กรุงเทพฯ--28 เม.ย.--สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
เมื่อวันที่ ๒๗ เม.ย. 53 ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ร่วมกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดการประชุมระดมความเห็นเรื่อง “บทบาทหนังสือพิมพ์ในภาวะวิกฤตประเทศ” โดยเชิญที่ปรึกษาและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฉบับหลักๆ เข้าร่วมพร้อมทั้งมีผู้แทนสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยและสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เข้าร่วมด้วย
นายพรชัย ปุณณวัฒนาพร เลขาธิการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีข้อเสนอที่หลากหลายทั้งข้อเสนอต่อองค์กรวิชาชีพ และข้อเสนอต่อหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ อาทิ การตอกย้ำให้หนังสือพิมพ์ยืนยันในหลักการของเสรีภาพสื่อ และการไหลเวียนของข่าวสารโดยเสรี โดยต้องไม่ปล่อยให้ข่าวลือเข้ามาปิดกั้นครอบงำ ขณะเดียวกัน องค์กรวิชาชีพสื่อต้องแสดงออกถึงความห่วงใยต่อการปิดกั้นข่าวสารของรัฐบาล แต่มีข้อยกเว้นกรณีที่สื่อนั้นยุยงให้เกิดคนเกลียดชังกันและนำไปสู่ความรุนแรง รวมถึงความห่วงใยที่มีต่อการคุกคามนักข่าวในรูปแบบต่าง ๆ ระหว่างที่มีเหตุวิกฤตทางการเมือง
เลขาธิการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอให้องค์กรวิชาชีพสื่อเสนอหลักการปฏิบัติต่อสื่อของคู่ขัดแย้งในลักษณะที่ยอมรับร่วมกัน พร้อมทั้งชี้ให้เห็นจุดอ่อนการทำงานของนักข่าวไทยในการรายงานข่าวในสถานการณ์ความขัดแย้ง นอกจากนี้ ยังควรเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพการทำหน้าที่ของสื่อ รวมทั้งควรเรียกร้องให้สมาชิกองค์กรวิชาชีพสื่อปฏิบัติงานโดยวางตัวเป็นกลางและทำหน้าที่อย่างมืออาชีพ เพื่อเป็นองค์กรหลักของสังคมประชาธิปไตย และหากเป็นไปได้ สื่อควรตรวจสอบตัวเองว่า ได้ทำหน้าที่ครบถ้วนแล้วหรือไม่
“บรรณาธิการอาวุโสบางคน บอกว่า สื่อควรเรียกร้องให้คู่ขัดแย้งแก้ไขปัญหากันด้วยการเจรจา เพราะหากไม่เจรจาก็อาจนำไปสู่การบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ซึ่งทุกคนไม่ปรารถนาให้เกิดขึ้น ดังนั้น องค์กรสื่อและสื่อทั้งหลายต้องย้ำในเรื่องสันติวิธี และที่น่าเป็นห่วงคือ สื่อที่สร้างความเกลียดชัง ปลุกระดมให้คนโกรธและพร้อมที่จะใช้ความรุนแรง ดังนั้นสื่อต้องมีขันติ อดทนอดกลั้นต่อความเห็นที่แตกต่างกัน” นายพรชัย กล่าว
นายพรชัย กล่าวด้วยว่า บรรณาธิการหนังสือพิมพ์อาวุโสหลายคนเสนอว่า หากสื่อยึดมั่นในจริยธรรม ก็ไม่มีปัญหาในการรายงานข่าว แต่หากมีอคติ การทำหน้าที่ก็จะแปลกแยกไป จึงต้องช่วยกันตรวจตราไม่ให้ข้อเขียนหรือข่าวที่เต็มไปด้วยอคติหรือผลประโยชน์ส่วนตัวถูกนำเสนอออกมา ทั้งนี้ การสื่อสารที่ดี ต้องมีอคติน้อยที่สุด มุ่งไปสู่การลดความรุนแรง ไม่กระพือข่าวลือ ควรกลั่นกรองมิให้มีการพาดหัวข่าวที่ใช้คำรุนแรงกล่าวหากัน ที่สำคัญคือ สื่อควรยึดความเป็นมืออาชีพให้เหนียวแน่น
“แม้การค้นหาความจริงในปัจจุบันทำได้ยาก แต่จำเป็นต้องทำ เพื่อช่วยลดความขัดแย้งลง ซึ่งต้องทำด้วยความไม่มีอคติ โดยต้องเปิดพื้นที่ให้กลุ่มต่างๆ อย่างทั่วถึง และไม่เน้นเฉพาะคู่ขัดแย้งอย่างเท่าเทียมกัน องค์กรวิชาชีพสื่อสามารถเสริมเรื่องข้อเท็จจริงได้โดยการนำข้อเท็จจริงจากนักข่าวมานำเสนอ อาจส่งเสริมเรื่องนี้ให้มากขึ้น และควรร่วมกับองค์กรด้านวิชาการติติงสมาชิกที่ไม่ทำหน้าที่ตามหลักวิชาชีพอย่างสร้างสรรค์ นอกจากนี้ ยังข้อเสนอให้เร่งรัดเรื่องการปฏิรูปสื่อทั้งในด้านกฎหมายและสร้างกลไกการตรวจสอบกันเองให้เข้มแข็งขึ้น” เลขาธิการสภาการหนังสือพิมพ์ฯ กล่าวในที่สุด
นายพรชัย กล่าวในตอนท้ายว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังมอบหมายให้ 4 องค์กรวิชาชีพได้แก่ สภาการหนังสือพิมพ์ฯ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ไปหารือร่วมกันต่อไปในการกำหนดท่าที ทิศทางและการแสดงบทบาทของสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่อออนไลน์ และสื่ออื่น ๆ ท่ามกลางภาวะวิกฤตความขัดแย้งทางความคิดเห็นของผู้คนในสังคม เพื่อให้สังคมได้กลับคืนสู่ความปกติสุขดังเดิม.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2243-5697 สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net