ดร.สุเมธเผยในหลวงรับสั่งบ้านเมืองรอดได้ เพราะ ‘การให้’ วอนคนไทยอย่ายอมเสียบ้านเมือง หันหน้ามาให้ความรักและให้อภัยกัน

09 Oct 2008

กรุงเทพฯ--9 ต.ค.--ซี คอนซัลแทนส์ แอนด์มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด ในฐานะประธานโครงการ ‘ทำดีเพื่อพ่อ ขอคนไทยให้รักกัน’ ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษาเปิดเผยว่า “บ้านเมืองเรามีความขัดแย้งกันรุนแรงในวันนี้ ทำให้หวนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตเมื่อราวปี พ.ศ.2517-2524 ที่ประเทศไทยเคยประสบปัญหาเกิดความแตกแยกอย่างรุนแรงขึ้นในชาติ คนไทยรบราฆ่าฟันกันเองด้วยเหตุผลจากความแตกต่างทางความคิด ทำให้ได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ฝ่ายที่รับผิดชอบด้านความมั่นคงของประเทศก็พยายามใช้ทุกวิถีทางที่จะยุติความรุนแรงลงให้ได้ จนในที่สุดความสงบก็กลับคืนมา เหตุการณ์สงบลงได้โดยที่ไม่ได้เกิดจากการใช้อาวุธเข้ารบราฆ่าฟันกันเลย พระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสถามพวกเราคณะทำงานว่า ทราบไหมว่าเหตุการณ์ความรุนแรงสงบลงได้อย่างไร พวกเราก็ตอบว่าไม่ทราบ พระองค์จึงทรงเฉลยว่า บ้านเมืองรอดมาได้เพราะคนไทยยัง “ให้” กันอยู่ ซึ่งผมยังจดจำมาจนถึงทุกวันนี้”

ดร.สุเมธ อธิบายเพิ่มเติมว่า การ ”ให้” ในที่นี้ คือ การให้อย่างถูกต้อง ให้ในสิ่งที่เขาขาด เราเชื่อว่าทุกคนมีส่วนเกินทั้งนั้น และส่วนเกินนั้นเราสามารถให้แก่ผู้ที่ยังขาดอยู่ ไม่ใช่ให้แต่เงินทองแล้วปล่อยให้เขาไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย เราต้องให้ปัญญา การให้นั้นเริ่มง่ายๆ ที่ตัวเราก่อน คือการให้ตัวเองได้ทำความดี เคล็ดลับง่ายๆ คือให้ถามตัวเองทุกวันในตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมาว่า เมื่อวานเราได้ทำความดีอะไรบ้าง ถ้าตอบไม่ได้ก็จงรีบทำความดี เพื่อวันพรุ่งนี้จะได้ตอบได้ว่าทำความดีอะไรบ้าง ขอให้ทำอย่างนี้ทุกวัน เราก็จะได้เตือนตนอยู่ตลอดเวลาว่าต้องทำความดีอย่างสม่ำเสมอ ส่วนการให้แก่ผู้อื่นก็จงอย่าหวังสิ่งตอบแทน ความสุขใจจะเกิดขึ้นได้ก็เมื่อเราได้ให้สิ่งดีๆ กับผู้อื่น ไม่มีอะไรจะให้ก็ยิ้มให้ก็ได้ เท่านี้ก็ถือว่าเราได้ให้แล้ว

“ส่วนการให้ที่ถือว่าทำยากมากต้องอาศัยความกล้าหาญมาก ก็คือ การให้อภัยแก่ทั้งตนเองและผู้อื่น เพราะการให้อภัยนี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะให้เราใช้ความอดทน สร้างความกล้าหาญที่จะทำดี เอาชนะกิเลสตัวเองเพื่อสร้างมิตร หยุดทะเลาะกัน หันมารักษาบ้าน หลายๆ บ้านรวมกันก็เป็นชาติของเรา เรามีบ้านที่สงบสุขอุดมสมบูรณ์ เคยเกือบจะเสียไปแล้ว จะยอมให้บ้านเมืองเราเสียไปอีกหรือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรากตรำพระวรกายทรงงานหนักมากว่า 60 ปี ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเริ่มทำความดีเพื่อพ่อ ทำดีเพื่อให้เกิดประโยชน์ แล้วประโยชน์นั้นจะกลับมาตอบแทนเรา ถ้าหากเราทุกคนช่วยกันพยุงบ้านเมืองเอาไว้ ตั้งจิตอยู่ในความดี ทำแต่ความดี รักและให้อภัยกัน นี่จะเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะถวายแด่ในหลวงผู้เป็นที่รักของเรา” ดร.สุเมธ กล่าว

มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เครือข่ายประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ มูลนิธิหัวใจอาสา ศูนย์คุณธรรมและเครือข่ายองค์กรภาคี ขับเคลื่อนโครงการ “ทำดีเพื่อพ่อ ขอคนไทยให้ รักกัน” โดยยรวมพลังภาครัฐและเอกชนจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนเกิดจิตสำนึกในการ “ให้” ในรูปแบบต่างๆ เพื่อความสมานฉันท์ ถวายเป็น “ของขวัญ” แด่ในหลวง ตั้งเป้าลดความขัดแย้งในสังคมด้วยการให้ความรักและให้อภัยต่อกัน

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด ซึ่งเป็นองค์กรหลักในโครงการ “ทำดีเพื่อพ่อ ขอคนไทย ให้ รักกัน” กล่าวว่า หัวใจสำคัญของโครงการนี้ คือ การรณรงค์ให้ประชาชนทุกภาคส่วน รวมทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของ “การให้” ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งในปีนี้ได้ให้คำนิยามไว้ ๑๐ ประการ ดังนี้ ๑. ให้อภัย ๒.ให้โอกาส ๓.ให้รอยยิ้ม ๔.ให้เวลา ๕.ให้ความรู้สึกที่ดีต่อกัน ๖.ให้ความช่วยเหลือ ๗.ให้ความใกล้ชิด ๘.ให้ความจริงใจ ๙.ให้ความซื่อสัตย์ และ ๑๐.ให้ความรัก

นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ อี้ พิธีกรชื่อดังที่ประสบอุบัติเหตุหวิดสิ้นชื่อเมื่อเร็วๆ นี้ กล่าวว่า อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้ภรรยาและเพื่อนตนได้รับบาดเจ็บและลูกชายมีอาการสาหัส ตอนแรกตนรู้สึกโกรธแค้นคู่กรณีอย่างมากที่เป็นต้นเหตุในเรื่องนี้ โดยตั้งใจจะเอาเรื่องเขาให้ถึงที่สุด แต่เมื่อตั้งสติได้และได้รับคำแนะนำจากครูบาอาจารย์ กัลยาณมิตร ที่แนะนำให้ตนดึงเอาพลังแห่งความดีงามออกมา และให้อโหสิกรรมแก่คู่กรณีนั้น แผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย เพราะเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายล้วนมีกรรมเป็นเครื่องกำหนด แรกๆ ตนยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะให้อภัยแก่ศัตรูคู่กรณีผู้นี้ได้ แต่เมื่อมาคิดถึงใจเขาใจเรา เขาก็คงได้รับความทุกข์ทรมานเช่นกัน จึงเริ่มรวบรวมสติอโหสิกรรมให้แก่เขา และแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย หลังจากนั้นแทบไม่น่าเชื่อว่าอาการของลูกชายจะดีขึ้น และตนก็รู้สึกสบายใจขึ้น ไม่มีความแค้นใดๆ หลงเหลืออยู่เลย มีแต่ความเข้าใจและปรารถนาดีต่อเขา จนเมื่อได้พบหน้ากันเขาก็เข้ามากราบขอโทษ ตนก็ยกโทษให้ด้วยใจจริง ไม่โกรธเคืองเขาเลย จนทุกวันนี้ก็คุยกันจนกลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว

ขณะเดียวกัน สิริยากร พุกกะเวส นักแสดงชื่อดัง กล่าวว่า สังคมไทยทุกวันนี้มีความขัดแย้งเกิดขึ้นหลายระดับ ตั้งแต่ครอบครัว ญาติมิตร สังคมจนถึงระดับชาติ ส่งผลให้บ้านเมืองเกิดความไม่สงบ จึงถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะต้องหันมาเริ่มต้นที่ตัวเองในการที่จะมีส่วนช่วยในการลดความขัดแย้งลง โดยรู้จักให้ความรักและให้อภัยแก่ผู้ที่มีความคิดที่แตกต่าง คนเรามีสิทธิ์ที่จะคิดต่างกันได้ และขอให้รู้จักอภัยให้แก่ผู้ที่เคยทำให้เราไม่สบายใจ ให้เลิกแล้วต่อกันไป เพื่อที่จะไม่เบียดเบียนกัน สร้างสังคมเราให้สงบสุขเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา และโครงการทำดีเพื่อพ่อนี้ก็เป็นกิจกรรมที่ดีที่จะช่วยรณรงค์ให้คนไทยรู้จักให้อภัยแก่กันและกัน

ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในโครงการนี้ได้ด้วยการส่งไปรษณียบัตรของโครงการ “ทำดีเพื่อพ่อ ขอคนไทย ให้ รักกัน” โดยส่งเรื่องราวของ “การให้” ในรูปแบบต่างๆ รวมถึงบอกเล่าความรู้สึกที่ต้องการจะส่งถึงแก่คนที่ตนอยากแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ให้ ทั้งที่เป็นมิตรหรือเป็นปฏิปักษ์ หรือผู้ที่เคยเข้าใจผิดต่อกันและต้องการที่จะปรับความเข้าใจกันใหม่ ส่งมาที่ตู้ ปณ. ๘๑ โครงการ “ทำดีเพื่อพ่อ ขอคนไทยให้รักกัน” ปณ. รองเมือง กรุงเทพฯ ๑๐๓๓๐ จากนั้นทางโครงการฯ จะนำไปรษณียบัตรเหล่านั้นมาร้อยเรียงต่อกันเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขนาดใหญ่ และจัดแสดง ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๑ พรรษา ในวันที่ ๕ ธันวาคมศกนี้ โดยพระบรมฉายาลักษณ์ดังกล่าว จะแสดงถึงการรวมพลังของพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศที่พร้อมที่จะให้ในสิ่งที่ดีๆ ต่อกัน อันแสดงให้เห็นถึงความสมานฉันท์ของคนไทย ที่พร้อมใจกันถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

นอกจากนี้ จะมีการจัดนิทรรศการในรูปแบบต่างๆ ที่แสดงถึงการให้ของคนไทยที่มีต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของการแสดงภาพจิตรกรรม การแสดงภาพถ่าย คลิปวีดีโอ เพื่อเป็นการตอกย้ำการรณรงค์ให้เห็นถึงความสำคัญของการให้ระหว่างคนไทยด้วยกัน เป็นการปลุกกระแส “การให้” ให้เข้าถึงคนไทยทุกภาคส่วนและสาขาอาชีพ ทางโครงการฯ จะเปิดรับและเผยแพร่เรื่องราวของ “การให้” ในแง่มุมที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกการให้ ทั้งการให้ความรักต่อครอบครัว ต่อชุมชนและสังคม หรือแม้แต่กับผู้ที่มีความคิดแตกต่าง หรือผู้มีความคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน อันเป็นจุดเริ่มต้นของความสมานฉันท์ของคนในชาติอย่างแท้จริง

องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนทั้งประเทศ สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการทำดีเพื่อพ่อ ขอคนไทย ให้รักกัน ได้โดยติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทรฯ ๐๒ ๖๑๐ ๒๓๖๔ หรือ www.dogood.or.th

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ

บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด

ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน โทรศัพท์ 0-2610-2357

กรกช ประกอบกิจ โทรศัพท์ 0-2610-2386

คุณนิธิดา อัศวนิพนธ์ โทรศัพท์ 0-2610-2326

คุณพัชรพร นิภาวัฒนพงศ์ โทรศัพท์ 0-2610-2336