กรุงเทพฯ--8 มิ.ย.--กทม.
กทม. ร่วมกับหลายหน่วยงานเดินหน้าพัฒนาหลักสูตรโลกหมุนได้ด้วยมือฉัน หวังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับวัยรุ่น ในโรงเรียนขยายโอกาสสังกัดกทม. ให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจก่อนเข้าช่วงวัยทีน
นายทวีศักดิ์ เดชเดโช รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าว โครงการเสริมทักษะชีวิตสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมต้น หลักสูตร “โลกหมุนได้ด้วยมือฉัน” โดยมี ศ.เกียรติคุณ พญ.เพ็ญศรี พิชัยสนิธ ประธานคณะกรรมการบริหารสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และประธานที่ปรึกษาโครงการ “โลกหมุนได้ด้วยมือฉัน” ร่วมแถลง ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม.
กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ World Population Foundation สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ และสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ร่วมกันจัดทำโครงการเสริมสร้างทักษะชีวิตสำหรับนักเรียนมัธยมต้นขึ้น เนื่องจากสภาวะการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และสังคม ทำให้วิถีชีวิตของคนในสังคมเปลี่ยนไปอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชน ซึ่งอาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว หากเด็กไม่ได้รับการดูแลจากครอบครัวอย่างเต็มที่จะทำให้เกิดปัญหาการมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมทางเพศ รวมทั้งปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรด้วย ดังนั้นการสอนทักษะชีวิตในโรงเรียน จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้เด็กซึ่งอยู่ในช่วงรอยต่อระหว่างความเป็นเด็กกับผู้ใหญ่ได้รู้เท่าทันสภาพความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ และรอดพ้นจากปัญหาทางเพศ เอดส์และการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร
ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายของโครงการคือนักเรียนชั้น ม.1 หรือ ม.2 โดยโรงเรียนที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการจะคัดเลือกอาจารย์ที่สอนเพศศึกษา สุขศึกษา อาจารย์แนะแนว หรืออาจารย์ที่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษานักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาสในสังกัดกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมอบรมและจัดทำแผนการสอน เพื่อพัฒนาวิธีการเรียนการสอนหลักสูตรเพศศึกษา หรือหลักสูตร “โลกหมุนได้ด้วยมือฉัน” ในโรงเรียน ให้น่าสนใจ เกิดการเรียนรู้ที่เหมาะสม และได้ทักษะเรื่องเพศศึกษาที่ครอบคลุม สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้พยายามอย่างยิ่งที่จะสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการเรียนรู้และเสริมสร้างทักษะชีวิตให้แก่วัยรุ่น โดยโรงเรียนในสังกัดกทม. ก็เป็นหนึ่งในพื้นที่นั้น ซึ่งในขณะนี้โรงเรียนขยายโอกาสในสังกัดกทม. ได้ดำเนินโครงการนี้ไปแล้ว 46 แห่ง และอีก 54 แห่งจะเริ่มดำเนินการในปี 52 นี้ โดยคาดว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถส่งเสริมให้เด็กได้ตระหนักในความรับผิดชอบ และตระหนักในพลังของตนเองในฐานะวัยรุ่น ที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทางที่ดีขึ้นได้
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit