2 น่าจะมีโอกาสที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยจะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ตามแนวโน้มของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในไตรมาส 2 หลังจากที่เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับในส่วนของอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้เอกชนระยะสั้นน่าจะยังไม่มีการปรับขึ้นเนื่องจากความต้องการของนักลงทุนยังอยู่ในระดับสูง ในส่วนของนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ ทางบริษัทเห็นว่าควรเน้นลงทุนในตราสารอายุไม่เกิน 6 เดือนเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยในประเทศ
ในส่วนของตราสารหนี้ต่างประเทศ ทางบริษัทยังเห็นว่ายังเป็นการลงทุนทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจเมื่อเปรียบกับตราสารหนี้ในประเทศ เช่น การลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้ที่ยังมีส่วนต่างๆของผลตอบแทนที่มากกว่าพันธบัตรรัฐบาลไทยประมาณ 0.5-0.6% นอกจากนี้ การแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้คนใหม่ ซึ่งมีแนวคิดในการดำเนินนโยบายทางการเงินที่สอดคล้องกับกระทรวงการคลังของเกาหลีใต้ ในการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยให้ยังคงอยู่ในระดับนี้ เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นจากระดับปัจจุบันอีกระยะหนึ่ง แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของเกาหลีใต้จะออกมาค่อนข้างดีก็ตาม ทำให้ทางบริษัทคาดการณ์ว่าธนาคารกลางเกาหลีใต้น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงไตรมาส 3 หรือ ไตรมาส 4 ของปีนี้จากไตรมาส 2 ที่มีการประเมินไว้ในช่วงก่อนหน้า
“ทั้งนี้ สำหรับตัวเลขทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ล่าสุดเดือนมีนาคม 53 ปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศ (FX Reserve) ที่ 270 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพื้นฐานเศรษฐกิจของเอเชียที่มีความแข็งแกร่งมาก
ตัวเลขการส่งออกเติบโต อยู่ที่ 49% ส่วนตัวเลขด้านการผลิตอุตสาหกรรม อยู่ที่ 36.9% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งได้ปรับตัวดีขึ้นรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ตัวเลขอัตราการว่างงานที่ปรับตัวลดลง อยู่ที่ระดับประมาณ 4% ซึ่งต่ำกว่าอัตราว่างงานของประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่น และความแข็งแกร่งของภาคการบริโภคที่มีการปรับตัวดีขึ้น โดยตัวเลขยอดขายของห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงภาคการบริโภค เติบโตอยู่ที่ระดับสูงกว่า 20% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 6-8 เดือนที่ผ่านมา” ดร.วิน กล่าว
ดร.วิน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ ในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ บลจ.
แอสเซท พลัส จะเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ (Rollover) กองทุนตราสารหนี้ไทย และกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ จำนวน 5 กองทุนด้วยกัน โดยแต่ละกองทุน จะมีระยะเวลาการลงทุนที่แตกต่างกันไป เพื่อเป็นทางเลือกของผู้ลงทุนโดยในวันที่ 26 เมษายน บริษัทฯ จะ Rollover 2 กองทุน ตราสารหนี้ในประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีเงินออม 1 (ASP-MMF1) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ อายุ 3 เดือน โดยรอบการลงทุนนี้ จะลงทุนในตั๋วแลกเงิน เช่น ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) และ ธนาคารธนชาต (TBANK)
เป็นต้น โดยคาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1.20% ต่อปี* และกองทุนเปิดพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1 (GBF-3M1) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐในประเทศ อายุ 3 เดือน โดยรอบการลงทุนนี้ จะลงทุนในตั๋วเงินคลัง และตั๋วแลกเงินของธนาคารธนชาต โดยคาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 0.90% ต่อปี*
ส่วนในวันที่ 28 เมษายน นี้ บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 6M3 (ASP-P6M3) ซึ่งเป็นกองทุนผสม ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ซึ่งจะเปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบลงทุนนี้ จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ Korea Monetary Stabilization Bond (MSB)) อายุประมาณ 7 เดือน คาดว่ากองทุนจะสามารถให้ผลตอบแทนหลังจากทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวนและหักค่าใช้จ่ายกองทุนแล้ว อยู่ที่ประมาณ 1.50% ต่อปี*
ส่วนในวันที่ 29 เมษายน นี้ บริษัทฯ จะ Rollover 2 กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 12M (ASP-P12M) ซึ่งเป็นกองทุนผสม ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ อายุประมาณ 1 ปี โดยรอบลงทุนนี้ จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ คาดว่ากองทุนจะสามารถให้ผลตอบแทนหลังจากทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวนและหักค่าใช้จ่ายกองทุนแล้ว อยู่ที่ประมาณ 1.90% ต่อปี* และกองทุนเปิดแอสเซทพลัสแอ็คทีฟพันธบัตร 3 (ASP-ACGOV3) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐต่างประเทศ ซึ่งจะเปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบลงทุนนี้ จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ อายุประมาณ 1 ปี 3 เดือน คาดว่ากองทุนจะสามารถให้ผลตอบแทนหลังจากทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงเต็มจำนวนและหักค่าใช้จ่ายกองทุนแล้ว อยู่ที่ประมาณ 2.05% ต่อปี*
ติดต่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติม
ผู้ลงทุนทั่วไป : Call Center 02-672-1111 สื่อมวลชน : ส่วนงานประชาสัมพันธ์ มุกพิม จุลพงศธร
โทร. 02-672-1000 ต่อ 3308 อีเมล์: [email protected]
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit