กรุงเทพฯ--7 พ.ค.--ธนาคารทหารไทย
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB ชี้แจงกรณีการที่มูดี้ส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ด้อยสิทธิเงินตราต่างประเทศที่มีลักษณะคล้ายทุน (Foreign currency hybrid tier I securities หรือ HBT1) ของธนาคาร ซึ่งออกขายในต่างประเทศจำนวน 200 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2549 จากระดับ B1 เป็น B3 ในวันนี้ ว่า การลดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ดังกล่าว มาจากการเปลี่ยนวิธีการจัดอันดับ ไม่ใช่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของการดำเนินงานของธนาคารแต่อย่างใด โดยมูดี้ส์ได้ยกเลิกการใช้ปัจจัยด้านการสนับสนุนจากภาครัฐ (systemic support) ในการคำนวณอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ประเภทนี้ การเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดอันดับในครั้งนี้ มีผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ประเภทเดียวกันนี้ทั่วโลก ส่วนอันดับความน่าเชื่อถือหลักของธนาคารนั้น ไม่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ อันดับความน่าเชื่อถือหลักของธนาคาร ในปัจจุบันอยู่ที่ Baa3/P-3 ซึ่งเป็นระดับน่าลงทุน (investment grade) และมีแนวโน้มคงที่
นายบุญทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ธนาคารมีฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง มีระดับความเพียงพอของเงินกองทุนตามกฎหมายที่ร้อยละ 18.6 (รวมหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ออกในเดือนเมษายน 2553) ซึ่งเกณฑ์ขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้อยู่ที่ร้อยละ 8.5 ธนาคารมีการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมลดลงเหลือร้อยละ 9.5 อันเป็นผลมาจากระบบจัดการความเสี่ยงที่แข็งแกร่งของธนาคารและจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพจำนวน 9,400 ล้านบาท ในเดือนเมษายน 2553 ซึ่งเป็นไปตามแผนงานของธนาคารที่มุ่งมั่นในการลดสินเชื่อด้อยคุณภาพและปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสล่าสุด (ไตรมาสที่ 1 ปี 2553) ธนาคารมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 707 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 62 จากไตรมาสที่ 1 ของปี 2552
ปัจจุบัน ธนาคารมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 5.6 แสนล้านบาท โดยมีกระทรวงการคลังและ ING เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit