กระทรวงการคลังเร่งรัดหน่วยงานภาครัฐรวมทั้งรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายงบประมาณ

05 Feb 2009

กรุงเทพฯ--5 ก.พ.--กรมบัญชีกลาง

“นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบาย กรมบัญชีกลางให้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานราชการ งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งงบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมเม็ดเงินกว่า 2.6 ล้านล้านบาท”

นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ 2552 ถึงการมอบนโยบายให้กรมบัญชีกลาง สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

1. การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานราชการ โดยที่ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ ภาครัฐต้องเป็นกำลังสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเบิกจ่ายงบประมาณต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบ ช่วยสร้างงาน ลดปัญหาเศรษฐกิจและสังคม โดยจัดการเร่งรัดในมิติต่าง ๆ ทั้งมิติโครงการ หน่วยงานและจังหวัด จัดทำรายชื่อโครงการ หน่วยงานและจังหวัดที่ล่าช้า ตั้งเป้าหมายเร่งเบิกจ่ายสูงกว่าประมาณการ สำหรับ 2 ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2552 ให้สูงกว่าร้อยละ 46 ของงบประมาณ หรือ 844,100 ล้านบาท โดยเป้าหมายปีงบประมาณ 2552 อยู่ที่ร้อยละ 94 ของงบประมาณหรือ 1,724,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ไม่รวมงบประมาณเพิ่มเติมกลางปี 116,000 ล้านบาท

2. การจัดตั้งคณะทำงานเร่งรัดเบิกจ่าย ให้กรมบัญชีกลางจัดตั้งคณะทำงานเร่งรัดเบิกจ่าย ติดตามและให้บริการผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว ช่วยเหลือหน่วยงานต่าง ๆ เบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จใน 24 ช.ม. ตลอดจนสามารถรายงานข้อมูลการเบิกจ่ายและสถานะความคืบหน้าของโครงการโดยละเอียด ลงถึงระดับความสำเร็จของโครงการ สามารถรายงานผู้บริหารอย่างถูกต้องเป็นระบบใน 24 ชม.

3. การช่วยสนับสนุน กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีงบประมาณ 3.66 แสนล้าน ในปี 2552 และมีการเบิกจ่ายล่าช้าเป็นจำนวนมาก โดยที่กรมบัญชีกลางมีประสบการณ์ในการเบิกจ่าย และวิธีการใช้เงินตามงบประมาณ จึงต้องเร่งช่วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการเบิกจ่าย ตลอดจนแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่เกี่ยวข้อง

4. การเพิ่มเงินจ่ายล่วงหน้าเป็นร้อยละ 25 และลดปัญหากฎระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง ให้กรมบัญชีกลางพิจารณาความเหมาะสมในการเพิ่มการเบิกจ่ายเงินล่วงหน้า (Advance Payment) จากร้อยละ 15 เป็นร้อยละ 25 เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นการใช้จ่ายเงินภาครัฐ และให้หารือกับสมาคมวิชาชีพและเอกชนผู้รับงาน ถึงแนวทางการลดปัญหากฎระเบียบและปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

5. การเตรียมแผนการเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มเติมกลางปี 116,000 ล้านบาท ที่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี โดยเฉพาะเงินช่วยเหลือ 2,000 บาทสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่มีผู้มีสิทธิประมาณ 9.4 ล้านคน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 500 บาทต่อเดือน สำหรับผู้มีสิทธิประมาณ 5 ล้านคน

ท้ายที่สุด รัฐมนตรีช่วยกล่าวว่า ในปี 2552 เม็ดเงินจำนวนกว่า 2.6 ล้านล้านบาท จากงบประมาณปี 2552 (1.84 ล้านล้านบาท) งบประมาณเพิ่มเติมกลางปี (1.16 แสนล้านบาท) งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ (3 แสนล้านบาท) และงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (3.6 แสนล้านบาท) มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจมาก กรมบัญชีกลางต้องเร่งทำงานให้รวดเร็ว เสียสละตลอดจนดำเนินการอย่างโปร่งใส ถูกต้องและยึดถือผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ

กรมบัญชีกลาง

โทร. 0-2273-9101