กรุงเทพฯ--25 พ.ค.--เวิรฟ
กลุ่มบริษัท สยามยีเอส แบตเตอรี่ จำกัด ผู้นำนวัตกรรมแบตเตอรี่ของประเทศไทย เผยประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจพร้อมวางแผนรับมือเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การดำเนินงานในปี 2551 เป็นไปตามเป้าหมาย ด้วยรายได้กว่า 7,780 ล้านบาท ครึ่งปีหลัง 2552 ลุยเจาะตลาดแบตเตอรี่ทดแทนที่มีโอกาสเติบโตอีกมาก ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 40% ภายใน 3 ปี พร้อมเสริมทัพด้วยกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านดีลเลอร์ และกลุ่มผู้บริโภค ตามติดด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมแบตเตอรี่ คาดการณ์ตัวเลขรายได้รวม 6,800 ล้านบาท สอดรับกับสถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดโดยรวม
นายประกาสิทธิ์ พรประภา กรรมการ บริษัท สยามยีเอส แบตเตอรี่ จำกัด และบริษัท สยามยีเอสเซลส์ จำกัด ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ “ยีเอส แบตเตอรี่” เปิดเผยว่า ยีเอส แบตเตอรี่ ยังคงความเป็นผู้นำในตลาดแบตเตอรี่รถยนต์ โดยในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ติดตามและประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจ และปัจจัยแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมแผนเชิงรุกเพื่อรับมือกับภาวการณ์ต่างๆ ส่งผลให้ตัวเลขผลประกอบการในปี พ.ศ. 2551 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีรายได้รวมประมาณ 7,780 ล้านบาท จากบริษัทในเครือ 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท สยามยีเอส แบตเตอรี่ จำกัด และบริษัท สยามยีเอสเซลล์ จำกัด
“ในปีที่ผ่านมา บริษัท สยาม ยีเอส แบตเตอรี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ให้กับตลาดโรงงาน หรือโออีเอ็ม (OEM) รวมถึงผลิตแบตเตอรี่ทดแทน หรืออาร์อีเอ็ม (REM) ตลอดจนดูแลตลาดส่งออก มีผลประกอบการประมาณ 4,800 ล้านบาท ในขณะที่บริษัท สยามยีเอสเซลส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลรับผิดชอบการจำหน่ายแบตเตอรี่ในตลาดอาร์อีเอ็ม มีผลประกอบการประมาณในปีที่ผ่านมา 2,980 ล้านบาท”
นายประกาสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนกลยุทธ์และนโยบายการตลาด โดยเน้นกิจกรรมเชิงรุกในตลาดรถยนต์ส่วนบุคคล และรถกะบะ รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมการขายในพื้นที่ และนวัตกรรมใหม่ของผลิตภัณฑ์ในแต่ละประเภท เพื่อตอบสนองความต้องการมากขึ้น พร้อมใหห้ความสำคัญในเรื่องการบริหารสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพ การวางแผนจัดการวัตถุดิบที่ดีทันต่อการเปลี่ยนแปลงราคาวัตถุดิบในตลาดโลก และการวางแผนการผลิต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีต่อผลการดำเนินงานทั้งการวางแผนการขายและแผนการตลาด โดยเชื่อมั่นว่าแนวนโยบายดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ รับมือกับสภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกในขณะนี้ได้ และมั่นใจว่าผลประกอบการสามารถเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้คือประมาณ 6,800 ล้านบาท
“ด้านกำลังการผลิตในปัจจุบัน พร้อมรองรับกำลังการผลิตได้ประมาณปีละ 4 ล้านลูก ปัจจุบันทำการผลิตอยู่ที่ 70% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ซึ่งเป็นผลมาจากแผนลงทุนกว่า 100 ล้านบาทในส่วนของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ดำเนินการมาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี พ.ศ. 2550-2551”
นายวิชิต บัวศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามยีเอส แบตเตอรี่ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาอุตสาหกรรมประกอบรถยนต์ทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้การเติบโตของตลาดโออีเอ็มปรับตัวลดลง โดยตลาดโออีเอ็ม มีสัดส่วนยอดขายประมาณ 25% ของยอดขายรวมทั้งหมดของบริษัท ในขณะที่ตลาดอาร์อีเอ็ม ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากจำนวนรถยนต์เก่าที่ยังใช้อยู่ในตลาดไม่ได้ลดลง และยังคงมีความต้องการของตลาดอยู่ ดังนั้นในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นการขยายตลาดแบตเตอรี่ทดแทน และตลาดส่งออกเพิ่มมากขึ้น โดยตลาดส่งออกใช้จุดแข็งในเรื่องของคุณภาพสินค้าที่มีมาตรฐานระดับสากล และมีตลาดหลักรองรับครอบคลุม 4 ประเทศในแถบเอเชีย ได้แก่ พม่า กัมพูชา ลาว และมาเลเซีย ทั้งนี้ ประเทศพม่า เป็นถือเป็นตลาดสำคัญโดยมียอดส่งออกสูงสุด ประมาณ 400 ล้านบาทต่อปี
นายศรันย์ ชินประหัษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามยีเอสเซลส์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับตลาดอาร์อีเอ็ม บริษัทฯ มองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดอาร์อีเอ็ม โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้ได้ 40% ภายใน 3 ปี จากเดิมในปี พ.ศ. 2551 มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 35% ซึ่งจากข้อมูลตลาดเชิงลึก พบว่า การจำหน่ายแบตเตอรี่ประเภท Maintenance Free ในตลาดอาร์อีเอ็ม มีสัดส่วนเพียง 10% จึงได้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ภายใต้คอนเซปต์ “แบตเตอรี่ต้องสดเสมอ เมื่อฉีกฟรอยส์” เพื่อแก้ไขข้อจำกัดของแบตเตอรี่ในด้านการจัดเก็บสินค้า (Shelf Life) ซึ่งต้องมีการเติมประจุไฟฟ้า หากเก็บไว้นานเกิน 3 เดือน พร้อมทั้งนำเสนอในระดับราคาที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองความต้องการ และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับกลุ่มลูกค้าและผู้บริโภค บริษัทฯ ยังได้วิจัยและพัฒนาสินค้าร่วมกับยีเอส ประเทศญี่ปุ่น ในการพัฒนานวัตกรรมแบตเตอรี่ “D-Tech” (Dry-MF Technology) ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมของยีเอส แบตเตอรี่แห่งแรกทั้งในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยวางแผนวางตลาดในช่วงกลางปีนี้”
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ออกแบตเตอรุ่ร่นใหม่ “N70Z High Plus” ด้วยการเพิ่มแผ่นธาตุให้ใหญ่กว่ามาตรฐาน มีคุณสมบัติโดดเด่นด้วยอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ประสิทธิภาพกำลังสตาร์ทของเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น รวมทั้งให้กำลังการจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า
“สำหรับกิจกรรมการตลาด บริษัทฯ เน้นรูปแบบกิจกรรมการตลาดที่เข้าถึงทุกช่องทางการจำหน่าย ซึ่งประกอบด้วยร้านค้าส่งแบตเตอรี่, ร้านจำหน่ายแบตเตอรี่ทั่วประเทศ, ร้านจำหน่ายอะไหล่ทั่วประเทศ, โมเดิร์นเทรด และศูนย์บริการรถยนต์ โดยปัจจุบัน มีร้านจำหน่ายแบรนด์ “ยีเอส” ทั้งสิ้น 250 ร้าน และตั้งเป้าขยายให้ครบ 300 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้ พร้อมกันนี้ ยังวางแผนและดำเนินกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relations Management: CRM) กับกลุ่มดีลเลอร์ เพื่อส่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยดีเลอร์ที่มีศักยภาพในการขายจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย เพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนให้ดีลเลอร์พัฒนาการขายและขยายกลุ่มเป้าหมายของตลาดในพื้นที่ เช่น กิจกรรมและการส่งเสริมการขายบริเวณร้านค้า การจัดทริปสัมมนาให้ความรู้ผลิตภัณฑ์ใหม่และบริการในรูปแบบต่างๆ ส่วนผู้บริโภคที่ใช้แบตเตอรี่ (End-user) บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการดูแลรักษาแบตเตอรี่และเครื่องยนต์ อาทิ กิจกรรมตรวจเช็คแบตเตอรี ฟรี! ในช่วงเทศกาลต่างๆ หรือโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ของ “ยีเอส” ที่มีนวัตกรรมผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง และได้มาตรฐานสากล”
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: เวิรฟ พับบลิค รีเลชั่นส์ คอนซัลแตนท์ซี
ประสิทธิ์ กฤษฎาอริยชน (บ๊อบ) โทร. 02-204-8216 พรรณราย ทวีโชติกิจเจริญ (อ๋า) โทร. 02-204-8212
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit