บทสัมภาษณ์ "พิง ลำพระเพลิง พระเอกและผู้กำกับ จาก ฝันโคตรโคตร"

01 Sep 2009

กรุงเทพฯ--1 ก.ย.--สหมงคลฟิล์ม

บทสัมภาษณ์ พิง-ลำพระเพลิง กับการคัมแบ๊คครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต กับภาพยนตร์เลิฟเลิฟน่าหยิกระหว่างชายหญิงผู้มีความรักและความฝันที่สวนทางกัน คนหนึ่งฝันที่จะรัก...อีกคนรักที่จะฝัน กับผลงานกำกับลำดับที่ 3 ใน “ฝันโคตรโคตร”

Q ทักทายกันก่อน

สวัสดีครับชื่อ พิง ลำพระเพลิงนะครับ เป็นผู้กำกับเป็นคนเขียนบทภาพยนตร์เรื่องฝันโครตรโคตร นอกจากนี้ก็ยังรับหน้าที่เป็นนักแสดงนำฝ่ายชายด้วยครับ

Q ที่มาที่ไปแรงบันดาลใจของฝันโคตรโคตร

สำหรับภาพยนตร์เรื่องฝันโคตรๆนะครับ เป็นเรื่องที่สามในไลน์อัพสี่เรื่อง เรื่องแรกความรักก็โครตรักเอ็งเลยทำไปแล้ว เรื่องที่สองเป็นความศรัทธาคนหิ้วหัวทำไปแล้ว เรื่องนี้ฝันโคตรโคตรเป็นเรื่องที่สามในไลน์อัพ คือเป็นเรื่องเกี่ยวกับความฝันนะครับ ก็ทยอยๆ ทำกันไป สำหรับแรงบันดาลใจเกี่ยวกับเรื่องฝันโครตๆนะ มาจากเรื่องโคตรรักเอ็งเลย คือในหนังเรื่องนี้เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดในโคตรรักฯ แล้วก็มีกลิ่นอายและอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงกันอยู่

Q โจทย์มาจากความฝัน แล้วเอามาสานต่อเป็นเรื่องราวในเรื่องอย่างไร

ประเด็นที่จับมาเล่นในฝันโคตรๆ เนี่ย ถึงแม้ว่าเราจะเล่าเรื่องความฝันของคนคนหนึ่ง แต่เราจะเน้นประเด็นเรื่องความฝัน แต่ที่มันครอบคลุมทั้งเรื่องเนี่ยก็คือความรักอยู่ดีครับ ผมรู้สึกว่านิยามความรักของมนุษย์แต่ละคนแตกต่างกันไปนะครับ ถ้าเราจับเอาคนสองคนที่มีนิยามความรักแต่งต่างกันอย่างสุดขั้วเนี่ยมาอยู่ด้วยกันมันน่าจะน่าสนใจ คือไอ้ด่างเนี่ยตัวละครในเรื่องนี้นะครับมันมีความเชื่อว่าความรักมันมีอัตราแลกเปลี่ยนอีกสกุลนึงเท่านั้นเอง คิดว่าความรักไม่มีจริงหรอก ไม่มีมนุษย์คนไหนจะรักคนที่เห็นแก่ตัวได้ตลอดไปไม่มีมนุษย์คนไหนจะให้ๆๆๆได้ตลอดไป ไอ้ด่างเนี่ยไม่เชื่อว่าความรักคือการให้ ในขณะเดียวกันขณะเดียวกันนะครับ ขณะที่นักแสดงนำฝ่ายหญิงในเรื่องชื่อเปิ้ล เป็นผู้หญิงที่ศรัทธาในความรักมากแล้วก็เชื่อว่าความรักคือการให้ เชื่อว่าความรักมีอยู่จริงนะครับ เพราะฉะนั้นเนี่ยเมื่อคนนึงไม่เชื่อในความรัก กับอีกคนนึงเชื่อในความรักเนี่ยใครจะถูกใครจะผิดใครจะโน้มน้าวจิตใจใครให้เชื่อได้ ผมว่ามันเป็นปมความรักที่น่าสนใจ

Q ในฝันโคตรโคตรรับบทเป็นใคร คาแรกเตอร์ที่วางไว้ของตัวละครเป็นอย่างไร

เล่นเป็นไอ้ด่าง เป็นนักแสดงข้างถนนธรรมดาที่เต็มไปด้วยความฝัน แล้วก็เชื่อมั่นเหลือเกินว่า ในโลกนี้ไม่มีผู้หญิงที่พร้อมจะรักผู้ชายคนหนึ่งอย่างหมดใจ เพราะสำหรับเขาแล้วความรักไม่ต่างอะไรกับอัตราแลกเปลี่ยน ที่ต่างมีสิ่งตอบแทนในกันและกัน จนวันหนึ่งที่เขาได้เจอกับเปิ้ล ผู้หญิงที่นำเอาความฝันและความรักมาเติมเต็มให้กับเขา ก็เลยทำให้เขาต้องเรียนรู้อะไรบางอย่างใหม่

Q ตัวไอ้ด่างมีอะไรน่าสนใจบ้างอยากรู้จัง

ไอ้ด่างเป็นคนแก่ๆ คนนึงที่รู้สึกว่าตัวเองเนี่ยหนุ่มเกินกว่าที่จะแก่ขณะเดียวกันก็แก่เกินกว่าจะหนุ่ม ชีวิตอยู่ระหว่างแนวตะเข็บพรหมแดนความจริงกับความฝันครับคล้ายๆแบบว่ามันจะยังไงดีวะ จะไปข้างหน้าก็ยังไม่อยากไปจะถอยกลับไปเป็นเด็กก็เป็นไม่ได้แล้วผมว่าคนที่อายุ 40 คงจะเข้าใจนะครับ

Qเรื่องราวในฝันโคตรโคตร

เรื่องรักอลวนชวนฝันของชายหญิงสองคนที่มีมุมมองความรักแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ดันต้องจับผลัดจับผลูมาเจอกันราวกับกามเทพต้องการเล่นตลกกับเขาและเธอซะงั้น เมื่อผู้ชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ไอ้ด่าง หนุ่มช่างฝันซึ่งเป็นเพียงแค่นักแสดงริมถนนเล่นโชว์ให้ผู้คนอื่นสนุกสนานไปวัน ๆ ที่เชื่อมั่นเหลือเกินว่า ในโลกนี้ไม่มีผู้หญิงที่พร้อมจะรักผู้ชายคนหนึ่งอย่างหมดใจ เพราะสำหรับเขาแล้วความรักไม่ต่างอะไรกับอัตราแลกเปลี่ยน จนวันหนึ่งที่เขาได้มาเจอกับ เปิ้ล สาวช่างรักซึ่งเป็นนักแสดงสาวพราวเสน่ห์ยอดนิยมระดับประเทศ ที่เชื่ออย่างหมดใจว่าความรักคือสิ่งสวยงาม ความรักคือการให้ และพร้อมจะให้โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน เมื่อคนสองคนที่มีหัวใจสองดวงที่สวนทางกัน ต้องบังเอิญมาติดแหงกอยู่ในชีวิตของกันและกันจนเกิดอาการอินเลิฟแบบไม่น่าเป็นไปได้ ราวกับว่านี่เป็นความฝันในความรัก...เอ๊ยหรือจะเป็นความรักในความฝันกันแน่นะ แล้วแบบนี้ความรักครั้งนี้ของไอด่างกับเปิ้ลจะเป็นจริงได้ไงเนี่ย ประมาณเหมือนดอกฟ้ากับนายกระจอกนิดๆ แต่ก็ยังเป็นหนังรักฉบับพิง ลำพระเพลิง เหมือนเดิมครับ

Q แล้วน้ำหนักของหนังเรื่องนี้จะไปในทิศทางไหน

หนังเรื่องนี้ยังเป็นหนังสไตล์พิง ลำพระเพลิงเหมือนเดิมเลย คือมันยังคงเป็นหนังที่กำหนดยีนส์ ไม่ได้ว่ามันจะเป็นหนังรัก มันจะเป็นหนังชีวิต มันจะเป็นหนังดราม่า หนังตลก สรุปตอบก็คือว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังครบรสเหมือนเดิมเป็นหนังที่กำหนดยีนส์ไม่ได้ สำหรับหนังตัวอย่างจะสามารถตัดให้เป็นหนังรักก็ได้ตัดให้เป็นหนังเศร้าก็ได้หนังคอเมดี้ก็ได้กำหนดยีนส์ไม่ได้จริงๆครับ

Q ในเรื่องนี้ทราบมาว่าบทไอ้ด่างเนี่ยต้องเป็น พิง ลำพระเพลิงเท่านั้น

เรื่องนี้ยังไงก็เล่นเองอยู่แล้ว คือตอนเขียนบทเนี่ยตั้งใจอยู่แล้วว่าจะเขียนบทให้ตัวเองเล่น ไม่ใช่ว่าตัวเองมีคาแรกเตอร์ตรงกับบทนะ แต่เป็นเพราะเราเขียนบทให้ตรงกับคาแรกเตอร์เรา เพราะตอนบอกกับเสี่ยเจียงก็บอกกับเสี่ยเจียงว่าเสี่ยครับผมอยากทำหนังที่ผมเล่นเป็นพระเอกเอง เสี่ยเจียงไอ้ห่าเอ๊ย มึงไอ้พิงมึงอย่าพึ่งได้ไหมว่ะเสี่ยเจียงบอกยังงี้จริงๆนะโว๊ย เสี่ยเจียงบอกว่าไอ้พิงมึงเรื่องนี้มึงให้คนอื่นเล่นไปก่อนได้เปล่าเดี๋ยว เรื่องสี่มึงค่อยเป็นพระเอก ผมก็บอกเสี่ยเจียงว่าเสี่ยครับผมแก่แล้วผมไม่รู้ว่าผมจะได้ทำหนังอีกรึเปล่า คือยังไงก็ตั้งใจไว้แล้วว่าเรื่องนี้ยังไงก็ขอทำแหละต้องเป็นพระเอกแหละครับไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

Q เรื่องนี้ใช้เวลาเขียนบทนานเท่าไหร่ เพราะอย่าง โคตรรักฯ กับ คนหิ้วหัว ก็ใช้ไม่กี่วัน

คือเรื่องของเวลาแค่ห้าวัน แต่ถ้าการรวมแรงบันดาลใจทั้งหมดเรื่องนี้คงนานที่สุดแล้วในชีวิต จะบอกผมใช้เวลาเขียนบทหนังเรื่องนี้ประมาณสี่สิบปีก็ได้นะ จากประสบการณ์ในชีวิตที่ผมผ่านมาทั้งหมด อย่างเรื่องอื่นเขียนเร็วมากเลยนะ อย่างโครตรักฯ ผมเขียนห้าวันใช่ไหม แต่เรื่องนี้ผมใช้เวลาสะสมประสบการณ์มาสี่สิบปีนะ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มันจบในหัวแล้วไง จบในหัวแล้ว พอเปิดไฟล์คอมพิวเตอร์เริ่มเขียนก็คือซัดตู้มๆๆๆเลย ไม่ทำอย่างอื่นเลยเขียนบทอย่างเดียวเลยอ่ะ คือเขียนบทแค่ห้าวันแต่กลั่นมาจากวัยสี่สิบนิดๆ ของผมครับ

Q ในเรื่องนี้ด้วยความที่ตัวไอ้ด่างเป็นนักแสดงโชว์ข้างถนน ถือว่าเรื่องนี้ได้โชว์ฝีมือเต็มๆเลยหรือเปล่า

คือเรื่องนี้ตัวไอ้ด่างมันเป็นนักแสดงริมถนน ทั้งละครใบ้ โชว์มายากล ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ตัวผมเองทำได้อยู่แล้ว เพราะผมเขียนตัวละครไอ้ด่างให้ตรงกับเรา เพราะฉะนั้นมีไรใส่หมดเลย เพราะไม่รู้จะได้ทำหนังอีกป่าว เรียกว่าปล่อยของเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเปียโน โชว์ละครใบ้ ลอดบ่วงไฟ ไม่รู้ว่าเรื่องสี่จะเหลืออะไรให้โชว์อีก จริงๆแล้วเรื่องละครใบ้ก็แอบมีแจมๆอยู่ตลอดนะในหนังของพี่ไม่ว่าจะเป็นโคตรรักเอ็งเลย ไม่ว่าจะเป็นคนหิ้วหัว แต่ก็จะเป็นแว๊บๆ แต่เรื่องนี้

Q ในเรื่องนี้เราก็จะได้เห็นผู้กำกับทาตัวขาวหน้าขาวนั่งอยู่หลังมอนิเตอร์ หลังจากเรื่องที่แล้วผู้กำกับก็คอขาด

จริงๆ แล้วไม่ได้ทาเพื่อองค์ลงหรืออะไรนะ ใครดูภาพเบื้องหลังก็คิดว่าสวดพายัพอยู่หรือเปล่า จริงๆ มันเป็นเพราะเราต้องเข้าฉากตอนเช้าแล้วก็ขาวทั้งตัว แล้วก็กำกับถึงเย็น บางทีก็อยู่อย่างนั้นเลยถึงเย็น นางเอกก็โดนทาด้วยนะ

Q พูดถึงสาวน้อยหน้าใส มิลค์-ภาวิณี ที่มาประเดิมรับบทบาทสำคัญในหนังเรื่องนี้

คือน้องมิลค์ตอนแรกที่เจอครั้งแรกไม่เอาเลยนะ คือนางเอกเราที่เขียนบทมา ไม่ใช่หน้าโลฮียาแบบนี้ (หัวเราะ) แต่มีคนเตือนผมบอกว่านางเอกคนนี้แหละสวย คนนี้แหละใช่ โปรดิวเซอร์ (สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์) เขาบอกว่าอย่าเพิ่งไม่เอา ลองดูน้องเขาแสดงก่อน ตอนนั้นก็ยังไม่เอาอยู่นะ ก็เลยโทไปถามแอ๊คติ้งโค้ชที่เคยร่วมงานกับมิลค์ ครูเงาะก็บอกว่าเฮ้ยมิลค์มันใช้ได้นะ เขาเป็นคนอ่อนไหวและหัวใจที่ดีนะ ก็เลยเริ่มอ่อนไหว จนกระทั่งมีโอกาสได้ดูแอ๊คติ้งของเขา แล้วรู้สึกว่าอยากได้ๆ ทันที คือการแสดงเขาดูละมุนละไมมาก ผมจะมีไดอาล็อคอันหนึ่งที่เขียนในบท แล้วจะให้ทุกคนที่มาแคสพูดประโยคนี้คือ ไม่เชื่อใช่มั้ยว่าว่าความรักที่มีแต่ให้มันมีอยู่จริง แล้วตอนที่มิลค์พูดประโยคนี้ เรารู้สึกว่าเขาพูดมาจากข้างใน พอเจอตัวก็เลยสารภาพว่าตอนแรกเราจะไม่เอามิลค์นะ แต่ปิ๊งเพราะประโยคนี้เลย ก็มีแอบให้ตบกระบาลด้วย ก็รู้สึกว่าตบแล้วเต็มมือดี คือหลังจากที่หัวใจของผมเทให้นางเอกไปแล้ว เราก็เลยรู้สึกว่าอะไรก็ใช่หมด

Q คาแรกเตอร์ของเปิ้ลมีสีสันหรือเสน่ห์อย่างไร

เปิ้ลเป็นเหมือนตัวแทนของผู้หญิงซึ่งศรัทธาในความรัก ตรงข้ามกับไอ้ด่างเลย เปิ้ลเป็นนักแสดงสาวชื่อดังผู้มีทุกอย่างที่ผู้ชายบนโลกนี้ต้องการ แต่เธอกับกำลังโหยหาความรักจากใครบางคนที่อาจไม่มีตัวตน เปิ้ลทั้งเชื่อและศรัทธาในความรักมาก และมองว่าความรักคือสิ่งสวยงาม ความรักคือการให้ และพร้อมจะให้โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน พอมาเจอไอ้ด่างมันก็เหมือนเข้ามาเติมเต็มซึ่งกันและกัน

Q พูดถึงการแสดงของมิลค์ ร่วมงานกันแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

คือโดยส่วนตัวก็แอบดีใจแทนมิลค์นะ เล่นหนังเรื่องแรกเขาได้อวดทุกบท ทุกความสามารถ เหมือนกับดาบสองคมนะ สมมุติว่า มิลค์เล่นไม่ได้ มิลก์ก็ดับนะ แต่พอดีว่ามิลค์เล่นได้ แล้วดีมากด้วย ก็เลยเวิร์คไปหมด เหมือนกับการออกรบ ถ้าคุณออกรบแล้วชนะ ก็เหมือนกับได้เหรียญกล้าหาญ ซึ่งเรื่องนี้มิลค์เหมือนได้เหรียญกล้าหาญเต็มแผงอก

Q ถือว่าฟ้าประทานนางเอกคนนี้มาให้อีกแล้วหรือเปล่า

คือไม่อยากจะใช้คำว่าฟ้าประทานเลยนะ เคยพูดออกหนังสือพิมม์ไปแล้ว ก็เพราะว่าได้ของดีก็ต้องบอกว่าฟ้าประทานสิจริงมั้ย คือผมรู้สึกว่าในชีวิตผมเนี่ย มีหลายอย่างที่ฟ้าประทานมาให้ ไม่มีสิ่งไหนเลยที่นรกถีบส่งมาให้ผม

Q ในชีวิตจริงให้มิลค์เป็นแฟนเอามั้ย

ในชีวิตจริงถ้าให้มิลค์เป็นแฟนผม ผมเอานะ ใครไม่เอาก็บ้าแล้ว ทีนี้จะเลือกใครเป็นแฟนมันไม่ใช่แค่น่าตาสวยใสอย่าเดียวนะ เป็นเรื่องของการจูนกันติดด้วย ด้วยหน้าตามิลค์เนี่ย ใครที่เห็นในหนังต้องหลงรักอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าผู้ชายไทยที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ต้องหลงรักมิลค์

Q มีอะไรจะบอกนางเอกคนใหม่คนนี้มั้ย

อยากขอบคุณมิลค์นะ ผมรู้สึกว่าเราเป็นหนี้บุญคุณเขา คือสมมุติว่าถ้าไม่ได้มิลค์ไม่รู้จะเป็นไง อาจจะมีนักแสดงคนอื่นที่เล่นได้ดีกว่ามิลค์หรือเล่นแย่กว่ามิลค์ แต่สิ่งที่เขาทำได้คือทำให้คนดูเชื่อและคนดูคล้อยตาม พอเราได้เห็นของที่เขามี เรารู้สึกว่าเก็บไว้ดูคนเดียวไม่ได้แล้วแหละ ต้องให้คนอื่นได้เห็นกัน คนอื่นอาจจะรู้สึกว่าพิงลำพระเพลิงแม่งดันนางเอกว่ะ แต่จริงๆ คือมิลค์มันดันเรานะ

Q มาที่เรื่องของเพลงกันที่เป็นเหมือนเอกลักษณ์สำหรับหนังของ พิง ลำพระเพลิงไปเลย

เพลงของหนังเรื่องนี้คือเพลงเวลาตาย ....(ร้องโชว์ซะเลย) ในกระจกมัวๆ มีคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง คนที่พึ่งลึกซึ้งถึงความเดียวดาย เนี่ยท่อนนี้เรารู้สึกชอบเพราะฟังแล้วดูตัวละครมันเห็นแก่ตัวดี แล้วเป็นคนขี้อวดไง รอคนอื่นจ้างมาร้องคงยาก ก็เลยร้องในหนังตัวเองซะเลย คือถ้าใครชอบเพลงเขียนถึงคนบนฟ้าน่าจะชอบ ส่วนเพลงเดี่ยวเปียโนก็คือเพลงชะตาชีวิต คือเพลงนี้ในหลวงฯ ประพันธ์ไว้เพราะมาก มนุษย์เราไม่มีใครรู้ชะตาตัวเอง ทุกคนล้วนโดดเดี่ยว ทุกคนล้วนเหงา ทุกคนล้วนไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างหน้า ส่วนเพลงเวลาตายเป็นเพื่อนผมคุณบั๊ง (สุทธิพงษ์ สมบัติจินดา) มาแต่งให้ คือเขาเป็นเพื่อนสนิทกับผมมากอยู่ด้วยกันมาเป็นสิบๆปีแล้ว มันก็จะรู้ว่าชีวิตเราเป็นอะไรมา เหมือนนั่งไปอยู่ในหัวใจแล้วเขียน เพราะฉะนั้นบั๋งคือคนที่แต่งเพลงที่เข้ากับความรู้สึกของผมที่สุด

Q ในท่อนไหนโดนสุดในเวลาตาย

ชอบที่สุดคือท่อนนี้ (ร้องโชว์อีกรอบ) เชื่อว่าที่ตรงนั้น เธอพร้อมจะรอฉันอยู่ จนในที่สุดก็รู้ว่าเธอรอไม่ไหว เจอเพียงแค่รอยน้ำตา บนนาฬิกาที่ตาย เนี่ยๆท่อนเนี่ย เหมือนเรารักใครสักคน แล้วอยากไปเจอเขามาก คือเชื่อว่าไปยังไงก็เจอเขาแต่พอไปถึงกลับไม่เจอ โหโดนมาก ไปหาโหลดฟังซะ คือเพลงนี้ไม่ใช่เพลงประกอบหนังนะ ผมทำหนังเพื่อประกอบเพลงเขานะ คือตอนที่ร้องเพลงนี้ในห้องอัดนะ คือร้องหลายรอบมาก ร้องไปก็ร้องไห้ไป คือเราจะใช้เพลงนี้เปิดบิ้วท์ในกองตลอด ไว้กล่อมอารมณ์ทีมงาน เรารู้สึกว่าเพลงนี้มันใช่ คือมันเข้ากับตัวละครมากๆ

Q อะไรคือสิ่งกินใจและเรียกรอยน้ำตาแห่งความซาบซึ้งในหนังเรื่องนี้

คือเรื่องนี้เราจะไม่ไปบีบหรือเค้นอารมณ์คนเท่าไหร่ เหมือนกับว่าเราทำหนังด้วยความเข้าใจมากขึ้น อย่างโคตรรักหรือคนหิ้วหัวเนี่ย เหมือนเราไปเขย่าคอคนดูให้ร้องไห้ แต่หนังเรื่องนี้เรารู้สึกว่าเราปล่อยให้คนดูค่อยๆ รู้จักตัวละครไปเรื่อยๆ แล้วพอคนดูเขาอยากร้องก็ให้เขาร้องออกมา แต่ผมเชื่อว่าถ้าเขาเข้าใจนางเอก เขาใจตัวพระเอก เขาจะเศร้าไปกับชีวิตของสองคนนี้เอง

Q พูดถึงเทคนิคที่ใช้เวลาเปิดเพลงบิ้วท์อารมณ์นักแสดง

คือโดยส่วนตัวเราแอบเชื่อว่าเพลงมันกล่อมอารมณ์คนได้ อย่างเพลงหลักก็คือเพลงเวลาตาย ผมก็จะพยายามให้ความรู้สึกมันอินเข้าไปในท้อง ก็เปิดกันทั่วกอง อย่างนางเอกเขาก็ชอบไปฟังเพลงบิ้วท์เอง คือข้างๆ กล้องจะมีไอพ็อดเสียบเพลงอยู่ตลอด อย่างมีซีนที่นางเอกไม่ได้เจอพระเอกมานาน เขาก็จะฟังเพลงห่างไกลเหลือเกิน พอเอาเพลงเข้าไปอยู่ในท้องแล้วเขาก็จะอิน แล้วตอนซ้อมฉากนี้นะเราก็เล่นไม่ดี ต่างคนต่างลิเก๊ๆ ก็ไปนั่งประชุมเงียบกันสองคน มิลค์บอกว่าขอไปฟังเพลงก่อน มันก็เลยไปหาเพลงห่างไกลเหลือเกินฟัง แล้วเปิดกันทั้งกอง ผมเชื่อว่าเพลงกล่อมอารมณ์คนได้

Q หนังเรื่องนี้ต้องการจะสื่อสารอะไรกับคนดู

คือนอกจากพาร์ทเรื่องความรักความฝันที่สวนทางกันระหว่างไอ้ด่างกับเปิ้ลแล้วเนี่ย หนังเรื่องนี้จะบอกว่า เมื่อเวลาผ่านไปสักสิบปีแล้วเนี่ย ใครบางคนเดินมาหาพี่ แล้วบอกว่าพี่พิงที่ผมเป็นอย่างทุกวันนี้เพราะว่าหนังเรื่องนี้นะพี่ หนังจะบอกว่าคุณจะทำฝันอะไรคุณทำไปเลยนะ จะได้หรือไม่ได้คุณทำไปเลย คุณจะได้ไม่เสียใจว่าทำไมเราถึงไม่ทำตามฝัน เหมือนครั้งหนึ่งเราดูหนังของพี่อังเคิลเรื่องฉลุย แล้วได้แรงบันดาลใจ เหมือนกับว่ามันสามารถไปกระทบใจคนได้ อยากให้คนที่ได้ดูเรื่องฝันโคตรโคตร แล้วเอาไปเป็นแรงผลักดันที่จะทำตามความฝัน

Q สุดท้ายพี่พิงฝากหนังเรื่องนี้ว่าคนดูจะได้อะไรจากหนังเรื่องนี้

ก็ฝากให้มาดูหนังเรื่องนี้กันครับ ผมเชื่อว่าหนังเรื่องนี้น่าจะเป็นแรงบันดาลใจก้าวไปสู่สิ่งที่คุณต้องการจะเป็นต้องการจะไปต้องการจะได้มานะครับรวมเรียกมันว่าความฝันนะครับ อาจจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จไม่เป็นไรนะครับมันก็ดีที่อย่างน้อยเราได้ลองนะครับว่ามันจะเป็นได้ไหมเนาะ ใครที่รู้สึกว่าตัวเองหัวใจเต้นเร็วมากวันนี้นะครับหัวใจคุณจะเต้นช้าลงอบอุ่นละมุนละมัยกับความรักมากขึ้นครับ

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net