กรุงเทพฯ--28 ก.ย.--ตลท.
ความสำเร็จจากกลยุทธ์การสร้างจุดแข็งในการพัฒนาโรงพยาบาลให้เป็นศูนย์การแพทย์เฉพาะทางได้สร้างความเชื่อถือให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนบริเวณสุวรรณภูมิที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ การปรับปรุงและพัฒนาโรงพยาบาลอย่างสม่ำเสมอ ทำให้โรงพยาบาลมีความพร้อมรองรับความต้องการเข้ารักษาตัวของผู้ป่วยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ดังเห็นได้จากการรองรับแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ที่มีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ปัจจัยดังกล่าว ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่เข้ามารักษาตัวช่วงปีที่ผ่านมาเติบโตสูงขึ้น 4% yoy และหนุนให้ TNH มีกำไรสุทธิสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 177 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงปี 2553 SCRI ประเมินการยกระดับความใส่ใจในสุขภาพของคนไทยจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่คาดจะกลับมาระบาดอีกครั้งในช่วงปลายปี 2552 ประกอบกับความพร้อมในการรองรับผู้ป่วยทั้งในส่วนของ IPD และ OPD จะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ TNH พร้อมเผชิญความท้าทายในการสร้างกำไรให้สูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในปี 2553 ดังนั้น SCRI ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเหมาะสมปี 2553 เท่ากับ 11 บาท/หุ้น
- ผลบวกจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ผลักดันให้กำไรสุทธิใน Q4/52 (พ.ค. 52- ก.ค. 52) ปรับขึ้น 7% yoy และหนุนให้ TNH มีกำไรปี 2552 สูงสุดเป็นประวัติการณ์: TNH ได้รับผลบวกจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ ดังเห็นได้จากจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามารักษาตัวทั้งในส่วนของ OPD และ IPD ที่ขยับขึ้นมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจยังขยายตัว แต่หากพิจารณา qoq พบว่าจำนวนผู้ป่วย OPD และ IPD ปรับขึ้นชัดเจน 6% และ 13% qoq เป็น 95,000 และ 7,500 คน ตามลำดับ นอกจากนี้ การรักษาโรคเฉพาะทางที่มีค่าใช้จ่ายต่อหัวเฉลี่ยสูงกว่าโรคทั่วไป ส่งผลให้รายได้การรักษาต่อวันของผู้ป่วย (หลังส่วนลด) ทั้ง OPD และ IPD ยังขยายตัว 2% และ 8% yoy เป็น 1,708 และ 14,500 บาท ปัจจัยดังกล่าว ทำให้รายได้และกำไรสุทธิใน Q4/52 ปรับขึ้น 9% และ 7% yoy เป็น 299 และ 43 ล้านบาท ทั้งนี้ หากพิจารณาภาพรวมทั้งปี 2552 พบว่า TNH มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 37% yoy เป็น 177 ล้านบาท
- ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางยังเป็นกลยุทธ์หลักที่ช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานปี 2553 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 8% yoy: แม้ TNH จะมีความกังวลต่อจำนวนผู้ป่วย IPD ที่เริ่มลดลง เนื่องจากผู้ป่วยหันไปใช้โรงพยาบาลเอกชนที่มีประกันสุขภาพครอบคลุม อย่างไรก็ตาม SCRI ประเมินการยกระดับของโรงพยาบาลให้เป็นศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง อาทิ ศูนย์มะเร็ง ศูนย์กระดูก และศูนย์หัวใจ สร้างทางเลือกให้กับประชาชนในแถบตะวันออกที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง ภายหลังจากการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ อีกทั้ง การทำการตลาดต่อเนื่องทั้งในส่วนกลุ่มลูกค้าประกันชีวิตและการออกแพ็คเกจตรวจสุขภาพเพื่อกระตุ้นให้ผู้ป่วยในเข้ารักษาตัวเพิ่มขึ้น ช่วยผลักดันให้จำนวนผู้ป่วยทั้ง IPD และ OPD ปี 2552 มีแนวโน้มขยายตัวเฉลี่ย 5-10% yoy จาก 31,555 คน และ 388,094 คนในปี 2552 ตามลำดับ สำหรับ การรักษาตัวของโรคเฉพาะทางที่มีราคาสูงกว่าโรคปกติประกอบกับอัตราการเข้าพักที่คาดจะปรับตัวขึ้นเหนือกว่า 40% จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นยังทรงตัวในระดับสูงที่ 32.49% และส่งผลต่อเนื่องให้กำไรสุทธิปี 2553 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8% yoy ที่ 190 ล้านบาท
- จ่ายปันผลต่ำกว่าคาด แต่ยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงกว่า 5% ต่อปี: แม้ TNH จะประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดปี 2552 เท่ากับ 0.43 บาทต่อหุ้น (ขึ้น XD วันที่ 30/11/52 จ่ายจริงวันที่ 24/12/52) โดยมีอัตราการจ่ายเงินปันผลเพียง 44% ซึ่งต่ำกว่าระดับการจ่ายปกติที่ 55-60% อย่างไรก็ตาม SCRI ยังคงมุมมองในเชิงบวกกับนโยบายอนุรักษ์นิยมดังกล่าวเพราะเงินปันปันผลที่จ่ายออกไป ยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงกว่า 5% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราการฝากเงินทั่วไป ขณะที่ TNH จะนำเงินสำรองที่ได้หลังจากการจ่ายปันผลที่ลดลง เข้าลงทุนเพิ่มเติมในส่วนของการซื้อที่ดินหลังโรงพยาบาล ซึ่งบริษัทได้ชำระเงินล่วงหน้าไปแล้ว 20 ล้านบาทจากมูลค่ารวม 200 ล้านบาท โดยคาดบริษัทจะสร้างที่จอดรถชั่วคราวเพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามารักษา ซึ่งจะช่วยหนุนให้ผลประกอบการบริษัทขยายตัวอย่างต่อเนื่องและมีกำไรสุทธิเติบโตไม่ต่ำกว่า 8% ในอีก 3 ปีข้างหน้า
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาตามปัจจัยพื้นฐานปี 2553 เท่ากับ 11 บาท: นโยบายทางการเงินที่รัดกุมของ TNH อีกทั้ง การวางกลยุทธ์ในการเปิดศูนย์แพทย์เฉพาะทางเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเข้ารักษา ช่วยดึงดูดผู้ป่วยรอบสุวรรณภูมิให้เข้ามารักษาตัวเพิ่มขึ้นสม่ำเสมอ ปัจจัยดังกล่าว ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตอย่างมั่นคง และทำให้กำไรสุทธิปี 2553-2555 จะเติบโตเฉลี่ย 8% CAGR ดังนั้น SCRI แนะนำ ซื้อ โดยมีราคาเหมาะสมปี 2553 เท่ากับ 11 บาท/หุ้น
ณ 25 ก.ย. 52