ภาวะตลาดและแนวโน้มราคาทองคำแท่ง ประจำวันที่ 15 ต.ค.52 โดยวายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล

15 Oct 2009

กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--วีม คอมมูนิเคชั่น

ประเด็นสำคัญในการลงทุนทองคำแท่ง (Gold SPOT)

  • ปัจจัยสำคัญด้านพื้นฐาน – วันนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มทรงตัวและอาจปิดบวกได้ หลังผลกำไรรายไตรมาสที่เพิ่มขึ้นของเจพีมอร์แกน เชส ได้หนุนความเชื่อมั่นตลาด และกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินและสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐยังคงอยู่ใกล้ 0% อีกนาน แต่ธนาคารกลางประเทศอื่นๆ เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตามเศรษฐกิจที่กระเตื้องขึ้น ก็จะลดความน่าดึงดูดใจของดอลลาร์ต่อไป (ดูข่าวสารสำคัญเพื่อการลงทุนในหน้าถัดไป)
  • กรอบการเคลื่อนไหวเชิงเทคนิคราคาทองคำแท่ง (Gold SPOT)

Source : Bisnews (Daily)

Source : Bisnews (30 Min)

  • ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะสั้น – Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะสั้นเป็นขาขึ้น, MACD 30 นาทีเคลื่อนอยู่ในแดนลบทว่าได้ตัดเส้น Trigger จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDF 30 เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกทำให้ดูราคาเป็นบวก, Fast Stochastic เคลื่อนตัวขึ้น ทำให้ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น, RSI 30 นาทีอยู่ที่ระดับ 64.67 ถือเป็นระดับ Neutral และทำให้ดูว่าตลาดระยะสั้นยังขาดทิศทางที่ชัดเจน, ทิศทางตลาดระยะสั้นดูเป็น Bull, แนวรับแนวต้านของวันอยู่ที่ $1,055 - $1,070 ค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ที่ระดับ ฿33.21 - ฿33.47
  • ปัจจัยสำคัญด้านเทคนิคระยะกลาง – Directional Indices บ่งบอกว่าตลาดระยะกลางเป็นขาขึ้น, RSI อยู่ที่ระดับ 78.47 ถือเป็นระดับ overbought และทำให้ดูว่าราคามีโอกาสปรับตัวลง, MACD เคลื่อนตัวอยู่ในแดนบวกและได้ตัดเส้น Signal จากด้านล่างทำให้ดูราคาเป็นบวก, MACDFเคลื่อนอยู่ในแดนบวก ทำให้ดูทิศทางเป็นบวก, Fast-Stochastic เคลื่อนตัวอยู่เหนือเส้น Trigger และกำลังเคลื่อนตัวลงทำให้ ราคามีโอกาสจะกลับตัวลง ทิศทางตลาดระยะกลางเป็นตลาด Bull โดยจะใช้แนวต้านที่ $1,092 เป็นแนวต้านระยะกลางที่สำคัญ ส่วนแนวรับระดับกลางอยู่ที่ $1,020 และ $985 ตามลำดับ

ตาราง 3 : แนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ

Source: YLG’s estimations

พิจารณาตารางที่ 3 และกราฟด้านซ้ายมือ พบว่าราคาทองคำแท่งที่ร้านค้าปลีกปิดล่าสุด (เส้นสีแดง = 16,750 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคาทองคำแท่ง (SPOT) ในตลาดโลกเช้านี้ (เส้นสีน้ำเงิน = 16,890 หรือที่ $1,064.35) แสดงถึงราคาทองคำแท่ง ณ. หน้าร้านขายปลีก มีส่วนลดจากราคาในตลาดโลก อยู่ 140 บาท ขณะที่ราคาของ GFV09 เมื่อวานนี้ปิดตลาดอยู่ที่ 16,820 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาในตลาดโลกเท่ากับ 70 บาท ซึ่งเท่ากับว่า GFV09 มีส่วนลดน้อยกว่าที่ร้านค้าปลีก ดังนั้น การซื้อ (Long) ทองแท่งที่ร้านทองแล้วมาเปิดสถานะขาย (Short) GFV09 จะทำให้มีส่วนต่างของกำไรที่คาดหวัง อยู่ที่ 140-70 = 70 บาทต่อทองคำแท่ง 1 บาท ซึ่งยังคงไม่คุ้มค่ากับค่าคอมมิชชั่น (ประมาณ 120 บาทต่อ 1 บาททอง) และดอกเบี้ยอีกราว 15 บาท ในการหากำไรจากส่วนต่างราคาได้ในวันนี้

ข่าวสารสำคัญเพื่อประกอบการลงทุน

ปัจจัยบวก

  • ผลประกอบการไตรมาส 3/09 ของสหรัฐ - เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคเปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งหนุนความหวังว่าธนาคารรายใหญ่อื่นๆในตลาดหุ้นสหรัฐจะรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเช่นกันในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นเจพีมอร์แกนพุ่ง +3.3% และดัชนี S&P หุ้นกลุ่มการเงินพุ่ง +3.4%
  • ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ – เมื่อคืนนี้

1. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยราคานำเข้าเพิ่มขึ้น +0.1% ในเดือนก.ย. น้อยกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าว่าราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้น +0.2% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +2.0% ในเดือนส.ค. หลังราคาปิโตรเลียมนำเข้าลดลง ซึ่งทำให้ราคานำเข้าโดยรวมต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ส่วนราคาส่งออกลดลง -0.3% ในเดือนก.ย. สวนกับที่คาดไว้ว่าราคาส่งออกจะเพิ่มขึ้น +0.1% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.7% ในเดือนส.ค.

2. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกลดลงน้อยกว่าคาด -1.5% ในเดือนก.ย.ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. หลังพุ่งขึ้น +2.2% ในเดือนส.ค.

3. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจลดลงเกินคาด -1.5% ในเดือนส.ค. ขณะที่ดีลเลอร์รถยนต์ปรับลดจำนวนสต็อกลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2001

4. API เผยตัวเลขปริมาณสำรองน้ำมันดิบลดลง -0.172 ล้านบาร์เรล สวนทางกับก่อนหน้าที่ตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น +0.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินลดลง -2.7 ล้านบาร์เรลและปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น +0.219 ล้านบาร์เรล

  • ค่าเงินดอลลาร์ – ดอลลาร์ปิดอ่อนค่าลง +$0.0076 เมื่อเทียบเงินยูโร มาที่ $1.4932 จากที่ปิด $1.4856 เมื่อวันก่อนหน้า หลังผลประกอบการไตรมาส 3/09 ที่ออกมาดี + ตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใสและอัตราดอกเบี้ยสหรัฐยังคงอยู่ใกล้ 0% ได้กระตุ้นนัลงทุนให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเพิ่มขึ้น ส่วนเช้านี้ดอลลาร์อ่อนค่าลงอีก +$0.0007 มาที่ $1.4939
  • ราคาน้ำมันดิบ – ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. พุ่งขึ้น +$1.03 มาที่ $75.18 ต่อบาร์เรล จากที่ปิด $74.15 ต่อบาร์เรลเมื่อวันก่อนหน้า หลังบริษัทชั้นนำได้รายงานว่ามีผลกำไรเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความหวังว่าอุปสงค์น้ำมันจะดีขึ้น + ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอีก ขณะที่เช้านี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน พ.ย. ขยับขึ้นอีก +$0.67 มาอยู่ที่ $75.85 ต่อบาร์เรล หลัง API รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบร่วงลงเล็กน้อยราว -0.172 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดไว้ก่อนหน้าว่าจะเพิ่มขึ้นราว +0.7 ล้านบาร์เรล
  • ค่าเงินบาท – ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง +8 สต. มาปิดที่ 33.34 บาท จากที่ปิด 33.26 บาทเมื่อวันก่อนหน้า หลังแกว่งตัวค่อนข้างมาก โดยแข็งค่าขึ้นไปช่วงเช้า ก่อนที่ในช่วงบ่ายจะอ่อนค่าลงมา จากการร่วงลงแรงของตลาดหุ้น โดยนักลงทุนต่างชาติได้ขายหุ้นออกมามากถึงเกือบ 4 พันล้านบาท ขณะที่เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลงอีก +3 สต. มาที่ 33.37 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีแนวรับสำคัญที่ 33.21 บาทและ 33.07 บาทตามลำดับ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 33.47 บาทและ 33.59 บาท

ปัจจัยลบ

  • ตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐ – หลังจากที่ FED ได้ตั้งใจจะซื้อหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ (agency) เป็นมูลค่าราว 1.25 ล้านล้านดอลลาร์ และซื้อตราสารหนี้ของ agency ราว 2 แสนล้านดอลลาร์ก่อนสิ้นเดือนมี.ค.2010 นายเฮนรี คอฟแมน นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง กล่าวว่า เมื่อ FED เริ่มต้นขาย (MBS) ที่ได้เข้าซื้อไว้ในช่วงที่เกิดวิกฤติการเงิน ก็จะส่งผลบวกต่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดจำนอง ซึ่งสิ่งนี้จะสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลสหรัฐและอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย

ปัจจัยที่ต้องเฝ้าติดตาม

  • ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ – คืนนี้

1. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. เวลา 19.30 น. โดยผลสำรวจคาดว่าดัชนี CPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น +0.1% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.4% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนี CPI ทั่วไปจะลดลง -1.4% ในเดือนก.ย.ปีนี้ เทียบกับที่ลดลง -1.5% ในเดือนก.ย.ปีที่ผ่านมา ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น +0.1% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น +0.1% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานจะเพิ่มขึ้น +1.4% ในเดือนก.ย.ปีนี้ เท่ากับที่เพิ่มขึ้น +1.4% ในเดือนก.ย.ปีที่ผ่านมา

2. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์คจะเปิดเผยผลสำรวจภาคการผลิต (Empire State Index) เดือนต.ค. เวลา 19.30 น.โดยผลสำรวจคาดว่า ดัชนีภาคการผลิตจะอยู่ที่ระดับ 17.50 ในเดือนต.ค. ลดลงจากระดับ 18.88 ในเดือนก.ย.

3. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ เวลา 19.30 น. โดยผลสำรวจคาดว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 10 ต.ค.จะอยู่ที่ 5.20 แสนราย ลดลงจาก 5.21 แสนรายในสัปดาห์ก่อนหน้า

4. ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขาฟิลาเดลเฟียจะเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนต.ค. เวลา 21.00 น. โดยผลสำรวจคาดว่า ดัชนีแนวโน้มธุรกิจจะอยู่ที่ระดับ 12.5 ในเดือนต.ค. ลดลงจาก 14.1 ในเดือน ก.ย.

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลปริมาณสำรองน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 ต.ค. เวลา 21.30 น. โดยผลสำรวจคาดว่า

5. ปริมาณสำรองน้ำมันดิบอาจเพิ่มขึ้น +0.7 ล้านบาร์เรล ส่วนปริมาณสำรองน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น +0.1 ล้านบาร์เรลและปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินอาจเพิ่มขึ้น +0.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง -0.3%

  • ผลประกอบการไตรมาส 3/09 ของสหรัฐ – สัปดาห์นี้

1. โกลด์แมน แซคส์และไอบีเอ็มในวันนี้ 2. แบงก์ ออฟ อเมริกา และเจเนอรัล อิเล็กทริกในวันพรุ่งนี้

  • กองทุนทองคำ – กองทุนทองคำ SPDR ได้รายงานการเข้าถือทองคำถึง ณ. 14 ต.ค.52 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า รวมถือทองคำไว้ทั้งสิ้น 1,109.31 ตัน เทียบเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.78 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35.66 ล้านออนซ์

ปฏิทินการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ

Source : Bloomberg

ข้อมูลจาก YLG ศูนย์รับซื้อ-ขายทองคำแท่ง มาตรฐาน LBMA 653/14 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ปากซอย 9) แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120 Tel: 0-2287-1155, 0-2677-5520 Fax: 0-2677-5512 www.ylgbullion.com

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net