แกะรอยความมหัศจรรย์สีสันของสัตว์ ในงาน “เพื่อนรักสัตว์เลี้ยง ครั้งที่ 13”

27 Apr 2009

กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--เวิรฟ

สัตว์ที่อาศัยอยู่บนโลกเล็กๆ ใบนี้ ต่างมีชีวิตความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งห่างไกล และสลับซับซ้อน ราวกับว่าได้แยกการดำรงอยู่ออกจากมนุษย์อย่างๆ เรา ทั้งท้องฟ้าสีคราม โลกใต้มหาสมุทร และป่าเขาพงไพร แต่ธรรมชาติกลับสร้างวงจรชีวิตของสัตว์และมนุษย์ให้ได้เกื้อหนุนกันอย่างน่าอัศจรรย์ และต่างฝ่ายต่างก็เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อระบบนิเวศน์วิทยาของบรรดาสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ เรื่องราววงจรชีวิตของบรรดาสัตว์ที่มีความแปลกประหลาด และสีสันที่สวยงาม จึงเป็นสิ่งที่มนุษย์ค้นคว้าและศึกษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้เรียนรู้ความเกี่ยวโยงในชีวิตและสีสันความพิเศษของสัตว์แต่ละประเภท

นายประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท สยามรีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ กล่าวว่า “กิจกรรม “เพื่อนรักสัตว์เลี้ยง ครั้งที่ 13” ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 11 พฤษภาคมนี้ ได้สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิด “อาณาจักรอัศจรรย์ สารพันสีสันของเหล่าสัตว์เลี้ยงแสนรัก” เพื่อแสดงให้เห็นถึงสีสันความสวยงามของสัตว์ชนิดต่างๆ ที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้น ทั้งสัตว์ป่า สัตว์น้ำจากท้องทะเลลึก และแมลงสายพันธุ์ต่างๆ โดยเปิดโอกาสให้เด็กๆ พร้อมด้วยครอบครัวมาร่วมสนุกกับการเรียนรู้วงจรชีวิตที่น่าพิศวงและอุปนิสัยที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึง พร้อมเกมส์สนุกๆ มาให้เพลิดเพลินกับมหัศจรรย์ของสัตว์โลกที่รอให้ทุกคนมาค้นพบ โดยแบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่ โซนสีสันของชีวิตสัตว์ป่า โซนอัศจรรย์โลกแห่งแมลง และโซนสีสันแห่งท้องทะเล”

ติดตามรอยเท้าสัตว์ป่าหายาก

สัตว์ป่ามีมากกว่าล้านสายพันธุ์ แฝงไว้ด้วยความน่าพิศวงในการดำรงชีวิตรอดในแต่ละวัน อย่างสกั๊งค์เผือก (Albino Skunk) ที่นับว่าเป็นสัตว์ป่าหายากของทวีปอเมริกาเหนือ มีลักษณะขนสีขาวเผือกตลอดทั้งตัว ดวงตาสีแดง มีขนาดตัวประมาณ 30 เซนติเมตร น้ำหนัก 3 กิโลกรัม และมีอายุยืนยาวกว่า 10 ปี หรือกระต่ายยักษ์มาร่า (Mara) กระต่ายแห่งท้องทุ่งแถบอเมริกาใต้ มีรูปร่างสูงประมาณ 50 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 8-10 กิโลกรัม ที่มีรูปร่างใหญ่โตคล้ายสุนัข แต่ลักษณะหน้าตาคล้ายกระต่ายที่มีใบหูสั้น ชอบอาศัยรวมกันเป็นฝูงประมาณ 10-30 ตัว ขุดรูอยู่ตามทุ่งหญ้า และออกหากินในเวลากลางคืนเพื่อพรางตัวในความมืด รวมทั้ง จิงโจ้แคระวาลาบี้ (Wallaby) จิงโจ้พันธุ์จิ๋ว มีความสูงเฉลี่ยเพียง 50 เซนติเมตร ตัวเมียจะมีถุงกระเป๋าไว้เลี้ยงตัวอ่อน ซึ่งเมื่อแรกคลอดจะมีขนาดเล็กมาก ลูกจิงโจ้จะค่อยๆ เติบโตต่อในกระเป๋าหน้าท้องจนมีขนาดใหญ่ แข็งแรง จึงจะเริ่มออกมานอกกระเป๋า

ดำดิ่งสู่โลกสีคราม สัมผัสสีสันแห่งท้องทะเล

ความลึกลับในโลกใต้ท้องทะเลลึก เป็นห้วงลึกซึ่งยากที่มนุษย์อย่างพวกเราจะด่ำดิ่งลงไปได้ เพราะเหตุนี้ เรื่องราวอันน่าพิศวงของเหล่าสัตว์น้ำใต้สมุทร จึงเป็นปริศนาที่ใครๆ ก็อยากจะค้นหาคำตอบ เพื่อให้ได้รู้ว่า พวกมันมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร อย่างเช่น ฉลาม ราชันย์แห่งท้องทะเล ซึ่งปัจจุบันมีสายพันธุ์ฉลามนักล่ามากถึง 350 สายพันธุ์ โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่ กลุ่ม Ground shark ซึ่งฉลามในกลุ่มนี้จะมีลักษณะเหมือนปลาฉลามที่เรารู้จักทั่วไป ซึ่งมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 200 ชนิด อาทิ ฉลามเสือ ฉลามหัวฆ้อน ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งได้แก่ Carpet shark ซึ่งมีอยู่ประมาณ 33 ชนิด รวมถึงปลาฉลามวาฬ และฉลามกลุ่มสุดท้ายคือพวก Mackerel sharks อาทิ ปลาฉลามขาว เป็นต้น นอกจากนี้ ฉลาม ยังถือเป็นผู้ล่า ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความพิศวงและน่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะระบบประสาทสัมผัสของฉลาม เลือดเพียงหนึ่งหยดในน้ำทะเล สามารถทำให้ฉลามรับรู้กลิ่นได้จากระยะทางถึง 1 ใน 4 ไมล์เลยทีเดียว และสามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนผ่านกระแสน้ำได้แม้เพียงชั่วพริบตา ซึ่งแรงสาดกระเซ็นในน้ำเพียงน้อยนิด ก็สามารถหลอกล่อฉลามให้เข้ามาร่วมวงได้ทันที รวมทั้งประสาทสัมผัสที่ไวต่อกระแสไฟฟ้าดีเยี่ยมที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งหมด ซึ่งจะใช้ในการหาเหยื่อที่ซุกซ่อนอยู่ใต้พื้นทราย อาทิ ปลาฉลามเสือดาว และปลาฉลามครีมดำ อีกด้วย

หรือเรื่องราวความน่าอัศจรรย์ของรูปร่างและสีสันของแมงกะพรุน โดยทั่วไปองค์ประกอบชีวิตของแมงกะพรุนกว่า 90% คือ น้ำ เป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง ลำตัวโปร่งแสง สามารถหันเหแสงที่กระทบตามตัวได้ นอกจากนี้ ยังมีสายหนวดจำนวนมากทั้งชนิดที่มีพิษและไม่มีพิษ โดยมีลักษณะภายนอกแตกต่างกันเพียงสายหนวดที่มีเข็มพิษที่ใช้ในการสังหารเหยื่อ และมีสีสันสดใส เช่น แดง น้ำเงิน เหลือง หรือม่วง เมื่อไปสัมผัสโดนเข้า เข็มพิษเหล่านี้ก็จะทำงาน ปล่อยเข็มพิษออกมา และบางครั้งหนวดที่มีเข็มพิษเหล่านี้จะขาดติดอยู่บนบริเวณที่โดนแมงกะพรุน หากยิ่งไปขัดถู ก็จะเกิดการปล่อยเข็มพิษออกมามากขึ้น

มหัศจรรย์สีสันของ “แมลง”

บนโลกเล็กๆ ใบนี้ สัตว์ที่ได้ชื่อว่าเป็น “แมลง” มีจำนวนมากถึง 3 ใน 4 ของสัตว์โลกทั้งหมด และอยู่ยงคงกระพันตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ก่อนการถือกำเนิดของโลกจนถึงปัจจุบัน “แมลง” เป็นสัตว์สำคัญในระบบนิเวศน์วิทยาที่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของสัตว์อื่นๆ ขณะเดียวกัน สีสันของแมลงหลากหลายชนิด ยังเป็นความน่าอัศจรรย์ให้มนุษย์ได้ตื่นตาตื่นใจ อย่างหิ่งห้อย ซึ่งในเวลากลางคืน แสงระยิบระยับตามต้นไม้ใหญ่ที่เรามักพบเห็นตามจังหวัด คือความงดงามของแสงที่มาจาก “หิ่งห้อย” แมลงแห่งราตรี ซึ่งเป็นแมลงปีกแข็ง ที่มีสายพันธุ์มากถึง 2,000 สายพันธุ์ทั่วโลก แต่กลับมีอายุสั้นเพียงแค่ 3 สัปดาห์เท่านั้น และเรื่องน่าแปลกที่ว่าหิ่งห้อยไม่สามารถกินอาหารอย่างอื่นได้ นอกจากน้ำค้างบนยอดหญ้าเท่านั้น โดยแสงเรืองๆ ของหิ่งห้อย ยังเป็นสัญญาณสื่อสารถึงความพร้อมในการผสมพันธุ์ โดยตัวผู้จะเป็นฝ่ายเรืองแสงช้าและเร็วสลับกัน หลังจากนั้นตัวเมียจะเรืองแสงโต้ตอบว่าพร้อมแล้วในการผสมพันธุ์ แต่ความถี่ในการเรืองแสงของหิ่งห้อยจะขึ้นกับอุณหภูมิ เช่น ในช่วงอุณหภูมิ 21 องศา จะสามารถเรืองแสงได้ 8 ครั้งต่อนาที หรือในช่วงอุณหภูมิ 28 องศา สามารถเรืองแสงได้ถึง 15 ครั้งต่อนาที นอกจากนี้ ความพิศวงของธรรมชาติยังได้สร้างความน่าอัศจรรย์ในกระบวนการเรืองแสงของหิ่งห้อย เพราะพบว่า แสงเรืองๆ นั้นให้ความสว่างถึง 90% ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับหลอดไฟที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และให้พลังงานความร้อน 10%

แมงมุมทารันทูรา แมงมุมจากยุคดึกดำบรรพ์ หรือคนไทยเรียกว่าบึ้ง มี 4 ชนิด บึ้งดำ, บึ้งลาย, บึ้งน้ำตาล, บึ้งน้ำเงิน เป็นแมงมุมยักษ์ที่มีขน มีมากกว่า 700 ชนิด ในธรรมชาติทารันทูรา สามารถอดอาหารได้นานหลายเดือน หาอาหารด้วยวิธีการล่าเหยื่อไม่ใช่สร้างใยให้เหยื่อมาติดแบบแมงมุมในกลุ่ม spider ทารันทูราล่าเหยื่อด้วยการกัด บางชนิดสามารถป้องกันตัวโดยการเตะขนที่ก้น เพื่อให้ปลิวไปถูกศัตรู เพื่อให้เกิดอาการคัน

สีสันของผีเสื้อชนิดต่างๆ อาทิ ผีเสื้อเณร ผีเสื้อเหลืองสยาม ผีเสื้อกระทกรกแดง ผีเสื้อจรกาหนอนยี่โถ ผีเสื้อหนอนใบรักลายเสือ ผีเสื้อหางติ่ง หรือแม้แต่ ผีเสื้ออไซเรียนใหญ่ เป็นต้น ซึ่งทั้งนี้ธรรมชาติได้รังสรรค์สีสันของผีเสื้อไม่ใช่เพียงเพื่อความสวยงามให้มนุษย์และสัตว์อื่นๆ ได้ชื่นชมเท่านั้น แต่สีสันหรือลวดลายงดงามราวกับจิตรกรวาดนั้น บางครั้งก็เป็นประโยชน์ในการพรางตัวหลบจากศัตรู เช่น ผีเสื้อกะลาสี หรือผีเสื้อจรกา นอกจากนี้ สีสันของผีเสื้อยังช่วยในการผสมพันธุ์ โดยตัวเมียจะผลิตกลิ่นสัญญาณ (Pheromones) และขับสีสันภายในตัวให้เข้มขึ้น เพื่อเรียกความสนใจของตัวผู้ให้เข้ามาผสมพันธุ์อีกด้วย

พบกับช่วงเวลาแห่งความอัศจรรย์ของกิจกรรม “เพื่อนรักสัตว์เลี้ยง ครั้งที่ 13” กับชีวิตอันน่าอัศจรรย์ของเหล่าสัตว์โลก ใน 3 โซนมหัศจรรย์ที่มีทั้งกิจกรรมสนุกๆและเกร็ดความรู้มากมายสำหรับเด็กๆและครอบครัว ตั้งแต่วันนี้ – 11 พฤษภาคม นี้ ที่ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ รามอินทรา ชั้น 1 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ หรือ โทร. 02-9475000 # 1001

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: เวิรฟ บริษัทที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์

ประสิทธิ์ กฤษฎาอริยชน (บ๊อบ) โทร. 02-204-8216 มือถือ 081-586-2813

พรรณราย ทวีโชติกิจเจริญ (อ๋า) โทร. 02-204-8212 มือถือ 081-735-7799

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net