“ลอตเต้” ทุ่ม 1,000 ล้าน! ขยายฐานผลิต เปิดโรงงานผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตแสน็ค “ลอตเต้ โคอะลา มาร์ช” ในไทย

30 Jun 2009

กรุงเทพฯ--30 มิ.ย.--โพลีพลัส พีอาร์

ช่วงนี้วิกฤติเศรษฐกิจยังคงรุนแรง สร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลก จนนักลงทุนในหลายๆ ประเทศพากันขยาดและไม่กล้าขยับขยายธุรกิจเพิ่มเติม แต่สำหรับยักษ์ใหญ่ผู้นำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนแฟคชั่นนารี (Confectionary) ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง บริษัท ลอตเต้ จำกัด กลับมองเห็นช่องทางการสร้างเม็ดเงินมูลค่ามหาศาล จึงเปลี่ยนวิกฤติให้กลายเป็นโอกาส ย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครในประเทศไทย โดยมอบหมายให้ บริษัท ไทย ลอตเต้ จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบโปรเจ็คท์สร้างอาณาจักรผลิตขนมขบเคี้ยวที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยมาตรฐานเดียวกับญี่ปุ่น ด้วยงบประมาณในการลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท และใช้เป็นศูนย์กลางสำคัญในการกระจายช่องทางการจัดหน่ายไปทั่วพื้นที่แถบตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โรงงานลอตเต้แห่งล่าสุดในไทยมีขนาดพื้นที่กว้างขวางถึง 60 ไร่ โดยจะทำการผลิตผลิตภัณฑ์ไลน์แรกคือ ช็อคโกแลตแสน็คสอดไส้ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทุกวัยทั่วโลก ภายใต้ตราสินค้า “ลอตเต้ โคอะลา มาร์ช” (Lotte Koala’s March) ทั้งรสช็อกโกแลตและสตรอว์เบอร์รี โดยจะเน้นใช้วัตถุดิบคุณภาพภายในประเทศไทย อาทิ น้ำตาล แป้ง นม เป็นต้น ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตลดลงประมาณ 60% จากต้นทุนเดิม ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มการผลิตได้อีก 4 เท่าตัว และยังส่งผลประโยชน์ในทางอ้อมให้เกษตรกรไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งบรรเทาปัญหาการว่างงาน มีการว่าจ้างแรงงานไทย ทำให้คนไทยมีงานทำเพิ่มขึ้นอีกด้วย

มร. ฮิโรยูกิ ชิเกมิทสึ (Mr. Hiroyuki Shigemitsu) รองประธานกรรมการ บริษัท ลอตเต้ จำกัด กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจว่า “บริษัท ลอตเต้ จำกัด คือผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ขนมประเภทช็อกโกแลตแสน็ค หมากฝรั่ง ลูกอม ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ภายใต้แบรนด์ ‘ลอตเต้’ โดยในปีนี้เรามีนโยบายเพิ่มกำลังผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ได้อย่างแท้จริง ซึ่งไม่เพียงแต่ขยายโรงงานในญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลีเท่านั้น แต่ยังกระจายการลงทุนไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่เป็นฐานการผลิตแห่งล่าสุด เหตุผลสำคัญที่ทางลอตเต้ตัดสินใจขยายฐานการผลิตมาลงทุนในไทยนั้น เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้า ศักยภาพการส่งออกไปยังตลาดอาเซียนและตะวันออกกลางมีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง และระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานก็สามารถรองรับได้อย่างครบครัน จุดแข็งอันโดดเด่นเหล่านี้ทำให้ลอตเต้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการส่งออกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ดี รวมถึงสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ ‘ลอตเต้’ ที่มีคุณภาพและมาตรฐานเดียวกับประเทศญี่ปุ่นได้อย่างแน่นอน”

สำหรับกระบวนการผลิตเริ่มต้นจากการผสมแป้งบิสกิตสูตรเฉพาะของ ลอตเต้ โคอะลา มาร์ช ขึ้นรูปแป้งด้วยการนวดแป้งให้ได้ขนาด พิมพ์ลวดลายหมีโคอะลาในอิริยาบถน่ารักแตกต่างกันไป ตัดเป็นชิ้นแล้วส่งเข้าเตาอบให้พองตัว จากนั้นฉีดไส้ช็อกโกแลตหรือสตรอว์เบอร์รีเข้าไป และผ่านอุโมงค์ทำความเย็น สุดท้ายบรรจุหีบห่อเพื่อจัดจำหน่ายต่อไป ซึ่งทางบริษัทฯ ได้เตรียมแผนการตลาดในการเปิดตัว ลอตเต้ โคอะลา มาร์ช ประมาณ 50 ล้านบาท

มร. ทาคาฮารุ ไซโตะ (Mr. Takaharu Saito) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยลอตเต้ จำกัด กล่าวว่า “โรงงานลอตเต้แห่งใหม่นี้ลงทุนไปกว่า 1,000 ล้านบาท สามารถผลิตช็อกโกแลตแสน็ค ‘ลอตเต้ โคอะลา มาร์ช’ รสช็อกโกแลตและรสสตรอว์เบอร์รีได้ปีละ 1,500 ตัน ซึ่งมีอัตราการขายในประเทศ 60% และส่งออกไปยังต่างประเทศ 40% โดยใช้เครื่องจักรพิเศษจากประเทศญี่ปุ่นที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อผลิตช็อกโกแลตสสน็ครูปหมีและกล่องงรจุภัณฑ์รูปหกเหลี่ยมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ขนาดเท่ากันทุกชิ้น และสามารถพิมพ์ลวดลายหมีโคอะลาได้แตกต่างกันใน 125 แบบ (พิเศษสำหรับประเทศไทย ได้จัดทำแบบ หมีโคอะลา แต่งชุดไทยด้วย) ซึ่งทุกขั้นตอนจะใช้เครื่องจักรทั้งหมด โดยมีพนักงานจำนวนหนึ่งคอยควบคุมการทำงานของเครื่องเท่านั้น”

บริษัท ลอตเต้ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น มีนโยบายมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศไทย ดังนั้นระบบการขายและจัดจำหน่ายจึงถือเป็นรากฐานสำคัญในการสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว โดยในการที่จะประสบความสำเร็จตามแผนที่ได้วางไว้นั้น ทางลอตเต้ได้เลือกที่จะทำงานกับบรรดาผู้ค้าอย่างใกล้ชิด ร่วมกันพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และนำองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งในอนาคตลอตเต้มีแผนเพิ่มการผลิตและนำเข้าสินค้าอีกหลากหลายประเภท ซึ่งต่อไปจะไม่ได้มีเพียงผลิตภัณฑ์หมากฝรั่งและบิสกิตเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าอีกหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์คอนแฟคชั่นนารี (Confectionary) ในประเทศไทยและแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่นเดียวกับที่ประเทศญี่ปุ่น

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท โพลีพลัส พีอาร์ จำกัด 02-572-4444 ต่อ 352,354

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net