“มุมนมแม่” ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด

09 Oct 2009

กรุงเทพฯ--9 ต.ค.--ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นธนาคารแห่งแรกในประเทศไทย ที่มีการจัดตั้ง “มุมนมแม่ในสถานประกอบการ” ขึ้น เพื่อสนับสนุนให้พนักงานหญิงที่กำลังตั้งครรภ์และเพิ่งคลอดบุตรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างต่อเนื่อง โดยมีตัวเลขของพนักงานที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียว 6 เดือนสูงถึงร้อยละ 68 จนได้รับคัดเลือกจาก “ศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย” ให้เป็นสถานประกอบการต้นแบบ ที่ได้มีการขยายผลการดำเนินงานออกไปสู่ธนาคารต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ

นับเป็นพระกรุณาธิคุณที่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประทานพระวโรกาสเสด็จไปทอดพระเนตรการดำเนินงาน “มุมนมแม่” ของ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ในวันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552 เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับพนักงานหญิงที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และที่กำลังวางแผนจะมีบุตรในอนาคต ให้สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างต่อเนื่อง อันจะนำไปสู่ความมั่นคงเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวและของประเทศ

นายเอ็ด สารสาส รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารกลาง และบริหารทรัพย์สิน ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดได้ให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว และส่งเสริมให้พนักงานสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตครอบครัว ภายใต้นโยบายในการให้ความเท่าเทียมและเสมอภาคต่อสตรีในการทำงานและจัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสมที่จะเอื้อให้ผู้หญิงในที่ทำงานสามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่ จึงได้จัดให้มี “ห้องคุณแม่” ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2549 เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พนักงานที่กลับมาทำงานภายหลังคลอดบุตร แต่ยังต้องการที่จะให้นมลูกต่อ ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นที่ทางธนาคารฯ ได้สานต่อและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 3 ปี เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างรากฐานสายใยรักแห่งครอบครัว สมดังคำขวัญพระราชทานของโครงการสายใยรักแห่งครอบครัวที่ว่า “นมแม่คือหยดแรกของสายใยรักแห่งครอบครัว”

“ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดในประเทศไทย ถือว่าเป็นประเทศแรกในกลุ่มธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดทั่วโลกที่มีมุมนมแม่ในสถานประกอบกิจการให้กับพนักงานและเป็นประเทศตัวอย่างที่ริเริ่มจัดทำมุมนมแม่ให้กับธนาคารฯ ในประเทศอื่นๆทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้พนักงานที่เป็นคุณแม่ได้ทำงานอย่างมีความสุข ปราศจากความกังวลใจ และเพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานลาออก ซึ่งธนาคารฯ เชื่อว่าถ้าพนักงานมีสุขภาพจิตที่ดี จะส่งผลให้ผลประกอบกิจการของธนาคารฯ ดีไปด้วย นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมสร้างความรักและความอบอุ่นของครอบครัว ส่งผลให้เด็กมีสุขภาพที่แข็งแรง และมีสุขภาพจิตที่ดี” นายเอ็ดกล่าว

โดยนับตั้งแต่มีการตั้ง “ห้องคุณแม่” ขึ้นมา ปัจจุบันมีพนักงานหญิงจำนวนทั้งสิ้น 81 คนที่เข้ามาใช้บริการ โดยมีสถิติของพนักงานหญิงที่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้นานที่สุดถึง 12 เดือน 5 คน และระหว่าง 6-11 เดือน 55 คน เลี้ยงลูกด้วยนมแม่น้อยที่สุด 5 เดือน จำนวน 21 คน ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นจากการมีนโยบายและการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูงที่ชัดเจนในการใช้เวลางานไปปั้มนมให้ลูก รวมถึงความเข้าใจของพนักงานทุกคนในองค์กร

แพทย์หญิงยุพยง แห่งเชาวนิช เลขาธิการศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่ารู้สึกประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อทราบว่า ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ได้จัด “ห้องคุณแม่” เพื่อให้พนักงานที่เป็นแม่มาปั๊มเก็บน้ำนมไว้ให้ลูก ทางศูนย์นมแม่ฯ จึงได้มาขอเยี่ยมชม และได้เล่าถึงให้ผู้บริหารของธนาคารฯ ทราบถึงพระปณิธานของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร อันเนื่องมาจาก ”โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว” และพระดำริเรื่องแม่ทำงานที่ทรงสนับสนุนให้มีโอกาสเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ต่อเนื่อง โดยหน่วยงานต่างๆ ที่สามารถสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้โดยทางใดทางหนึ่งก็น่าจะร่วมมือช่วยกัน อันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งหน่วยงานและแม่ทำงานด้วย ทางผู้บริหารของธนาคารฯ จึงได้น้อมนำพระดำริมาดำเนินการ และตระหนักถึงคุณประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จึงได้พัฒนา “ห้องคุณแม่” หรือที่เรียกกันว่า “มุมนมแม่” ให้เป็นมาตรฐาน นอกจากนั้นยังได้ให้คำแนะนำกับศูนย์นมแม่ฯ ในการขยายผลไปยังธนาคารต่างๆ ในระดับประเทศ รวมถึงให้คำแนะนำและวิธีการดำเนินงานจนทำให้ธนาคารหลายๆ แห่งสามารถจัดตั้งมุมนมแม่ ได้สำเร็จ

“ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นธนาคารแห่งแรกของประเทศไทยที่เป็น มุมนมแม่ต้นแบบ เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับธนาคารและหน่วยงานต่างๆ สิ่งที่สำคัญที่ได้นำมาใช้เป็นแบบอย่างทั่วประเทศก็คือ การเก็บสถิติ เวลาที่ใช้ในการบีบน้ำนม และปริมาณของน้ำนมของแม่แต่ละคนที่มาใช้บริการ ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการส่งเสริมให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ยืนยาวขึ้น จากการเรียนรู้ร่วมกันในเรื่องวิธีการทำให้มีน้ำนมเพียงพอและวิธีการบีบเก็บน้ำนม” แพทย์หญิงยุพยงระบุ

โดยความสำเร็จของการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของพนักงานหญิงของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด สามารถวัดได้จากอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนสูงถึงร้อยละ 68 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของประเทศคือร้อยละ 25 อันเป็นผลมาจากการที่ผู้บริหารขององค์กรให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง มีนโยบายที่ชัดเจน มีทีมงานที่รับผิดชอบและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีคุณแม่ที่เห็นความสำคัญและคุณค่าของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

“ผลสำเร็จจากมุมนมแม่แห่งนี้จะได้เป็นตัวอย่างแก่กลุ่มธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ทั่วโลก ซึ่งเป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศไทยที่ให้ความสำคัญในการจัดสวัสดิการสำหรับแม่ทำงานตามแนวทางขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ International Labors Organization) อีกทางหนึ่ง” เลขาธิการศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทยกล่าวสรุป.

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net