กรุงเทพฯ--15 ธ.ค.--ก.ล.ต.
ตามที่คณะกรรมการกำกับตลาดทุนได้มีคำสั่งให้บริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (TSFC) เพิ่มเงินกองทุนให้เพียงพอตามที่กฎหมายกำหนด เป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 279 ล้านบาท โดยให้จัดส่งหลักฐานเป็นหนังสือที่แสดงว่ามีผู้ถือหุ้นแสดงเจตนาแบบไม่มีเงื่อนไขที่จะจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนหรือหุ้นกู้ด้อยสิทธิต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ภายในวันที่ 11 ธันวาคม 2551 พร้อมสั่งห้ามขยายกิจการและลงทุนเพิ่มเติมในตราสารที่มีความเสี่ยง นั้น
เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2551 TSFC ได้มีหนังสือแจ้งว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้มีการเพิ่มทุนภายในวันที่ 26 ธันวาคม 2551 อย่างไรก็ดี คณะกรรมการบริษัทเห็นว่าอาจมีแนวโน้มที่ผู้ถือหุ้นจะไม่ซื้อหุ้นเพิ่มทุน คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติที่จะดำเนินการเพื่อนำบริษัทเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 โดยคณะกรรมการบริษัทเห็นว่าการฟื้นฟูกิจการจะเป็นแนวทาง แก้ไขปัญหาที่สามารถให้ความคุ้มครองเจ้าหนี้ของบริษัท และลดข้อจำกัดในการปรับโครงสร้างทุนที่บริษัทจะเสนอแผนต่อผู้ถือหุ้นเพื่อลดทุนและเพิ่มทุนเพื่อสะสางผลขาดทุน ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนมีความมั่นใจในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท
คณะกรรมการกำกับตลาดทุนพิจารณาแนวทางในการแก้ไขฐานะการเงินของบริษัทแล้ว เห็นว่า เพื่อประโยชน์ของผู้ที่มีส่วนได้เสียของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ ลูกค้า และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง คณะกรรมการกำกับตลาดทุนจึงมีมติให้เวลาแก่บริษัทเพื่อจัดทำเอกสารประกอบการขอความยินยอมในการฟื้นฟูกิจการของบริษัทต่อสำนักงาน ก.ล.ต. โดยให้ส่งเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ภายในวันที่ 12 มกราคม 2552
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “จากการที่คณะกรรมการของ TSFC ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า บริษัทมีปัญหาด้านฐานะการเงินอย่างร้ายแรง ถึงขั้นมีมติให้ TSFC ต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการสำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่า TSFC ควรจะต้องเปิดเผยข้อมูลฐานะการเงินของบริษัทที่เป็นปัจจุบันที่แสดงถึงสินทรัพย์แต่ละประเภทตามราคาตลาดและหนี้สินให้เจ้าหนี้และผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบโดยทันที เพื่อที่บุคคลเหล่านี้จะสามารถตัดสินใจในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป”
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit