กรุงเทพฯ--27 ก.ค.--ไมเร็กซ์
ไมเร็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ขยายการผลิตรุกตลาดต้นปี เน้นกลุ่มเป้าหมายใหม่ พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้ในการผลิตหวังสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง มั่นใจผลกำไรครึ่งปีหลังมากกว่า 15%
Mr.Joseph K.C. LO.(นายโจเซฟ เคซี โลว์) ผู้จัดการทั่วไป ได้กล่าวว่า บริษัท ไมเร็กซ์ (ประเทศไทย)จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องครัวภายใต้แบรนด์สินค้า Anolon, Circulon, Prestige, SilverStone, และ Meyer นั้นอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ Meyer Group ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องครัวชั้นนำระดับโลก โดยสำหรับประเทศไทยนั้นเราถือว่าเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในเครือของ Meyer Group ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี และในปีนี้เราได้ทุ่มงบการตลาดกว่า 15 ล้านบาท เพื่อมาใช้ในกิจกรรมส่งเสริมการตลาดโดย ใช้กลยุทธ์ ทั้งการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ พร้อมทั้งกิจกรรมการตลาด ณ จุดส่งเสริมการขาย รวมทั้งสัมมนาเชิงปฎิบัติการ (work shop) อีกด้วย
สำหรับในตลาดผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องครัวนั้นเราถือว่าเป็นผู้นำทางด้านเครื่องครัวเคลือบผิวลื่นนอนสติ๊ก ทั้งแบบอลูมิเนียมธรรมดา, อลูมิเนียมเคลือบแข็ง และสแตนเลสสตีล ซึ่งลินค้าทั้ง 5 แบรนด์ของเราก็มีการวางตำแหน่งทางการตลาดด้วยจุดเด่นที่แตกต่างกัน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของทุกกลุ่มเป้าหมาย
โดยกลุ่มไฮเอนด์จะประกอบไปด้วยแบรนด์ Circulon และAnolon ที่ผลิตจากอลูมิเนียมนอนสติ๊กเคลือบแข็ง ผ่านกระบวนการ Hard Anodized ทำให้มีความแข็งแรง ทนทานกว่าสแตนเลสสตีลถึง 2 เท่า กลุ่มที่หลงไหลในดีไซน์มันวาวของสแตนเลสสตีล พร้อมอุปกรณ์การทำครัวที่ครบครัน คือ แบรนด์ Prestige กลุ่มที่เน้นความสนุกสนาน ด้วยสีสันจี๊ดจ๊าดของเครื่องครัวที่มีให้เลือกมากมาย ก็ต้องเป็น แบรนด์ SilverStone และแบรนด์สุดท้ายที่เน้นความคุ้มค่า ด้วยคุณภาพและราคาไม่สูง ให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้อย่างง่ายดาย คือ Meyer ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ในแต่ละประเภทสามารถครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม ทั้งในด้านราคาและไลฟสไตล์การใช้ชีวิต โดยราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 399 ถึง 3,950 บาท
นายโจเซฟ ได้กล่าวเสริมอีกว่า ด้วยความพร้อมในการผลิต เทคโนโลยีในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ และความหลากหลายของตัวสินค้า ทางไมเร็กซ์มั่นใจว่าจะสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้อย่างแน่นอน
สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายนั้น เราได้มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่สามารถกระจายไปสู่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง อาทิ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป เซ็นทรัล สยามพารากอน เอ็มโพเรียม เดอะมอลล์ โรบินสัน อินเด็กซ์ และ โฮมเวิร์ค รวมถึงไฮเปอร์มาร์เก็ตที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศอย่าง แม็คโคร บิ๊กซี คาร์ฟู โลตัส จะสามารถครอบคลุมได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางนี้ทำให้กลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นกว่า 30% และเรามั่นใจว่าจากผลตอบรับในไตรมาสแรกจะสามรถเพิ่มผลกำไรให้กับบริษัท ได้มากว่า 15% นายโจเซฟ กล่าว
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit