ปภ.รายงานสถานการณ์ ๓ จังหวัด ริมฝั่งเจ้าพระยายังคงมีน้ำล้นตลิ่ง

06 Nov 2008

กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--ปภ.

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานภาวะฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับการเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนพระรามหก ทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในบางพื้นที่ริมฝั่งของ ๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา และได้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมเพิ่ม ๒ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยภูมิ เกิดน้ำท่วมขังในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ บริเวณอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแล แนวโน้มสถานการณ์คาดว่าหากไม่มีฝนตกเพิ่มสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติใน ๑-๒ วัน และจังหวัดนครสวรรค์ แม่น้ำปิงเอ่อล้นเข้าท่วมเขตเทศบาลตำบลบรรพตพิสัย อำเภอบรรพตพิสัย ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ตำบลตาสัง อำเภอบรรพตพิสัย นครสวรรค์

นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ภาวะฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างประกอบกับการระบายน้ำออกจากเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนพระรามหก ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้น้ำเอ่อล้นตลิ่ง ในบางพื้นที่ริมฝั่งของอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง และ ใน ๙ อำเภอของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ อำเภอผักไห่ บางบาล เสนา บางไทร มหาราช นครหลวง พระนครศรีอยุธยา บ้านแพรก และบางปะอิน และได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยเพิ่ม ๒ จังหวัด ได้แก่ ชัยภูมิและนครสวรรค์ โดยจังหวัดชัยภูมิ เมื่อวันที่ ๒ – ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ บริเวณอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแล ปัจจุบันยังมีน้ำท่วมขังที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำสูง ๐.๑๐-๐.๓๐ เมตร แนวโน้มสถานการณ์คาดว่าหากไม่มีฝนตกเพิ่มสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติใน ๑-๒ วัน นครสวรรค์ ได้เกิดฝนตกหนัก น้ำในแม่น้ำปิงเอ่อล้นเข้าท่วมในเขตเทศบาลตำบลบรรพตพิสัย อำเภอบรรพตพิสัย ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำของตำบลตาสัง อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ระดับน้ำสูงประมาณ ๐.๒๐ – ๐.๔๐ เมตร

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสานให้จังหวัดในพื้นที่ลุ่มภาคกลางแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง พื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนพระรามหก ให้ติดตามรับฟังพยากรณ์อากาศ และข้อมูลสถานการณ์การขึ้น-ลงของน้ำ ปริมาณการไหลของน้ำในแม่น้ำ ปริมาณการระบายน้ำออกจากเขื่อนอย่างใกล้ชิด หากมีประกาศแจ้งเตือนให้ขนย้ายสิ่งของไปยังพื้นที่ปลอดภัยและเตรียมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยหากเกิดสถานการณ์ภัยขึ้นในพื้นที่

สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย อย่างต่อเนื่อง โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่ นำเครื่องจักรกล รถยนต์ เรือท้องแบนออกให้บริการขนย้ายทรัพย์สินสิ่งของ และอพยพประชาชนออกจากพื้นที่น้ำท่วม พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดันน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ประสบภัย รวมทั้งได้นำถุงยังชีพเครื่องอุปโภคและบริโภค ไปมอบให้กับผู้ประสบภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น อีกทั้งออกสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย

นอกจากนี้ เพื่อเตรียมความการรับมือสถานการณ์อุทกภัยจากภาวะฝนตกหนักในระยะนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ประสานให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ๒ สุพรรณบุรี เขต ๔ ประจวบครีขันธ์ เขต ๑๑สุราษฎร์ธานี เขต ๑๒ สงขลา เขต ๑๗ จันทบุรี เขต ๑๘ ภูเก็ต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เตรียมการป้องกันปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ด้วยการจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ภัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด ๒๔ ชั่วโมง รวมทั้งจัดเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันทีที่เกิดเหตุภัยพิบัติ สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทาง

สายด่วนสาธารณภัย ๑๗๘๔ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพื่อประสานและให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ปภ.เตือนประชาชนให้ระวังอุบัติภัยในเทศกาลลอยกระทง

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนประชาชนที่จะไปร่วมงานลอยกระทง ให้เพิ่มความระมัดระวังอุบัติเหตุจากการจราจรทั้งทางบกและทางน้ำ ผู้ขับขี่ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ผู้ไปร่วมงานให้ระมัดระวังการพลัดตกน้ำในขณะลอยกระทงและการขึ้น-ลงเรือ ตลอดจนระมัดระวังอันตรายจากพลุ ดอกไม้ไฟ

นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า จากการรวบรวมสถิติอุบัติภัยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พบว่า ใน วันลอยกระทงมักเกิดอุบัติภัยในรูปแบบต่างๆ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทั้งอุบัติเหตุทางถนน อุบัติภัยทางน้ำ ทั้งการจมน้ำและ เรือล่ม รวมถึงอุบัติภัยจากพลุและดอกไม้ไฟ เพื่อป้องกันและลดอุบัติภัยในวันลอยกระทง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะวิธีปฏิบัติตนให้ถูกต้องและปลอดภัยแก่ประชาชน ดังนี้ อุบัติเหตุจากการเดินทาง อุบัติเหตุทางถนน ควรตรวจสภาพรถให้พร้อมก่อนการใช้งาน และเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ เนื่องจากปริมาณรถบนท้องถนนมากกว่าวันปกติ ไม่ควรขับรถเร็วและคาดเข็มขัดนิรภัย ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ลดลง จนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด อุบัติเหตุทางน้ำ ผู้ขับเรือ ให้เปิดสัญญาณไฟทั้งหัวและท้ายเรือ เพื่อให้เรือลำอื่นเห็นเรือของเราได้ในระยะไกล หากขับเรือเข้าใกล้บ้านเรือนหรือบริเวณที่จัดงาน ควรลดความเร็ว เพราะคลื่นน้ำอาจสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนหรือกระเด็นถูกผู้ที่อยู่ริมน้ำเปียกได้ และ ไม่ดื่มเครื่องดี่มแอลกอฮอล์ เพราะหากพลัดตกจมน้ำ จะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองให้ปลอดภัยได้ สำหรับ ผู้ที่จะเดินทางไปร่วมงานลอยกระทงตามสถานที่ต่างๆ ให้เลือกสถานที่ที่มีความปลอดภัยและจัดเตรียมไว้สำหรับงานดังกล่าวโดยเฉพาะ เพราะจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัย ไม่ควรก้มลงหย่อนกระทงจนต่ำเกินไป เพราะอาจเสียหลักพลัดตกน้ำได้ หากมีคนยืนอยู่บริเวณท่าน้ำเป็นจำนวนมาก ไม่ควรยืนเบียดเสียดกัน เพราะอาจถูกเบียดจนตกน้ำ นอกจากนี้ ผู้ที่นั่งเรือออกไปลอยกระทงกลางลำน้ำ ให้เพิ่มความระมัดระวังในการขึ้น-ลงเรือ ต้องรอให้เรือเทียบท่าให้เรียบร้อย และหลีกเลี่ยงการยืนบนโป๊ะ เนื่องจากอาจเกิดอันตรายจากการพลิกคว่ำ หากว่ายน้ำไม่เป็นไม่ควรใช้บริการเรือโดยสาร นอกจากนี้ ผู้ปกครองควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้เด็กลอยกระทงเอง เพราะอาจพลัดตกน้ำได้ อุบัติเหตุจาการเล่นพลุ ดอกไม้ไฟ หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้บริเวณที่มีการจุดพลุ ดอกไม้ไฟ เพราะอาจเกิดระเบิดและถูกสะเก็ดกระเด็นใส่จนได้รับบาดเจ็บได้ หากจะยืนดู ให้ยืนห่างจากบริเวณที่จุด ๑๐ เมตร ขึ้นไป ไม่ยื่นหน้าหรืออวัยวะใดๆเข้าใกล้ดอกไม้ไฟที่จุดแล้ว หากดอกไม้ไฟดับก่อนที่จะระเบิด ไม่ควรจุดซ้ำทันที ควรทิ้งไว้ประมาณ ๑๕ นาที แล้วจึงจุดใหม่ รวมทั้งเตรียมน้ำไว้ใกล้ๆ สำหรับดับไฟได้ทัน หากเกิดเพลิงไหม้ ไม่จุดพลุใกล้สายไฟ สถานีบริการน้ำมัน วัตถุไวไฟ หรือในอาคารบ้านเรือน เพราะจะทำให้เกิดการระเบิดและเพลิงไหม้ได้ รวมทั้งห้ามเก็บพลุหรือดอกไม้ไฟไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกง เพราะหากเกิดระเบิดหรือได้รับความร้อน แสงแดด จะทำให้เกิดการเสียดสี จนเกิดเป็นประกายไฟและเพลิงไหม้ได้ หากประสบอุบัติเหตุในงานลอยกระทงและต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตทั้ง ๑๘ เขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดทั้ง ๗๕ จังหวัด หรือ สายด่วนสาธารณภัย ๑๗๘๔ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพื่อประสานและให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ปภ. เตือนระวังเด็กจมน้ำในช่วงวันลอยกระทง

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนผู้ปกครองที่พาเด็กไปเที่ยวงานวันลอยกระทงเพิ่มความเอาใจใส่และดูแลเด็กเป็นพิเศษ ไม่ปล่อยให้เด็กลอยกระทงเพียงลำพัง และสอนเด็กให้เรียนรู้วิธีลอยกระทงอย่างปลอดภัย กำชับเด็กไม่ให้ลงไปในน้ำเพื่อเก็บเงินในกระทงอย่างเด็ดขาด หลีกเลี่ยงการพาเด็กเดินบริเวณริมน้ำเพื่อป้องกันเด็กพลัดตกจมน้ำเสียชีวิต ส่วนผู้จัดงานลอยกระทง ควรออกมาตรการและระบบการป้องกันเด็กจมน้ำอย่างรัดกุม

นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า จากสถิติการเสียชีวิตของเด็กไทยพบว่า การจมน้ำเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของเด็กไทย โดยเฉพาะในช่วงวันลอยกระทงและหลังวันลอยกระทง เนื่องจากเด็กไปเก็บเงินในกระทงหรือออกไปลอยกระทงกับผู้ปกครอง แล้วพลัดตกไปในน้ำ เพื่อลดการสูญเสียชีวิตของเด็กไทยจากการจมน้ำ ในวันลอยกระทง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนผู้ปกครองที่พาเด็กไปเที่ยวงานวันลอยกระทงเพิ่มความเอาใจใส่เด็กเป็นพิเศษ ไม่ควรปล่อยเด็กให้ลอยกระทงเพียงลำพัง และสอนให้เด็กเรียนรู้วิธีการลอยกระทงอย่างปลอดภัย ควรพาเด็กไปลอยกระทงตามสถานที่ที่ปลอดภัยและถูกจัดเตรียมให้สำหรับลอยกระทงโดยเฉพาะ ตลิ่งน้ำต้องไม่สูงชันจนเกินไปเพราะ หากน้ำอยู่ลึกไป ช่วงที่เอากระทงหย่อนลงไปในน้ำอาจเกิดอุบัติเหตุ ทำให้พลัดตกน้ำได้ นอกจากนี้ช่วงเทศกาลจะมีผู้คนพลุกพล่าน ควรหลีกเลี่ยงการพาเด็กเดินเล่นบริเวณริมน้ำเพราะมีผู้คนเบียดเสียด ทำให้เด็กเสี่ยงต่อการตกน้ำได้ รวมถึงผู้จัดงาน ควรจัดให้มีมาตรการมีระบบป้องกันการตกน้ำให้รัดกุม เช่น การจัดให้มีพื้นที่ลอยกระทง โดยเฉพาะจัดชุดปฎิบัติการเฝ้าระวังและช่วยเหลือคนจมน้ำ มีรั้วกั้นบริเวณริมน้ำ ที่สำคัญหากพาเด็กไปเที่ยวงานลอยกระทงผู้ปกครองควรดูแลเด็กไม่ให้คลาดสายตา โดยจูงมือเด็กให้แน่นขณะเดินทางท่องเที่ยวริมฝั่งแม่น้ำหรือโดยสารทางเรือ เพื่อป้องกันเด็กพลัดตกจมน้ำเสียชีวิต พร้อมกำชับเด็กไม่ให้ลงไปในน้ำเพื่อเก็บเงินในกระทง เพราะการแช่อยู่ในน้ำเย็นเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เป็นตะคริวจมน้ำเสียชีวิต สำหรับการให้ความช่วยเหลือกรณีที่เด็กจมน้ำ หากเด็กรู้สึกตัว หายใจได้เองควรเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็ก เช็ดตัว แต่หากเด็กหายใจเองไม่ได้หรือหัวใจหยุดเต้น ให้เปิดทางเดินหายใจ โดยให้เด็กนอนราบกดหน้าผากลงและเชยคางขึ้นเบาๆ หากเด็กยังไม่หายใจแต่ชีพจรยังเต้นอยู่ ให้ทำการเป่าปากต่อเพียงอย่างเดียวโดยทำ ๒๐ครั้ง/นาที หลังจากนั้นให้รีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการช่วยเหลือต่อไป สุดท้ายนี้ แม้ว่างานลอยกระทงจะเต็มไปด้วยความสนุกสนานรื่นเริง แต่ก็แฝงไปด้วยภัยอันตรายต่างๆ ผู้ปกครองที่พาบุตรหลานไปเที่ยวงานลอยกระทงควรเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลเด็กเป็นพิเศษ อย่าให้คลาดสายตาอย่างเด็ดขาดเพราะชั่วระยะเวลาเพียงเล็กน้อย เด็กอาจพลัดตกน้ำเสียชีวิตได้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการจมน้ำเสียชีวิต และเพิ่มความปลอดภัยในช่วงเทศกาลลอยกระทง หากประชาชนประสบพบเหตุอุบัติภัยหรือต้องการความช่วยเหลือสามารถแจ้งสายด่วนสาธารณภัย ๑๗๘๔ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพื่อประสานและให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

pr เบอร์โทรศัพท์ : 022432200