กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--ทีเอสเอฟซี
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะประธานกรรมการ บมจ.หลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (ทีเอสเอฟซี) เปิดเผยว่า "ทีเอสเอฟซี ได้เพิ่มทุนตามแผนปรับโครงสร้างทุนเป็นจำนวน 1,016 ล้านบาท ขณะนี้ได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วกับกระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2552 และในวันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม นี้ ทีเอสเอฟซีได้ดำเนินการแจ้งการจดทะเบียนเพิ่มทุนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งจะทำให้ทีเอสเอฟซีสามารถกลับมาประกอบธุรกิจได้ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนกำหนดในวันที่ 28 กรกฎาคม 2552"
ทั้งนี้ นางนภาภรณ์ ลัญฉน์ดี กรรมการผู้จัดการ บมจ. หลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า "ในระยะแรกของการเปิดดำเนินธุรกิจ ทีเอสเอฟซี จะให้บริการสินเชื่อมาร์จิ้นโลนและ ESOP Financing ก่อน โดยทีเอสเอฟซีได้แจ้งให้โบรกเกอร์ประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับการเปิดให้บริการสินเชื่อมาร์จิ้นโลน สำหรับลูกค้ามาร์จิ้นโลนเดิมที่มีวงเงินกับทีเอสเอฟซีอยู่แล้วสามารถใช้วงเงินเดิมได้ทันที แต่ทั้งนี้จะจำกัดวงเงินสูงสุดต่อรายลูกค้าไว้ที่ 15 ล้านบาทก่อน สำหรับลูกค้ารายเดิมที่มีความต้องการใช้วงเงินมากกว่า 15 ล้านบาท สามารถแจ้งทีเอสเอฟซี ผ่านโบรกเกอร์ที่ใช้บริการได้ ในกรณีของลูกค้าใหม่ (ไม่เคยมีวงเงินมาก่อน) สามารถยื่นขอสินเชื่อ ผ่านโบรกเกอร์ที่ร่วมโครงการกับทีเอสเอซซีทั้ง 30 แห่ง โดยวงเงินอนุมัติสูงสุดขั้นต้นไม่เกิน 15 ล้านบาทต่อราย คาดว่าปริมาณการใช้สินเชื่อมาร์จิ้นโลนจะเพิ่มปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ได้เป็นอย่างดี"
สำหรับเครดิตเรทติ้งของทีเอสเอฟซีภายหลังการกลับมาประกอบธุรกิจ ทริสได้มีการทบทวนแล้วคาดว่าจะสามารถประกาศอย่างเป็นทางการให้รับทราบเร็วๆ นี้
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit