กรุงเทพฯ--30 พ.ย.--เอชดี ดิสทริบิวเตอร์
ฮาเก้นดาส เดินหน้ารุกตลาดไอศกรีม เล็งขยายฐานลูกค้าใหม่ เตรียมเปิดตัวแคมเปญใหญ่ ‘Do Not Disturb’ รับไตรมาส 4 หลังจัดทำโพลล์สำรวจไลฟ์สไตล์ สาวเวิร์กกิ้ง วูเมนยุคใหม่พบว่ามีเวลาให้กับตัวเองแค่ 30 นาทีต่อวัน
มร. มาร์ค ฟาห์ลิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอชดี ดิสทริบิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮาเก้นดาสวางแผนเปิดตัวแคมเปญใหม่ในช่วงไตรมาส 4 ภายใต้แนวคิด “Do Not Disturb: Slow melting in progress” ขึ้น โดยได้จัดทำการสำรวจ “ไลฟ์สไตล์ของสาวเวิร์กกิ้ง วูเมน” ในกลุ่มตัวอย่างในเขตกทม.และปริมณฑล อายุระหว่าง 25-35 ปี เพศหญิง สถานภาพโสด ระดับรายได้เฉลี่ย 30,000-50,000 บาทต่อเดือน พบว่าสาวไทยกว่าร้อยละ 90 มีเวลาให้กับตัวเองเพียงแค่วันละ 30 นาทีเท่านั้น โดยเวลาส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 95 หมดไปกับครอบครัว เพื่อน สังคมและการทำงาน ซึ่งจากผลสำรวจดังกล่าวยังพบอีกว่ามีผู้หญิงไทยเพียงร้อยละ 30 เท่านั้นที่รู้สึกพึงพอใจกับไลฟ์สไตล์ที่เป็นอยู่ แต่ในขณะที่อีกกว่าร้อยละ 70 ยังคงอยากมีเวลาให้กับตัวเองเพิ่มขึ้นอย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง
สาวทำงานร้อยละ 70 เลือกที่จะใช้เวลาในวันว่างทำกิจกรรมส่วนตัว ได้แก่ ช้อปปิ้ง, รับประทานอาหารนอกบ้าน และเล่นอินเตอร์เน็ต ในขณะที่อีกร้อยละ 30 จะใช้เวลากับการปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อน นอกจากนี้ผู้หญิงทำงานร้อยละ 80 บอกว่า วิธีการสร้างความสุขให้กับตัวเองง่ายๆหากมีเวลาแค่ 15-30 นาทีคือ จะเลือกอ่านหนังสือ ทานไอศกรีม และนอนพักผ่อนมากที่สุด โดยผลสำรวจในครั้งนี้หวังว่าจะมีส่วนกระตุ้นให้ผู้หญิงหันมาให้เวลากับตัวเอง และใส่ใจดูแลตัวเองเพิ่มมากขึ้น เพื่อมอบช่วงเวลาแห่งความสุขและให้รางวัลกับตัวเองทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงการหาวิธีเติมความสุขให้กับตัวเองในช่วงเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดอย่างคุ้มค่าที่สุด ซึ่งฮาเก้นดาสได้เตรียมเปิดตัวแคมเปญใหม่ “Do Not Disturb” เพื่อมุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์ของสาวไทย และหวังป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะเติมเต็มและสร้างความสุขง่ายๆให้กับผู้บริโภคอีกด้วย
มร. มาร์ค ฟาห์ลิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ดังนั้นบริษัทฯจึงได้วางกลยุทธ์และนโยบายด้านการตลาดที่เน้นการเติมเต็มความสุขให้กับช่วงเวลาส่วนตัวของลูกค้าภายใต้แคมเปญ “Do Not Disturb: Slow Melting in Progress” ขึ้นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อหวังสร้างการรับรู้และตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมุ่งขยายฐานลูกค้าที่เป็นคนไทยมากขึ้นคิดจากเดิมอีก 3 เท่าตัว และจะยังคงครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่ง ในกลุ่มไอศกรีมระดับซูเปอร์พรีเมี่ยมเช่นที่ผ่านมาในปี 2553 ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ บริษัทฯจะเร่งรุกตลาดด้วยกิจกรรมทางการตลาด แคมเปญส่งเสริมการขาย กิจกรรม CRM การเปิดตัวไอศกรีมรสชาติใหม่ ฯลฯ ผ่านการสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร (Intergrated Marketing) มากขึ้น
ส่วนด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ปัจจุบันฮาเก้นดาสมีสาขาทั้งหมด 26 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจำหน่ายในโมเดิร์นเทรด โดยล่าสุดได้เปิดจุดขายเพิ่มที่โรงภาพยนตร์พารากอน ซีเนเพล็กซ์ ซึ่งถือเป็นการขยายช่องทางการขายใหม่แบบ Selective เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างคู่ค้าทางธุรกิจอาทิ โรงแรม, ร้านอาหารด้วยการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ และบริการระดับพรีเมี่ยมเพื่อตอกย้ำจุดเด่นของสินค้า 3 ประการคือ 1.ด้านวัตถุดิบ ไอศกรีมฮาเก้นดาสที่จำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด ผลิตจากประเทศฝรั่งเศส โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติคุณภาพชั้นเลิศ 100% ไม่มีการเจือปนของสารสังเคราะห์ต่างๆ 2.ความเข้มข้นและรสชาติไอศกรีม ซึ่งไอศกรีมฮาเก้นดาสทุกแบบ จะมีส่วนผสมของอากาศและน้ำในปริมาณที่น้อยมาก ดังนั้นไอศกรีมจะมีความเข้มข้น และละลายช้า ทำให้สัมผัสได้ถึงความเข้มข้นและรสชาติความอร่อยได้นานกว่า 3.ด้านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานโดยมีจุดตรวจวัดคุณภาพทุกขั้นตอน เพื่อให้แน่ใจว่าไอศกรีมถูกผลิตขึ้นภายใต้มาตรฐานสูงสุด
ล่าสุดได้เปิดตัวไอศกรีม 2 เมนูใหม่ ที่มาพร้อมกับไอศกรีม “คาปูชิโน่ทราฟเฟิล” ได้แก่ Belgian Style Crepe Dream (เบลเยียน สไตล์ เครป ครีม) – ไอศรีมคาปูชิโน่ทราฟเฟิล เสริมพร้อมไอศกรีมกาแฟ และเบลเยี่ยมสไตล์เครป ตกแต่งด้วยผลไม้ และช็อคโกแลตซอส, Cappuccino Jello (คาปูชิโน่ เจลโล่) – การผสมผสานอย่างลงตัวของรสชาติใหม่จากฮาเก้น-ดาสไอศกรีมคาปูชิโน่ทราฟเฟิล เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมกาแฟ สตรอเบอร์รี่เจลลี่ และนมสด
ข้อมูลเพิ่มเติม:
ฮาเก้น-ดาสเป็นไอศกรีมคุณภาพสูงและรสชาติเยี่ยม นับตั้งแต่การผลิตไอศกรีมในไพน์แรก จนกลายเป็นไอศกรีมที่คุณภาพระดับซูเปอร์พรีเมี่ยม โดยมีกระบวนการผลิตที่พิถีพิถันกับทุกขั้นตอน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการเลือกสรรเฉพาะส่วนผสมชั้นเยี่ยมจากทั่วทุกมุมโลก โดยวานิลลาเราได้คัดจากพันธุ์ที่ดีที่สุดในป่าลึกแห่งมาร์ดากัสกาและอินโดนีเซียอย่างพิถีพิถัน เพื่อนำมาสกัดเป็นส่วนผสมไอศกรีมวานิลลารสเลิศ และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ไอศกรีมวานิลลาของฮาเก้น-ดาสรสชาติดีเยี่ยม เข้มข้น หอมหวาน ซึ่งไม่สามารถลิ้มรสได้จากไอศกรีมในท้องตลาดทั่วไป ส่วนสตรอเบอร์รี่นั้นได้จากแหล่งปลูกสตรอเบอร์รี่ที่ดีที่สุดของโลก สำหรับเมล็ดกาแฟก็เจาะจงเฉพาะเมล็ดกาแฟแท้ 100% จากบราซิล และโคลัมเบีย นำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตไอศกรีมกาแฟทำให้ได้รสชาติและความหอมหวานของกาแฟซึ่งยังคงอยู่ แม้ในรูปของไอศกรีม เมล็ดโกโก้คุณภาพเยี่ยมจากประเทศเบลเยี่ยม จะถูกเลือกสรรมาเป็นอย่างดีเพื่อนำมาผลิตเป็นไอศกรีมช็อกโกแลต ที่ให้รสชาติเข้มข้นหวานหอมไม่เหมือนใคร แมคคาดาเมียแท้จากฮาวาย จะถูกเลือกเก็บอย่างพิถีพิถันก่อนจะนำมาตัดเป็นชิ้นพอเหมาะ เพื่อให้ทุกคำของไอศกรีมฮาเก้น-ดาส สื่อถึงรสชาติและสัมผัสที่หอม มัน อร่อยอย่างแท้จริง ซึ่งไม่ว่าส่วนผสมที่ดีที่สุดจะอยู่ ณ มุมไหนของโลก ฮาเก้น-ดาส ก็พร้อมที่จะไปเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุด และนำมาใช้เป็นส่วนผสมของไอศกรีมฮาเก้น-ดาส เพื่อให้ได้ไอศกรีมรสสชาติดีเยี่ยมและคุณภาพที่เป็นเลิศ สำหรับลูกค้าของเราเสมอ นอกจากนี้ ฮาเก้น-ดาส ยังผลิตจากครีมสด นมขาดมันเนย ไข่แดงและน้ำตาล ผสมผสานกับส่วนผสมที่ดีที่สุดจากทั่วทุกมุมโลก ปราศจากสารปรุงแต่งรส กลิ่นและสี ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของฮาเก้น-ดาสในช่วงปี ค.ศ.1960 จนถึงปัจจุบัน ความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ไอศกรีมที่ดีที่สุดและการมอบประสบการณ์อันแสนพิเศษในทุกคำที่คุณได้ลิ้มลอง
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit