กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--โครงการต้นกล้าอาชีพ
สนามกีฬาแห่งชาติ – โครงการต้นกล้าอาชีพ ผนึกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และสำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ (สพก.) เปิดโครงการส่งเสริมและพัฒนากีฬาฟุตบอลสู่การอาชีพ ปูทางผู้สนใจกีฬาฟุตบอลก้าวสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพ พร้อมประกาศความสำเร็จโครงการต้นกล้าอาชีพ โดยระบุ ผลที่ได้เกินความคาดหมาย
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการบริหารโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน หรือโครงการต้นกล้าอาชีพ กล่าวว่า จากกระแสความนิยมกีฬาฟุตบอลในปัจจุบัน ประกอบกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้วางนโยบายเชิงรุกเพื่อสร้างและส่งเสริมพื้นฐานกีฬาฟุตบอลสู่การอาชีพ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมด้านอาชีพแก่ประชาชนเพื่อลดอัตราการว่างงานอันเกิดจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ โครงการต้นกล้าอาชีพ จึงร่วมกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และสำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ (สพก.) ดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนากีฬาฟุตบอลสู่การอาชีพ ซึ่งเป็นการฝึกอบรมและส่งเสริมนักกีฬาฟุตบอลระดับรากหญ้าทั่วประเทศให้พัฒนาศักยภาพทดแทนนักกีฬาฟุตบอลรุ่นพี่ระดับ “ลีกภูมิภาค” หรือ “บอลดิวิชั่น 2” และสามารถก้าวสู่ระดับ “บอลดิวิชั่น 1” รวมถึงระดับ “ไทยพรีเมียร์ลีก” ต่อไป
“โครงการส่งเสริมและพัฒนากีฬาฟุตบอลสู่การอาชีพ นับเป็นการวางรากฐานครั้งสำคัญของฟุตบอลอาชีพของไทย นอกจากนี้ยังสามารถสร้างอาชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ อาชีพผู้ตัดสิน ผู้ฝึกสอน และเจ้าหน้าที่ประจำสนาม ซึ่งอาชีพฟุตบอลถือเป็นหนึ่งในอาชีพที่โครงการต้นกล้าให้ความสำคัญและสนับสนุน อย่างจริงจัง โดยพิจารณาให้ความสนับสนุนด้านงบประมาณถึง 99 ล้านบาท” รองนายกฯ กล่าว
สำหรับโครงการส่งเสริมและพัฒนากีฬาฟุตบอลสู่การอาชีพ ประกอบด้วยหลักสูตรการอบรม 2 ขั้นตอน คือ การฝึกอบรมขั้นพื้นฐานเพื่อปรับฐานความรู้ด้านทฤษฎีและปฏิบัติ และการฝึกอบรมด้านปฏิบัติภายใต้การกำกับดูแลของสโมสรฟุตบอลทั่วประเทศทั้ง 53 สโมสร ส่วนระยะเวลาของการอบรมจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ประกอบด้วย ระยะแรก 1-20 วัน เป็นการให้ความรู้ด้านกีฬาฟุตบอลขั้นพื้นฐาน ช่วงที่ 2 ระยะ 21-40 วัน เป็นการอบรมภาคทฤษฎีและรายละเอียดด้านการแข่งขัน รวมถึงการลงฝึกภาคสนาม เน้นเกมรุกและรับ และช่วงที่ 3 ระยะ 41-60 วัน เป็นการอบรมเรื่องการตัดสิน และแนวทางปฏิบัติของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการต้นกล้าอาชีพในช่วงที่ผ่านมาว่า ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย โดย ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2552 มีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการฯ รวมทั้งสิ้น 634,244 คน แบ่งเป็น ต้นกล้าปกติ 493,651 คน ต้นกล้าพิเศษ 65,279 คน และชะลอเลิกจ้าง 75,314 คน สามารถสร้างงานให้ประชาชนได้แล้วกว่า 281,412 คน และส่งผลให้จำนวนผู้ว่างงานในเดือนสิงหาคม 2552 ที่ผ่านมา ลดลงเหลือเพียง 446,300 คน เท่ากับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว และลดลงจากช่วงวิกฤติรุนแรงที่มีผู้ว่างงานสูงถึง 878,900 คน
“หนึ่งในดัชนีชี้วัดความสำเร็จของโครงการฯ คืออัตราการว่างงานภายในประเทศลดลง อันเนื่องมาจากการประกอบอาชีพอิสระ โดยผู้ที่เข้ารับการอบรมตามโครงการฯ บางส่วนได้งานทำแล้ว และบางส่วนได้นำความรู้ไปประกอบอาชีพจริง นอกจากนี้ผู้รับการอบรมหลายรายยังประสบความสำเร็จด้านการส่งออก เช่น ธุรกิจเลี้ยงผึ้งจิ๋ว ซึ่งกลุ่มที่ประสบความสำเร็จนี้ ทางโครงการฯ จะจัดให้เป็นต้นกล้าอาชีพต้นแบบ” รองนายกฯ กล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. สายด่วน 1111 ฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการต้นกล้าอาชีพ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit